วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2548

ไปล่ะนะ


กุไม่ได้เป็นนักศึกษาฝึกสอนอีกต่อไปริ้วค่ะ
ในตอนนี้ กุเป็นนักศึกษาเต็มคราบอีกครั้งนึงแระ
ตอนแรกที่เลี้ยงส่งครั้งนั้น เค้าเลี้ยงส่งพร้อมภารโรง
เป็นแนวๆชาวบ้าน เลี้ยงส่งซะมากกว่า
แต่คราวนี้ พวกคณะครูพากุไปเลี้ยงที่ ร้านอาหารตอนค่ำๆ
ฝนก็ตก บรรยากาศน่าเสียตัว จริงๆ
กุมัวแต่ทำการ์ดเพื่อจะมอบให้เค้าอยู่
เรยเสียเวลาชิบหายเรย มั่วแต่นั่งพิมพ์
แร้วกะตัดกระดาษให้เป็นรูปหัวใจ แร้วก็เจาะรู
แร้วใส่ดิ้นสีทองๆ โอ้วเย่แร้วเสือกเป็นกระดาษหอมๆด้วยอ่ะ
แม่ง ... ครูเค้าแซวกันใหญ่ว่ายังกะการ์ดแต่งงานเรย
อิอิ
ฝึกไว้ก่อนเผื่อมีคนตาถั่วมาเก็บเอากุไปทำเมีย
กุเขียนคำขอบคุณไว้ให้ครูทุกๆคน
ชิบหาย เค้านัดกุไว้ เวลา 6 โมงเย็น
กุเสร่อไปซะ ทุ่มนึง มันเป็นสันดานกุเองแหละ ที่ชอบไปสาย
...
เค้าต้องโทรตามกุ ยังกะบุคคลสำคัญ
พอกุไปถึง เค้าแด่กกันซะเรียบแระ
เรยให้กุสั่งมาอีก แม่ง เรื่องแด่กอย่ามาถาม
กุแด่กหมด
วะฮะๆ

ต่อไปนี้ มันคงไม่มีอีกแล้ว กับโรงเรียนนี้
กุจำได้ว่าความทรงจำหลายๆเรื่อง
เกิดขึ้นที่นี่เกิดขึ้นกับเด็กๆ
ถึงแม้เรื่องวิชาการกุจะเหี้ยแค่ไหนก็ตาม
แต่เรื่องที่กุรักที่สุดคือ กุได้อยู่กับเด็กๆ
และถึงแม้ว่าหัวมันจะมีแต่เหา ยุ่บยั่บๆ อี๋ๆๆๆๆ
... แต่กุกะรักมัน ...
กุเคยคัดเลือกที่จะรักเด็กที่หน้าตา
แต่กุแปลกใจเหมือนกันที่ครั้งแรก กุเห็นมันไม่น่ารัก
กุเรยมะค่อยชอบเท่าไหร่ เวลามันมาคลอเคลียๆกุ
แต่ตอนนี้ กุรักมัน ไม่ว่าหน้าตามันจะเป็นยังไง
การที่กุจะรักเด็กซักคน กุไม่ได้เลือกหน้าตาของเด็ก
เหมือนผู้ชายที่ชอบล่อ ผู้หญิง
สวยๆ หุ่นดีๆ นมใหญ่ๆ

ทุกๆเย็น เวลาเด็กกลับบ้าน
กุจะต้องสอดส่องหาเด็กๆ ยังกะอิปอบ รอจกไส้
เพื่อดูเด็กๆที่บ้านอยู่ไกลๆแล้วพาเด็กไปส่งที่บ้าน
เด็กแม่งเก่งเหี้ยๆเรย เดินไปกลับโรงเรียน
บ้านก็ไกล แม่ง แร้วกุก็นางเอก สัด
ต้องไปส่งแล้วเด็กลงจากรถ ก็จะขอบคุณกุ
มันปลื้มจริงๆสำหรับชีวิตแบบนี้
เวลาขี่รถกลับบ้าน กุนี่ก็ยังกะนางงามเรย
ขี่ผ่านเด็กต้อง บ๊าย...บาย 
เด็กๆก็ทำยังกะกุเป็นนางเอกหนังเรย ... ต้องโบกไม้โบกมือให้กุตลอด
ก๊าก ... เหี้ยเอ้ย กุคิดถึงพวกนั้นจัง
เด็ก ป. 1 คนนึง มันชื่อไอ่นัท ไอ่นัทนี่มันโคตรเท่ห์
หน้าตาดีแค่ ป. 1 ก็เตะฟุตบอลเก่งดี
กุเคยเห็นมันเล่น แม่ง โดน!
แผล่บๆ อุ๊บส์!
นัทดูเป็นผู้ใหญ่ แร้วมันชอบทำหน้าตาแปลกๆ
ถ้ากุเดาไม่ผิด ไอ่นัทเริ่มมีหัวดอ เอ้ย หัวใจ
เป็นผู้ใหญ่แระ
มันมองกุ ไม่ใช่สายตาที่มองครู
แต่สายตาที่ส่งให้กุมันเป็นอีกแบบนึง
ที่เหมือนผู้ชายคนนึงมองผู้หญิง
คงเป็นอะไรตามประสาเด็กๆ ช่างเหอะ กุไม่ถือ
เด๊วมันโตขึ้น มันคงเลิกมองเห็นกงจักร เป็นดอกบัวไปเอง
กุไม่ได้คิดมากไปเอง แต่กุสังเกตหลายครั้งแระ
โอ้ว เย่ ... มันใช่เรยล่ะ
กุบอกนัทว่า
...
"นัทคับ นัทลูกชาย วันนี้ครูจะกลับแร้วน้า
ไม่มาหวัดดีครูเรยเหรอ ?"
ไอ่นัทมันงอนกุ มันไม่คุยก่ากุ มันทำหน้างอๆ
แร้วมันกะเดินหนีกุไป
แสดดด กุผิดเหี้ยไรเนี่ย ไอ่นัท! กุอยากรู้วววว
หนึ่ง มันเป็นเด็กออฯ
ชอบให้คนนั้นคนนี้ เป็นเมีย
ตอนพวกกุเข้าไปฝึกสอนใหม่ๆ
หนึ่งมันเห็น ปอร์ เพื่อนกุ
มันบอกว่า
"เนี่ยๆ ครูปอร์อ่ะ แฟนหนึ่งๆๆ เด๊วจะแต่งงานด้วยละ"
หรือไม่ก็
"เด๊วหนึ่งจะแต่งงานกับปอร์ละ เด๊วเอาเงินมาแต่งด้วย หมื่นนึง"
ชิบหาย ... ทำไอ่ปอร์ ขนหัวลุกเรยมึง
มีอยู่วันนึง พวกครูเค้าประชุมกันอยู่
แต่พวกฝึกสอน ไม่ได้ประชุมด้วย ก็คุมนักเรียนไป
ไอ่หนึ่งเจ้าเก่าแม่งเดินตามหากุ
แต่มันเรียกกุไม่ชัด กุได้ยินมันเรียกว่า
หนึ่ง : เห้ยๆ คูวิว ไปไหนวะ คูวิวอ่ะ คูวิวไปหนายยย
กุ : หนึ่งครับ หนึ่งมาหาใครครับ
ยังค่ะยัง ไอ่หนึ่งมันยังไม่สนใจกุ
แต่กุคิดว่ามันคงเรียกกุแน่ๆ ชัวร์ๆ ให้ถีบหน้าเรย
หนึ่ง : เห้ยๆ ใครเห็นคูวิวบ้างวะเนี่ย เห้ย เห็นไม๊วะ
กุ : หนึ่งครับ หนึ่งมาหาใครเนี่ยยยยยยย
หนึ่งได้ยินเสียงกุถามแระ
เลยหันมามองหน้ากุ แร้วก็พูดขึ้นว่า
หนึ่ง : มาหามึง! อะ
คา รา รวยยยยย ครวยเห้อะ หนึ่งงงงงง
กุหน้าชายังกะโดนตีนหลายๆตีนเหยียบหน้าเรย
อ่ะโห่ มึงนะมึง ใช้สรรพนามเรียกกุซะ
...
แร้วเด็กๆ ป. 6 ที่อยู่แถวๆนั้น แม่งก็หัวเราะกันก๊ากเรย
"เห้ยๆดูหนึ่งเรียกครูบลิวเด้ ก๊ากๆๆๆ"
มันตลกมากชิมิ ? แสดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กุเรยเผลอหัวเราะไปกะพวกมันด้วย
จะโกรธแม่งก็โกรธไม่ลง ชิบหาย
อย่าให้กุรู้นะว่าแกล้ง ออฯ น่ะ
กุจะตบกะโหลกให้สมองเด้ง ขี้หูออกมาเต้นแร็พเรย
( วันที่ชาวบ้านเลี้ยงส่ง เค้าถามว่าใครแฟนหนึ่ง
มันเสือกชี้มาตรงกุ แม่งกวนตีน
ตอนแรกแม่งหาว่าไอ่ปอร์ เป็นเมียมัน
พอจะกลับเสือกอยากได้กุซะงั้น เชรี่ย! )
เด็กนักเรียน ป. 2 คนนึง ชื่อเหี่ยว
( พ่อแม่ ไม่มีชื่อจะตั้งแร้วไงวะ )
เหี่ยวเป็นเด็กที่ถ้าใครเห็น ก็คงคิดว่า
หน้าตาไม่ได้ดีอะไร ไม่น่ารัก
ตอนแรกกุเห็น กุก็เฉยๆ เพราะกุยังไม่ได้รู้จักอะไรมันมาก
เหี่ยวเป็นเด็กบกพร่องฯ
แล้วอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมา ทำให้กุรัก
โดยไม่ได้คิดว่าหน้าตามันต้องน่ารัก
แต่เหี่ยวก็น่ารักสำหรับกุ
เหี่ยวจะมีคู่หูของคือ รจนา
รจนานี่แหละที่กุชอบไปหาเหาให้
และดูแร้ว เบลอๆ มึนๆ มากกว่าเหี่ยวด้วยซ้ำไป
รจนา : คู นู๋ไม่อยากเรียนแระอ่ะ
กุ : เอ้า ถ้าไม่เรียนจะไปทำไรเล่า
เหี่ยว : เห้ย ทำไมไม่อยากเรียนอ่ะ อิ๊รจ
ถ้ามึงไม่เรียน มึงก็จะโง่นะ
รจนา : กุไม่อยากเรี้ยนนนน
แร้วก็เกาหัว แกร่กๆ คงคันหัว เพราะเหาตรึม!
เหี่ยว : ไม่เรียนนะ จะโง่เป็นควาย! นะ
กุ : ใช่ๆ เหี่ยวพูดถูกนะคะ ใครไม่เรียน
จะกลายเป็นคนโง่นะรู้ป่าว
แล้วเหี่ยวล่ะ ? อยากเรียนไม๊คะ
เหี่ยว : คับ พ้มจาเรียนคับ
แต่ ... ถึงเวลาเรียนจริงๆ เหี่ยวแม่งไม่เคยเรียนเรย
เดินไปเดินมา ไฮเปอร์มาก ไม่ก็เล่นกับรจนา
คู่หูนั่นแหละ
กวนประสาทเพื่อนชิบหายเรย
กวนประสาทกุด้วย
บางที กุแม่งก็ต้องควบคุมอารมณ์
แอบคิดในใจ มึ้ง ไหนมึงบอกว่าอยากเรียนวะ
เกือบให้กุวีนแตกก็หลายหน โอ่ย ... กุลมจะจับ ร้ายกาจๆ
- -!
เหี่ยว : คูคับๆ ที่บ้านนู๋นะ ผลไม้เยอะแยะเลยอ่ะ
กุ : เหรอๆๆ แระบ้านเหี่ยวมีฝรั่งไม๊ลูก ครูอยากกิ๊น อยากกิน อ่า
เหี่ยว : ไม่มีคับ ที่บ้านนู๋นะ มี กระท้อน มีมะม่วง มี ฯลฯ
กุ : กรี๊ดดด งั้นเหี่ยวเอามาให้ครูกินหน่อยเด่ะ
โห่ เหี่ยวอ่ะ ดีแต่พูดว่ะ ไม่เคยเอามาฝากครูเล้ย
ครูรอกินฟรีมาตะนานริ้วนะ เด๊วครูก็กลับแล้วน้า
เหี่ยว : แระคูกลับวันไหนอ่ะ
กุ : พรุ่งนี้แหละ ไม่เจอกันอีกแร้วว
เหี่ยว : โห่ งั้นคูกลับไปเหอะ นู๋ไม่เอามาให้แระ
อ่าว ... อดแด่ก ซะงั้น ... ไอ่เหี่ยวนะไอ่เหี่ยว
แร้วมึงจะถามกุทำไมอะเนี่ย
-"-
จริงๆแล้ว ความรู้สึกที่ผูกพันกับนักเรียน โรงเรียน ครู
และชาวบ้านทั้งหลาย
มันมีอยู่เยอะมากๆ กุคงนึกออกมาไม่หมด
กุคิดถึงวันเก่าๆตั้งแต่วันแรกที่เอาตีนเหยียบเข้ามาในโรงเรียน
จนถึงวันสุดท้าย ที่นักเรียนร่ำลากุ
วันนั้นเด็กๆมีกิจกรรมกันเป็นฐาน
ช่วงบ่ายๆ เด็กกินข้าวเสร็จ ฝนก็ตกอย่างหนัก สะใจกุมากๆ
มันเหมือนเป็นฤกษ์ดีสำหรับกุ
ถ้าฝนตก กุมักจะมีความสุข
ในช่วงนี้เอง ที่เค้าเรียกพวกเด็กๆ
และเชิญคณะครูทั้งหลายมานั่งรวมกัน
พวกกุ และบรรดาคุณครูทั้งหลาย นั่งบนเก้าอี้
พวกเด็กๆนั่งกับพื้นกระเบื้อง แม่ง จ๊าบว่ะ ได้นั่งพื้นกระเบื้องซะล่วยย
นักเรียนออกมากล่าวความรู้สึก
มีเด็กนักเรียนตั้งแต่อนุบาล 1 ไปจนถึง ป. 6
พวกเด็กๆ รุ่นโตๆ มันก็ออกมาพูดได้
อาจจะเคอะเขินหน่อย แต่ก็พูดได้
ส่วนไอ่เด็กตัวน้อยๆ กระจ้อยร่อย เท่าจิ๋มมดนั่น
ก็ออกอาการเขินสุดฤทธิ์
มีนักเรียน อนุบาล 1 คนนึง แม่งร้องไห้ยกใหญ่
พวกกุก็นึกว่ามันแม่งต้องทำซึ้งที่พวกกุจะจากไป
กุเรยเรียกมันเข้ามาถามใกล้ๆ มันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ไม่ตอบกุซ้ากที
กุเรยให้มันร้องให้หายอยากซะก่อน แร้วถามมันอีก ว่า
กุ : กระแต นู๋ร้องไห้ทำไมคะ ?
กระแต : แง้ ๆๆๆ โฮๆๆๆ ฮือๆๆ ฮื้อออออออออออออ
กุ : กระแต คิดถึงพวกครูเหรอลูกเหรอ
ไม่ต้องร้องนะ โอ๋ๆๆ
กระแต : ฮื้ออออออออออออออออ
อึ๊กๆๆๆๆๆๆๆ ( เสียงสะอึกสะอื้น )
กุ : กระแต ไหนบอกครูซิคะว่านู๋ร้องทำไม
กระแต : นู๋พูดไม่เป๊นนนนนนนน แง้ๆๆ โฮๆๆๆๆ
เวรเอ้ย!
กุนึกว่าแม่งจะซึ้งที่พวกกุจากไป
ที่แท้ โดนเค้าจับมาเป็นตัวแทนเด็กอนุบาล 1
ให้พูดกล่าวลากุ แต่เสือกพูดไม่เป็น
เรยร้องห่มร้องไห้
กรี๊ดดดดดดดดดจังไรมาก กุหน้าแตกยับเรย
เอิ้ก หอยหลอด
แร้วเด็กๆ ก็ร้องเพลงกับทำท่าทางประกอบเพลง
"ลาแล้วลาก่อน นู๋รักคุณครู
คิดถึงคุณครู ลาแล้วลาก่อน
ด้วยถึงกำหนด ที่ครูต้องจร
ลาแล้วลาก่อน สวัสดีคุณครู"
ไอ่จี เพื่อนกุร้องไห้ ทำคะแนน ไปก่อนใครเรย
ร้องไห้เอาโล่ห์ ก๊ากๆ
กุก็ว่ากุอยากร้องไห้แต่กุก็เก็บไว้ในใจ
เหอๆๆ ไม่ชอบบรรยากาศการลาจากเรยว่ะ
... มันเศร้า ...
แร้วเค้าก็ให้พวกกุออกไปพูดความรู้สึกกัน
กุก็พูดๆไป พูดยาวกว่าเพื่อนเรย
กุต้องไปจากที่นี่แล้ว
แต่กุบอกกับเด็กว่า กุจะมาเยี่ยมเด็กๆ อีก
กุต้องกลับมาแน่ๆ แต่เด็กๆคงลืมกุแหงๆ
เห้อ ... ครูจะเก็บพวกมึงไว้ ในความทรงจำว่ะ
~ สัญญา! ~
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ขอย อ่านว่า ขอย แปลว่า อิจฉา
แต่งประโยค ป้าคนนั่น แต่งตั๋วงามขนาด น่าดีขอยแต้ๆ
แปลอีกทีว่ะ ป้าคนนั้น แต่งตัวสวยสุดฤทธิ์ อิจฉาจัง
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล อย่าคิดว่าบล็อกกุจะน่าอ่านเสมอไป อย่าคิดว่ากุน่าค้นหา
กุเขียนบล็อกเพราะอยากเขียน ไม่ได้เขียนขายเรื่อง
อย่ามาเอาเหี้ยไรกะกุเรยค่ะ
@^_^@

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2548

เลี้ยงส่ง

เมื่อวาน ที่โรงเรียนกุมีงานเลี้ยงส่ง ภารโรงที่ปลดเกษียณ
และ ขับไล่ไสส่ง เอ้ย! เลี้ยงส่งพวกกุ 
พวกครู เตรียมอาหารคนละ 1 อย่าง
และพวกแม่บ้าน ก็เตรียมกับข้าวหลายอย่างเหมือนกัน
กุไปสายนิดๆ จะได้ดูเท่ห์ เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจ
( จริงๆแล้ว ไม่ใช่ ... กุลีลาเอง อยากไปสาย กวนตีนเค้าซะงั้น ก๊าก )
ก่อนไปโรงเรียน กุขี่รถไปซื้อพวงมาลัยมา 2 พวง
ย้ำ!
ว่าพวงมาลัยมิใช่ พวงสวรรค์ นะคะ หิหิ
พวงละ 10 บาท แต่พวงไม่เล็กมาก ขนาดพอดีๆ
ตอนแรกกุนึกว่าจะแพงชิบๆแต่ก็ไม่แพงชิบๆ อย่างที่ใจคิด
เออดี ถูกใจกุยิ่งนักของถูกๆ กุชอบบบบบบ กรี๊ดๆๆๆๆ
ขี่รถไป แม่ง ชิบหาย กุลืมดูถนน ทั้งๆที่ก็ขี่ผ่านทุกวัน
แต่เสือกลืมว่ามันมีหลุมเต็มไปหมด กุเสือกขี่รถตกหลุมซะงั้น
โง่จริงๆ
ไปถึงโรงเรียน ก็ประมาณเกือบ 10 โมง
โคตรเท่ห์เรยกุ คนมองกันตรึมแต่กุมั่นใจ
เอารถไปจอด แร้วก็เดินดุ่มๆ ไปเข้าห้องน้ำ
ไม่ใช่ไร ปวดเยี่ยว กุเรยเดินไปเยี่ยว
-"-
แร้วกุก็มาช่วยพวกครู และแม่บ้าน ทำกับข้าว
แหม่ ... ช่วยไปแด่กไป จนเค้าแซว
แม่บ้าน : ไอ่บลิวมันจะมาอิ่มก่อนได้กินจริงล่ะม้างเนี่ย
กุ : แหะๆ แหม่ ... ก็ว่าไป ดูหุ่นนู๋ดิ้ ป้า
หุ่นนู๋มันก็บอกอยู่แร้วว่า นักกิน ระดับขั้นเทพง่า
อร่อยดีแฮะ  กุก็ไปนั่งที่เก้าอี้
ตรงชาวบ้านนั่งประชุมกันเต็มไปหมดแม่ง เขิลล์ๆ แฮะกุ
แบบว่า จะอำลาครูฝึกสอนแระ ประมาณนี้
ลุงภารโรงแกกะนั่งอยู่แถวหน้า ส่วนพวกกุนั่งแถวข้างๆ
แม่งเห้อะ ชาวบ้านก็เยอะ อู๊ยยย อายจังค่ะ
( หน้าอย่างกุเนี่ยนะ อาย ? )กร๊ากกกกกก
ไปๆมาๆ ผู้อาวุโส ประจำหมู่บ้าน
อวยพรให้พวกกุ กับลุงภารโรง ผู้อาวุโส แกก็ สั่นกัน
หงึกหงักๆ
ไม่ใช่สั่นสู้ แระไม่ใช่สั่นเพราะแก่ แต่เป็นเพราะ
ประหม่า เขิลล์ อาย มั้ง เพราะเวลาพูด ขาสั่น หงึกๆ
และพูดเสียงกระเส่า เอ้ย! เสียงสั่น ผู้อาวุโสบางท่าน
แม่งยืนแทบไม่ได้ ต้องนั่งเก้าอี้ เพราะว่า เขิลล์ แร้วขามันสั่น
แม่ง กุนั่งฮาก่าเพี่ยนๆบ้าชิบหาย ... กุก็บาปจริงๆ
ก๊ากๆๆๆๆ นรก! มากเรยกุ
พอผู้อาวุโส กล่าวอวยพร ให้พวกกุ และลุงภารโรงจบ
พวกกุออกไปพูดทีละคน
ตอนแรกไอ่ปอร์ออกไปคนแรก
เค้าให้ไอ่จี มันเป็นคนแนะนำชื่อจริงของไอ่ปอร์
พอไอ่จีออกไปพูดคนที่ 2
เค้าก็ให้ไอ่ปอร์ เป็นคนแนะนำชื่อไอ่จี
พอกุออกไปพูดคนที่ 3
สรัด!
ไอ่ห่าปอร์แม่ง เสือกแนะนำชื่อกุถูก
แต่เสือกแนะนำนามสกุลของกุเป็นของเพื่อนอีกคนนึง
โอ้ย อิห่า ... สงสัยแม่งไอ่ห่าปอร์ละเมอ
กะตอนเรียน ในใบเช็คชื่อ
ชื่อของกุก่าชื่อของเพื่อนที่ไอ่ปอร์แนะนำนามสกุลของมัน
มาใส่ของกุเนี่ยเสือกอยู่ใกล้กัน มันเรยสับสน
กุเรยงงๆ ว่า เอ๊ะ ยังไงของมันวะ
หน้าแหกสิ ไอ่ปอร์ กุด้วย หน้าแหกเพราะหน้ากุเอ๋ออ๋า เหรอหรา มาก
อะไรของมัน ส่งซิก ให้มัน เห้ยๆ
ไม่ใช่นามสกุลกุ๊ เห้ยๆ มึ้งมันก็ไม่รู้ตัว
แม่ง อิหอยหลอดเวรเอ้ย!
กุแม่งตอนยังไม่ได้ออกไปพูด
เสือกคิดคำพูดได้ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่พอได้จับไมค์
กุเสร่อมาก ที่เกิดประหม่าขึ้นมา
ไม่อยากเชื่อว่าหน้าด้านๆอย่างกุ
ทำเหี้ยไรบ้าๆบอๆมานักต่อนักจะมาเขิลล์เอาอิตอนนี้ได้
แม่ง ไม่อยากเชื่อตัวเองเรยจริงๆ

กุล่ะอยากกระโดดถีบยอดหน้าตัวเอง ด่าตัวเองในใจ
นี่มึงเป็นส้งติงไรของมึงอิบลิว อิห่า มึงบ้าแร้วเหรอ
มึงนึกเซ่ๆๆ ไอ่ที่นั่งๆนึกเมื่อกี๊เนี่ยแต่ก็เท่านั้น
ด่าตัวเองไปก็ไม่สะท้านทรวง เพราะสมองมึนตึ้บ กลวงโบ๋วววว
กุจึงพูดผิดๆ ถอกๆ เอ้ย! ถูกๆ ขำๆตัวเอง
แต่ก็อยากร้องไห้ แม่ง มันอึดอัดๆ ตื้อๆ
อยากร้องไห้ ไม่ใช่ว่า อาการประหม่าเชี่ยไรหรอก
แต่กุ ... มาคิดว่า ... มันมาถึงวันนี้แล้วเหรอ ?
ที่กุจะต้องจากที่นี่ไป อารมณ์ในวินาทีนั้น
อารมณ์ประมาณนางเอกมากๆ
เหมือน พจมาน สว่างวงค์ ต้องจาก บ้านทรายทองไป
กุเรยคิดไรออกมานิดเดียว ถ้าพูดแพล่มมากเกินไปกว่านี้
กุคงร้องไห้แน่ๆ
คนต่อไปคือไอ่นุก มันออกไปพูดเป็นคนสุดท้าย
ไอ่ปอร์ก็แนะนำชื่อมัน แม่ง ทำไมแนะนำคนอื่นถูกหมด
แต่กุ๊ ทำไมผริด!
ใช่สิ ... กุมันไม่สำคัญ ฮือๆ ใช่เซ่ กุมันไม่สวย
กุมัน อ้วน เตี้ย เหี้ย ดำ เน่( เกี่ยวไม๊วะ ? )
แล้วท่านผู้อาวุโส ทั้งหลาย
ก็มอบของขวัญให้พวกกุ และลุงภารโรง
เย่ๆๆๆๆ วี้ดวิ้ววว กรี๊ดๆๆ กุได้กล่องสีชมพู ด้วยเว้ยเฮ้ยยย
แม่งดีใจ กุไม่สนของที่อยู่ในกล่องเท่าไหร่
แต่กุดีใจตรงที่กุได้กล่องสีชมพู โอ้วเย่
แม่งถูกใจกุจริงๆค่ะ ... กะกุชอบสีชมพูเน่
กริ๊วววววววววว ร่าเริงๆ ลั๊ลลา
มีเด็ก ป. 6 ให้การ์ดกุด้วย เป็นการ์ดสีฟ้า
ที่เด็กทำเอง แร้ววาดรูปวอลเล่ยฯ ให้กุ
แม่งกุแซวๆมันว่า
กุ : เห้ย นี่วาดรูปวอลเล่ย์ฯ ให้ครู หรือวาดรูปตะกร้อกันแน่วะ
ก๊ากๆ ถ้าไม่เขียนกำกับว่า เป็นวอลเล่ย์ฯ
ครู นึกว่าตะกร้อนะเนี่ย
เด็ก : ครูบลิวง่ะ งั้นเอาคืนมาเรย
กุ : โอ๋ๆ ครูล้อเล่นค่า แหม่ สวยๆๆ ขอบใจนะจ๊ะ
แร้วกุก็โปรยยิ้มหวาน หยาดเยิ้ม ให้มัน 1 ดอก
มันอุตส่าห์ทำให้ กุก็ยังเสือก ไปแซวมันอีก
นี่ถ้าเป็นเพื่อนกุ มันคงพูด
"อิห่าบลิว เรื่องมากจริง มึงไม่ต้องเอา อิควาย" เป็นแน่แท้
เอิ้กๆ
- -!
จากนั้นเค้าก็เปิดคาราโอเกะกัน
แล้วร้องเพลง สมัยรุ่นเดอะ
ตะแต่กุยังไม่เกิด ยังคงเป็นวุ้น อยู่ในมดลูกแม่
หรืออาจจะเป็น ตัวอสุจิ ที่พ่อยังไม่ได้ว่าวออกมาก็ได้
กุเรยร้องไม่เป็น ได้แต่เป็นดีเจ คอยเปิดให้เท่านั้น
แม่ง ... พอถึงเวลาแด่ก กุก็ไม่ได้แด่กดีกะเค้า
ชิบหาย ... มาตามให้กุไปเปิดคาราโอเกะให้อยู่นั่นแหละ
กะกุเปิดเป็น อยู่คนเดียว แต่กุกะสอนเค้าเปิดแร้วนะ
แต่เค้าก็งกๆเงิ่นๆ เอ้าเอาสิ
กุอีกแระ ... มารคอหอย เจรงๆ
กุกะลังแด่ก อย่างตะกละตะกลาม
แม่งก็ลากๆกุไปเปิดเพลง วู้
...
พอกุวิ่งกลับมาแด่กอีก แม่งก็เดินมาเรียกกุอีก
โอ้ย ... กระเพาะกุครากหมดแว้ว
พอกุแด่กไปอีกนิดนึง เอาอีกแระ



พอกุหนีจากแถวๆนั้นได้ กุก็ชวนเพื่อนๆ
ไปไหว้ลุงภารโรง โดยนำพวงมาลัย
ที่กุไปหาซื้อมาไหว้พอขอบคุณลุงภารโรง
พอลุงภารโรงอวยพรให้เสร็จแล้ว
ก็นำพวงมาลัยอีกพวงนึงไปไหว้ขอบคุณ ผ.อ
แล้วก็ขอพร ผ.อ 

สุดท้าย ... กุได้กลับบ้านทีหลังเพื่อน
อ๊ะๆ ไม่ได้อยากอ่อยนะคะแต่กุแม่งซวย
เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาของกุ ท่าน ผศ.ดร. ของกุนั้น
ได้ฝากเอกสารให้ ผ.อ กุกรอก
แร้วฝากให้กุรับผิดชอบ เอาไปให้แก
ต้องรอ ผ.อ กรอกให้เสร็จ เพราะมันเยอะมาก
หลายหน้าสุดๆกุเรยต้องเป็น ดีเจ
ร้องเพลงกัน
ให้คอแตกกันไปข้างนึง

พอ ผ.อ เซ็นให้กุเสร็จเท่านั้นแหละ
กุรีบ ไหว้ หวัดดี ชาวบ้านชาวเมือง แร้วกุก็รีบไปที่รถ
บิดกลับบ้านแม่งเรย 
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ป่าโข่ อ่านว่า ป่า - โข่ แปลว่า ป่ารกทึบ
แต่งประโยค วันนี่น่องโบว์ฮัดขี่รถเคี่ยง เลี่ยวเข้าป่าโข่ เจ๊บเจ่นห่อ
แปลอีกทีว่ะ วันนี้น้องโบว์หัดขี่มอไซค์ เลี้ยวเข้าป่ารก แม่ง เจ็บสุดๆ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2548

กีฬา ... พากลุ้ม


กุเป็นนักศึกษาฝึกสอน
ดังนั้นเมื่อมีกิจกรรมอะไรก็ตาม กุก็ต้องเข้าร่วม
เมื่อวันพฤหัสบดี สีแสด ที่ผ่านมา มีการจัดกีฬากลุ่มขึ้น
กีฬากลุ่มก็คือ โรงเรียนในตำบลนั้นๆ มาแข่งกีฬาร่วมกัน
โอ๊ย ... ช่างหัวแม่งเหอะ ขี้เกียจอธิบาย กุเข้าใจคนเดียว พอ!
กุได้ดูสูจิบัตรว่า กุมีหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่อะไรบ้าง
อ้อ ... กุได้เป็นกรรมการวอลเล่ย์บอล วุ้ย
แม่งก่อนวันที่จะแข่งกุเคืองมาก ไม่บอกกุซักคำว่าจะให้กุ
เป็นคนซ้อมวอลเล่ย์ฯ ให้นักเรียน กุก็แม่ง
ไม่ได้เอากางเกงใน เอ้ย! กางเกงวอร์ม มา
กุจะทำงานซักหน่อย ถึงเวลาซ้อมเด็กแม่งก็มาเรียกๆกุ
ให้กุช่วยไปซ้อมให้มัน เชรี่ย มาลากๆกุ ยังกะลากควายไปไถนา
แดดร้อนก็ร้อน ขากุแม่งก็ดำชิบหาย ตั้งแต่ไปซ้อมเชียร์ให้เด็กปี 1
เมื่อปีที่แล้วนู้น แทนที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ก็ดันเสือกมาขี่รถทู้กวันๆๆๆ แร้วต้องซ้อมให้เด็กอีก
จนแม่ง ตอนนี้ ขากุเป็นอีเหนี่ยงแระ
สัด กุเซ็ง
ผ.อ บอกพวกกุว่า ต้องไปช่วยกีฬากลุ่ม 
3 วันแน่ะ เศร้าโคตร เสือกแด๊กเวลาหยุดพักผ่อนในวันเสาร์ของกุอีก
ตอนเช้าวันพฤหัสบดี กุต้องไปแต่เช้า เด็กแม่งมันเดินขบวนกันเช้า
กุต้องแหกขี้ตาตื่นไป พอถึงเวลาแข่ง กุก็ไปถามพวกครูเค้าว่า
"จะให้นู๋ช่วยทำอะไรดีคะ ?"
แล้วเค้าก็บอกกุว่า
"นู๋บลิวช่วยเป็นคนกำกับเส้นก็แล้วกันนะ ช่วยๆกันหน่อยเนาะ"
กุเรยกลายเป็นผู้กำกับเส้น คอยดูว่าลูกมันลงหรือมันออก
อืม ... ธงเหี้ยไรก็ไม่มีให้กุ กุต้องใช้มือชี้เป็นสัญญาณบอก
แดดแรงมาก ร้อนสุดๆ ร้อนจนกุรู้สึกแสบหน้าแสบแขนไปหมด
จริงๆแล้วกุมีหน้าที่แค่ วอลเล่ย์ฯ คู่แรก
... แต่ ...
ต้องแบกรับภาระหน้าที่ กลางแดดเปรี้ยงๆ
ไปอีกหลายคู่
เหตุเพราะว่า ... พวกครูโรงเรียนอื่น
 ไม่รับผิดชอบ
แม่ง ตัวเองมีหน้าที่เป็นกรรมการก็ไม่รู้จักทำหน้าที่
คงคิดว่าพวกเด็กฝึกสอนมี ให้มันทำ ๆๆๆ
เออ ... กุก็ร้อนนะเนี่ย เหนื่อยก็เหนื่อย
แต่ครูบางคนก็ชมว่า
"ผ.อ โรงเรียนนี่ดีนะ ถึงจะไม่มา แต่ก็ยังส่งพวก
น้องๆฝึกสอนมาช่วยงานด้วย ทำให้พี่รู้สึกกระชุ่มกระชวย 
จริงๆนะจ๊ะ"

พวกกุตากแดดเปรี้ยงๆกัน จนแทบเป็นไข้
ครูโรงเรียนกุเป็นกรรมการตัดสินวอลเล่ย์ฯ เป่านกหวีด ปี๊ดๆๆ นั่น
เค้าเห็นพวกกุทำงานเยอะ เค้าเรยมาบอกกับกุว่า
"นู๋บลิว ต่อไปถ้าเห็นครูไม่ได้ตัดสิน ก็ให้ออกมาเรยนะ
ครูพวกนี้นิสัยเสีย เราช่วยเค้าตลอด เค้ามีหน้าที่กลับไม่ทำ"
ในใจกุนี่คิด
กรี๊ดดดด โอ้ว เย่ ดีจริงๆ ดีมากๆเรยค่า นู๋ปวดขาชิบหายแร้วค่า
แต่ปากก็พูดไปว่า
"แล้วมันจะดีเหรอคะ ถ้าพวกนู๋ไม่ทำ เค้าจะว่าหาว่าพวกฝึกสอนไร้น้ำใจ"
ปากดีจริงๆกุ
ฮรี่ๆๆๆๆๆๆ
ครูเค้าก็บอกอีกว่า
"ใครมันจะมาว่า ในเมื่อแบ่งหน้าที่กันแล้ว
ในสูจิบัตรก็บอกรายชื่อคนรับผิดชอบไปแล้ว"
พอกุไม่ได้เป็นกรรมการแล้ว กุจึงไปนั่งกรี๊ด เชียร์เด็กโรงเรียนกุ
แม่ง มันไม่มีใครกรี๊ดเชียร์นี่หว่า กุเรยไป กรี๊ดดดดดดดดด
จนคนอื่นเค้าหันมามอง ก๊ากๆๆ
กุกลัวเด็กไม่มีกำลังใจไง ( มันจะเล่นถดถอยเพราะมึงกรี๊ดเนี่ย )
ใครที่ยืนเชียร์ข้างๆกุ เห็นกุกรี๊ด แม่งมันเรยมายืนกรี๊ดคู่กุ
สะใจชิบหาย!
คงเป็นเพราะกุเก็บกดตั้งแต่เป็นกรรมการแร้ว
จะเชียร์ก็เชียร์ไม่ได้ เป็นกรรมการไง
ตอนกุยืนกำกับเส้นอยู่ ช่วงโรงเรียนอื่นมันแข่งกัน
กุเห็นเด็กผู้หญิงกลุ่มนึง มันกรี๊ดดดดดดด เวลาโรงเรียนมันได้แต้ม
พออีกโรงเรียนนึงได้แต้ม เด็กอีกกลุ่มนึงก็กรี๊ดดดดดด ให้อีก
ทำให้กุเผลอนึกไปว่า
อิดอก กุแสบแก้วหู มดกัดแตะ รึไง แสดดดดดด
แต่พูดไม่ได้ จึงต้องงึมงำๆ อยู่คนเดียว หมั่นไส้จริงๆ
กุได้ยินเด็กกลุ่มที่อยู่ใกล้ๆกุ มันพูดถึงฝั่งตรงข้ามว่า
"เห้ยๆ มีคนมองหน้าพวกเราว่ะ"
กุอยากจะบอกจริงๆว่า
"นี่มึงจะหาเรื่องกันไปถึงไหน ไม่ได้ตบกันนี่ ขี้ไม่ออกรึไง"
คงไม่รู้แร้วว่า ... กุนี่แหละ ผู้หญิงตอแหลรุ่นพี่พวกมึง!
กุเคยเป็นเด็กตอแหลมาก่อน ทำไมกุจะไม่รู้ว่า มันเป็นยังไง
แต่ในคราบของครูสาว กุก็ต้องทำเป็นยิ้มๆ โปรยความใจดี ครอบคลุม
ชิบหาย ถ้ากุอยู่กับเพื่อนๆ แร้วไม่ได้เป็นครูนะมึง!
แต่ก็ต้องทำใจ คิดซะว่า เด็กมันกะลังตื่นเต้นที่จะมีขน
ตอนนี้หน้ากุดำมาก จากเซเลอร์มูน กลายเป็นเปาบุ้นจิ้น ซะงั้น
กุอุตส่าห์ โบ๊ะครีมไปแทบหมดกระปุก ไหนจะใส่แว่นตา
ใส่หมวก ใส่เสื้อคลุม ให้มันปิดไปทั่วทุกอณูรูขุมขน
แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้กุดูดีขึ้นมาได้เรยซักกะนิด
เวลากินข้าว พวกป้าแม่บ้านถามหากุกัน
"บลิวไปไหนอ่ะ ไม่เห็นมันมากินข้าว ป้าอุตส่าห์ทำมา"
ฮั่นแน่ !!! แอบหลงรักกุแร้วล่ะเซ่
เวลากุกรี๊ดเสียงแห้ง ก็เอามะนาวมาให้กุเว้ยเฮ้ย น่ารักจริงๆ
กุกรี๊ดจนมีคนมาถามพวกป้าแม่บ้าน
"ป้าๆ ใครอ่ะที่กรี๊ดเสียงดังๆอ่ะ โห สุดยอด ทำได้ไง"
"อ๋อ เค้าเป็นครูฝึกสอนน่ะ มาเชียร์เด็กโรงเรียนเค้า"
555555555 อิจฉากุล่ะเสะ เอาเสียงเข้าสู้เว้ย
ถึงจะแพ้ก็ตาม
-"-
แม่ง กุเศร้า
วันสุดท้ายกุก็แหกขี้ตาตื่นไปโรงเรียน
ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานอีกเช่นเคย
กุไปด้วยความมึนๆ เบลอๆ ง่าวๆ ง่วงๆ แถมขี่รถหลับในอีก
โอ้ว เย่ เยะเป็ด มากๆค่ะ ทำได้ไงไม่รู้

ขากลับบ้าน กุขี่รถของกุอยู่ดีๆ อิรถเหี้ยคันนึงทำกุรมณ์เสีย
แม่ง กุไม่ได้ทำไรผิด เห็นมันช้า กุกะแซงมัน ถูกกฎจราจรแร้วนะ
พอมันแซงกุ กุก็ไม่ได้คิดไร ทีนี้เห็นแม่งช้าอีก
กุก็แซงมันไปอีก พอกุเข้าทางของกุแล้ว
อิรถที่มีคนขับสันดานควายนี่ แซงกุแร้วแม่ง เกือบเฉี่ยวกุ
ไอ่เหี้ย ไม่ชนกุให้ตายไปเรยเล้า สรัด!
แถมยังบีบแตรใส่กุอีก กุเกลียดชิบหาย อิพวกขับรถ แร้วบีบแตร
หนวกหู ... ขนาดม๋าตัดหน้ากุ กุยังไม่บีบแตรเรย
กุหมั่นไส้เรยรีบบิด แซงหน้ามัน มันก็บีบแตรใส่กุอีก
กุยอมรับว่า กุเป็นคนขี่รถกวนตีน แต่ตอนนั้นกุไม่ได้กวนตีน
กุไม่ผิด! กุขี่มาดีๆอยู่แล้ว กุไม่แน่ใจว่า ที่บีบแตรใส่กุ
เพราะกุเป็นเพศเมีย หรือเพราะว่า ต้องการกวนส้นตรีนกุ
แต่กุแช่งไปหลายร้อยคำแระ ไอ่สาดนี่ เมียไม่ให้ล่อรึไงวะ
เอิ้กๆ
กลับมาบ้าน กุก็นอนขึ้นอืด ก็ยังเสือกเพลียๆอยู่
ผ้าก็ยังไม่ได้ซัก งานก็ยังไม่ได้เคลียร์ โอ๊ย กลุ้มโว้ย
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า เย่ย อ่านว่า เย่ย แปลว่า พี่สาว
แต่งประโยค วันนี่เย่ยย่ะสอนน่องตังย่ะซาลาเปาหนาเจ้า
แปลอีกทีว่ะ วันนี้พี่จะสอนน้องตังทำซาลาเปานะคะ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ตกเย็นกุจึงไปนั่งแด๊กมู๋กะทะสบายใจ สบายพุง
ความกลุ้มจะได้ย่อยลงในพุงปลิ้นๆของกุให้หมด สะใจ!
( กว่าผิวกุจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ไม่หมดครีมเป็นถังๆเรยเหรอวะเนี่ย )
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กุแสบหน้าโว้ย

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2548

รู้ไม๊ ... กุลูกใคร ?

สมัยกุสาวๆช่วงที่อยู่ประมาณ ป. 5 - ป. 6
กุจำได้ว่า เพื่อนๆในห้อง แม่งมันล่อ เอ้ย! ล้อชื่อพ่อชื่อแม่กัน
บางครั้งถ้ามันเบื่อ ชื่อพ่อชื่อแม่ มันก็จะไปสืบเสาะ
หาชื่อของโคตรเหง้าศักราชมาจนได้ ถึงแม้จะตายห่าตายโหงไปแล้ว
แม่งก็ยังเสือกจะขุดมาได้อีก
กุยังจำได้ว่า สมัยกุ ตอนมันฮิตๆ สุดขีดนี่
ก็คงตอนกุอยู่ ป. 6
แรกๆกุก็มึนๆ โง่ๆ เบลอๆ ไปหน่อย
จู่ๆ เพื่อนมันเสือกเดินมาหากุ แระก็แม่ง มาพูดต่อหน้ากุว่า
เพื่อน : อุทัย!
กุ : อ่าว สัดดอก เรียกชื่อพ่อกุทำไม ?
แต่กุก็ไม่ได้สนใจอะไร กุไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เทรนด์ด่าพ่อล่อแม่
มันเสือกฮิตขึ้นมา ในตอนนั้น
จนมันเริ่มจะเข้ามาประทับโสต กุบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น
กุเห็นแม่ง เพื่อนกุโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
( ถ้าเพื่อนคนไหนหน้าดำ เวลาโกรธจะออกเขียวๆ )
เอิ้กๆ
กุว่าใครล้อชื่อพ่อชื่อแม่ มันไม่เห็นจะน่าโกรธตรงไหน
แต่พอเห็นเพื่อนมันเสือกโกรธ กุกะเลยโกรธบ้าง
อ่าว ... ซะงั้น
คือแบบว่า ไม่อยากตกเทรนด์ไง หิหิ
ก็ไม่รู้ทำไมว่ะ ทำไมตัวกุต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นด้วย
ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ไปสะกิดต่อมอะไรภายในร่างกายซักหน่อย
แล้วปฏิบัติการ สืบค้นประวัติ ขนาด google ที่ว่าเจ๋ง
ก็ยังแพ้ราบคาบ นั้น ก็เริ่มขึ้น
กุงงว่า เพื่อนแม่งไปหาชื่อพ่อแม่ คนในห้องมาจากไหน
อาจจะไปหาที่ สมุดเรียกชื่อ หรือสมุดพก หรือประวัติห่าไรก็ช่างแม่ง
แต่โคตรอัจฉริยะจริงๆว่ะ กุว่าเนี่ย เสือกไปหาเจอจนได้
โตไปคงต้องให้ไปเป็นหน่วยพิสูจน์กลิ่นท่าจะดี อนาคตรุ่ง!
เมื่อมีคนเริ่มโกรธ เริ่มแก้แค้น คิดหาชื่อพ่อแม่มาล้อกัน
ทุกอย่าง ก็มันส์พะย่ะค่ะ
การล้อชื่อพ่อชื่อแม่ ถ้าเสือกล้อกันโต้งๆ ก็จะไม่เริ่ด
แม่งก็ต้องหาวิถีทาง ที่จะให้เพื่อนมันแค้นใจให้ได้มากที่สุด
อดีตเพื่อนคนนึง ( ก็เคยเป็นเพื่อนแต่ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันอีก จึงเป็นอดีต )
พ่อมันชื่อ ประสิทธิ์ แม่ชื่อ ยัยน้อย
กุก็ชอบไปล้อมันว่า
กุ : เห้ยๆ มึง เห็นรถคันนั้นป่ะ กุว่าประสิทธิภาพ!ของคนขับรถคงน้อย!อ่ะ
วะฮะๆ กุหัวเราะด้วยความสะใจ ส่วนมัน ถลึงตาใส่กุ จนแทบถลน
น่ากัวมั่ก -"-
แต่มันก็โดนกุซัดซะ 1 ดอก สะใจเหี้ยๆ
อดีตเพื่อนอีกคน ผู้ซึ่งมีชื่อพ่อกับชื่อแม่ สามารถ
นำมาแต่งประโยครวมกันได้ เหมือนอดีต เพื่อนคนแรก
พ่อมันชื่อประโยชน์ แม่ชื่ออำนวย 2 คำ นี้ จะอยู่ในหนังสือหลายๆวิชา
มันก็โดนพวกเพื่อนๆในห้องรวมทั้งกุ ซัดซะ ในเวลาที่อาจารย์
ให้อ่านข้อความในหนังสือ เช่น
"เครื่องปรับอากาศ สามารถ อำนวยประโยชน์! ให้เราคลายร้อน"
ถ้ากุเป็นมัน กุคงช้ำใจตายห่า เพระแม่ง วิชาไหนๆ ก็มีแต่ชื่อพ่อแม่มัน
พ่อแม่อยู่บ้านเฉยๆ คงสำลักชักดิ้นชักงอไปแระมั้ง
ส่วนกุ เวลาโดนล้อชื่อพ่อแม่ ก็จะรู้สึกโกรธชิบหายอยู่เหมือนกัน
( ก็บอกแล้วไง ไม่อยากตกเทรนด์ )
กุจึงต้องหาวิธีปรับเปลี่ยนซะใหม่
จากที่เคยโกรธๆ เคืองๆ ก็เปลี่ยนมาเป็น
เพื่อน : อุทัย!
กุ : อะไรนะ กุหน้าเหมือนสาวแดน อาทิตย์อุทัยเหรอ
ดีจังๆ มึงเป็นเพื่อนที่น่ารักมาก
เพื่อน : สุนันทา!
กุ : อุ๊ยตายแระ สุนันทา นี่เป็นชื่อของเมียพระอินทร์นะมึ๊ง
แสดงว่า ยกให้พ่อกุเป็นเหมือนพระอินทร์ด้วยเหรอ กรี๊ดๆ ขอบใจนะคะ
หน้าด้านมาก !
แก้ไปด้วยน้ำขุ่นๆ สุดๆ แต่ก็สามารถกู้หน้ามาได้นิดหน่อย
เพราะเพื่อนจะรู้สึกอึ้ง และหันกลับมาพิจารณา
ตัวเองว่า นี่กุต้องหาวิธีใหม่ๆมาล้อมัน แร้วเหรอวะเนี่ย
ปล่อยให้มันแป้กไป สมหน้ามึง!
สมัยที่อิโบว์น้องกุเรียนอยู่จุฬาภรณ์ฯ ในช่วง ม.ต้น
( แม่งเรียนเก่งว่ะ สัดนี่ อิจฉา )
มันเคยเล่าให้ฟังว่า เด็กเรียนเค้าก็ล้อชื่อพ่อชื่อแม่เหมือนกัน
ถ้าเพื่อนมันจะล้อชื่อพ่อ มันก็จะทำเสียงไอ
"ไอ ไอ ไอ ไอ ไอ ถุ"
~ อุทัย ~
... หรือเวลา ...
น้องกุมันอยากจะล้อชื่อแม่ของเพื่อนมันก็จะพูด
ประกอบเหตุกาณ์บางอย่าง
"โห่ อย่าทำงี๊สิ มีไรทำไมไม่บอกกัน มันคา คา คา คา คาทะลีแย็ท"
~แคทลียา~
-"-
จำได้ว่าสมัยที่เรียนมัธยม กุกับเพื่อนเคยตั้งชื่อทีมแข่งวอลเล่ย์ฯ
ว่า "ไข่จูเนียร์"
จริงๆแล้ว "ไข่" เป็นชื่อของยายเพื่อนกุ
แล้วพวกกุไม่รู้จะตั้งชื่อทีมว่าไรแล้ว
เรยลงมติเป็นเอกฉันท์กัน
"เอาวะ เอาชื่อยายไข่ ยายมึงเนี่ยแหละ"
เวลาทีมกุได้แต้ม จะมารวมพลังกัน "ไข่จูเนียร์ สู้โว้ย!"
บางทีกุก็เคยเผลอเหี้ยออกมาเหมือนกัน
ตอนที่แม่ของเพื่อนมารับมันกลับบ้านในช่วงเลิกเรียน
เพื่อนกุมันชื่ออิตุ๊ก แม่ชื่อ สายหยุด
ตอนแรกกุจะเรียกมันว่า "เห้ย ตุ๊กๆๆๆๆ พรุ่งนี้เจอกัน" ประมาณนี้
สรัดแม่ง !!!!
กุเสือกไปเรียกด้วยเสียงอันดังว่าต่อหน้าประชาชี
"หยุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พรุ่งนี้เจอกัน"
แว้กกกกกกกกกกกกกกก
กว่ากุจะรู้ตัวก็สายซะแร้ว แม่มันบอกว่า โห่ เล่นงี๊เรยนะ
พลาดอย่างแฮง! กุพลาด แม่ง เชี่ยมาก
ฉะนั้น เวลาจะล้อชื่อพ่อแม่เพื่อน กุต้องระมัดระวัง ระแวง
และทำสมองมีสมาธิที่สุด
( หูยยย อิเว่อร์ )
ไม่งั้น ... อาจพลาด ตายอย่างเขียด เฉียดนรก ( แด๊ก กบาล )
เหมือนตอนล้อชื่อแม่อิตุ๊กได้
บางครั้ง การสืบค้นข้อมูลของเพื่อน กุก็แอบไปถามไถ่คนในครอบครัวมัน
เช่น อดีตเพื่อนกุมันชื่อไอ่หนึ่ง มันมีน้องชาย เรียนอยู่ ป. 1
เสร็จกุ!
"ไนท์ๆๆ พี่ถามไรหน่อยดิ่คับ แม่ไนท์ชื่อไร"
"แม่ชื่อประจบคับพี่บลิว"
นั่นไง
จะเอาเหี้ยไรกะเด็กเล็กๆ ฟันหลอๆได้เล่า
หลังจากนั้น
ยัยประจบก็ต้องนั่งสำลักอยู่ที่บ้านโดยไม่รู้สาเหตุ ซักนิด
เหตุที่กุมารำลึกถึงเรื่องราวในอดีตชาติอันยาวนานนี่ได้
เพราะกุได้ยินเด็ก ป. 2 แม่ง ล้อชื่อพ่อแม่กัน
"ยายแดง แม่ไอ้อั๋น ยายแดงแม่ไอ้อั๋น"
แล้วมันก็วิ่งไล่ตีกัน กุก็เลยคิดในใจว่า
พวกมึงไวไฟกันมากๆเลย ตอนกุล้อนี่
กุอยู่ ป. 6 แต่มึงอยู่กันแค่ ป. 2 นี่มึงเสือกล้อชื่อพ่อแม่กันริ้วเหรอ ?
บางครั้งนึกไปมันก็ตลกดี ที่เคยผ่านเหตุการณ์บ้าๆอย่างนั้นมา
มันคงเป็นช่วงเวลาที่กุเริ่มแก่ หนังหนาปานหนังแร่ด ขึ้นมาทุกทีๆ
จนถึงบัดนี้ กุก็ยังไม่เข้าใจว่า การล้อชื่อพ่อแม่ มันน่าโกรธตรงไหน
หรือคงเป็นเพราะมันดูเหมือนการไม่ให้เกียรติ
หรือรังแกบุพการี ทางอ้อม อันนี้ไม่ทราบได้
( อ้อ ! แล้วก็ไม่ต้องเสือกล้อชื่อพ่อแม่กุเพราะเห็นว่ากุไม่โกรธนะ ครวย )
แต่อย่ามาขึ้น อี ขึ้น ไอ้ กับชื่อพ่อแม่กุแล้วกัน สัด กุจะตบกะโหลกให้
ตอนเด็กๆ นอกจากจะล้อว่าไอ่นั่นแฟนอินี่ แล้ว
เรื่องล้อชื่อพ่อแม่ ก็เป็นเรื่องสุดฮิต ติดเทรนด์ ของเด็กๆกันเลยว่ะ
... ขอบอก ...
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ครัวไฟ อ่านว่า ครัว - ไฟ แปลว่า ห้องครัว
แต่งประโยค บลิวๆ ไปยิ๊บมีดตี้ครัวไฟ ฮื่อแม่กำดุ๊
แปลอีกทีว่ะ บลิวๆ ไปหยิบมีดในห้องครัวมาให้แม่หน่อยซิ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ถึงอิโบว์น้องกุ กุมีไรจะบอกมึงว่ะโบว์
"อุทัย! & สุนันทา!"
วะฮะๆ เป็นไงล่ะมึงๆ ก๊ากๆๆ
( อ่าวเวร พ่อแม่เดียวกัน )
- -!

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2548

ของรัก ... ของข้า!


กุมีผ้าเช็ดตัวอยู่ผืนนึงเก่าแร้ว
สีชมรู เอ้ย! สีชมพู
อิผ้าเช็ดตัวของกุผืนนี้ แม่ง กุโคตรผูกพัน
ไม่รู้ทำไม กุจำไม่ได้ว่า กุเริ่มใช้มันครั้งแรกเมื่อไหร่
เพราะกุความจำสั้น
แต่กุชอบใช้มาก ถึงมากที่สุด
ลักษณะของผ้าแสนรักของกุ คือ
มีแต่คราบเหี้ยไรก็ไม่รู้ววว เต็มไปหมด ทั้งๆที่กุกะว่ากุซักริ้วนะ
เอ๊ะ ... หรือจะเป็นคราบน้ำเหลืองของกุวะ
- -"
สีแม่งกระดำกระด่างอย่างแรง แต่กุก็ยังชอบใช้มัน
พ่อกะแม่ ก็ชอบบอกให้กุเปลี่ยน ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่
แม่บอกว่า แม่ซื้อมาให้ ทำไมไม่เอาไปใช้ ทำไมต้องใช้อิตัวเก่าๆนี่ด้วย
ไม่อายเพื่อนบ้างเหรอ ? เวลาเพื่อนมาบ้านแล้วเห็นเรา
นุ่งผ้าเช็ดตัว โสโครกนี้น่ะ
( แม่แม่งพูดงี๊ได้ไง กุแซ๊ดมาก ว่าผ้ากุ๊ )
กุเคยบอกแม่ว่า
"ไม่ซักนิด ไม่เห็นจะอายซักนิด ลองเพื่อนมาว่ากุเรื่องนี้สิ กุจะถีบให้"
กะกุชอบว้อยยยย ใครจะทำไมกุเล๊า
เวลาเด็กนักเรียนโทรมาหากุ พอกุวางสายจากนักเรียนกุปุ๊บ
พ่อก็จะพูดลอยๆประมาณว่า
"รักครูบลิว โทรหาครูบลิวนัก อยากให้มาเห็นผ้าเช็ดตัวครูบลิวจังเร๊ยยยย"
ดูพ่อกุสิคะ ... ซ้ำเติมกุขนาดหนัก ประจานลูกว่าใช้ของเน่า
แม่ง ผ้าผืนนี้ มันเช็ดตัวได้ดี แร้วมันกะนุ่งสบายเวลากุออกจากห้องน้ำนี่หว่า
พ่อกะแม่กุ เคยจะเอาผ้าผืนนี้ไปทิ้งหลายครั้งแระ
แม่ชอบขู่ว่า "โอ๊ย เห็นแล้วอยากเอาไปทิ้ง ทนใช้ไปได้ไงเนี่ย"
แต่กุเสือกไปเห็นซะก่อน กุนี่ วีนแตก
แม่งก็ผ้าแสนรักของกุนี่ กุไม่ยอมร๊อก เชอะ!
มีอยู่วันนึง พ่อเอาผ้าเช็ดตัวของกุ ไปพาดไว้กับกระโปรงรถ
แม่ง ... กุเคียงมาก พ่อจะเอาไปไว้เช็ดรถ
ทำงี๊ได้ไงวะ กุเจ็บใจมั่ก กุกะบอกว่า
"พ่อออออออออ ห้ามเอาไปทำที่เช็ดรถนะ นั่นมันผ้าที่นู๋รักน๊า
ห้ามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
แร้วพ่อกุก็ทำเป็นเอาพาดไว้อย่างนั้น
แร้วบอกว่า "พ่อเอาไปตากให้ไง๊เห็นมันเปื่อย เน่าอยู่ในบ้านน่ะ"
กร๊ากกกกกกกกกกก ... พ่อหัวเราะเยาะกุ
กุนี่ เซ็งเรย แม่ง ทะมัยต้องให้กุใช้ของใหม่
ถึงมันจะโสโครก มาก แต่กุก็ซักบ่อยๆ และกุไม่ชอบใช้ผ้าผืนอื่น
บอกไม่ถูกเหมือนกัน ... ชะรอยจะเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ปางก่อน ...
กุบอกเค้าไปตั้งหลายครั้งแล้วว่า ไม่ชอบใช้ผืนอื่น
กุชอบใช้ผื้นนี้ๆๆๆๆๆ แม่งก็จะเอาผ้ากุไปซ่อนเว้ย
กุงงมาก เห้ย แร้วจะเอาไปซ่อนทำไมอ่ะ
รังเกียจผ้าของกุขนาดนั้นเชียว ?
เมื่อวันก่อน
ป้ากุมาจากแพร่
ด้วยความที่ป้าเป็นคนที่ชอบจัดนู่นจัดนี่
กุกลับจากสอนเด็ก เข้าบ้านมา
ไอ่เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ป้าตัดผ้าเช็ดตัวกุ๊ ตัดแม่งขาดหมดเรย แร้วเอาไปเป็นผ้าเช็ดตรีน!
โดยให้เหตุผลว่า
"มันเก่าแล้วอ่ะ ป้าไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรนอกจากทำแบบนี้"
"วะฮะๆๆๆๆ"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เวร เวรของกุ โอ๊ยแม่ง กุเศร้ามาก เสียใจอ่ะ แม่ง
กุเดินไปดูเศษเน่าๆ ของผ้าแสนรัก ฮือๆ
ป้านะป้า ทำก่ากุได้
กุอุตส่าห์ ห้ามพ่อ ห้ามแม่ ห้ามใครๆ มาเอาของกุไป
ห้ามไม่ให้ใครเอาไปซ่อน หรือเอาไปทิ้ง
ก็กุรักของกุนี่
สุดท้าย แม่ง มาตายห่า เพราะป้ากุ๊
แง้ อารมณ์เศร้าอย่างรุนแรงสิกุ
ใครไม่มีของที่รัก และผูกพัน คงไม่รู้หรอกว่า
กุเศร้าแค่ไหน บอกไม่ถูกว่ะแม่ง
อิห่า เวลาเค้าบอกว่า ผ้ากุโสโครก หรือผ้ากุเป็นดำเป็นด่าง
กุแม่งก็เอาไปซัก ซักแล้วซักอีก
ไอ่คราบมันก็ไม่หาย แต่ความหอมสะอาดสดชื่น
มันมีนะเฟร้ย
ภายนอกอาจะดูซกมก แต่ขอโทษมันสะอาดนะมึง!
ตอนนี้ ในใจยังถวิลหา แต่ผ้าผืนเก่า
ใช้ผ้าผืนไหน ก็ไม่สุขใจเท่าผืนเก่า
ท่าทางกุจะประสาทแด๊กนะเนี่ย แค่ผ้าผืนเดียว
กุทำไมต้องเป็นขนาดนี้วะ ไอ่สาดดดดดดด
ขอไว้อาลัยแด่ผ้าแสนรักของกุ
รัฐบาลยังมีคำว่า
"จากรากหญ้า ... สู่รากแก้ว" เลย
แร้วทำไมกุจะมีคำว่า
"จากผ้าเช็ดตัว ... สู่ผ้าเช็ดตีน"
บ้างไม่ได้
ไอ่ห่า แม่งเสียดาย ยังใช้ได้ดีๆ ไม่น่าเล๊ย
ของรักของกุ๊ อนาถแท้ๆ
-"-
( กรุณาอ่านออกเสียงชื่อเรื่องตาม เสียงของกอลลั่ม )
แร้วจะได้อรรถรส เหี้ยๆ เรย
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ต้ง อ่านว่า ต้ง แปลว่า นา , ทุ่งนา
แต่งประโยค วันนี่ย่าไปต้งมา อิ๊ดขนาดเจ้า
แปลอีกทีว่ะ วันนี้ย่าไปทุ่งนามา เหนื่อยมากเรยค่า
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล แหยม ยโสธร แม่งอย่างฮา ใครไม่ได้ดูรีบไปดูซะ กวนตีนดี
อ้อ ถ้าใครเส้นลึกเกิน มึงไม่ต้องไปดูหรอก นั่งชักว่าวเล่นที่บ้านดีกว่าค่ะ