วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2548

วันที่กุ ... ป่วย!

กุป่วย ป่วยจริงๆ ป่วยแบบที่เค้าป่วยกัน
กุเป็นไข้ อย่างหนัก! เป็นมาตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่แล้ว
ที่รู้สึกได้ว่า ร่างกายแม่งโคตรอ่อนเพลียเรย
แระมันก็เป็นติดต่อกันมาเรื่อยๆ ด้วยความที่กุไม่ค่อยได้พักผ่อน
( จริงๆแล้วเวลาพักมีเต็มที่ แต่กุห่วงแร่ดออนไลน์มากไปหน่อย )
แต่ในความรู้สึกกุ กุก็ว่ากุพักผ่อนแล้วนะ แต่แม่ง
ทำไมมันถึงได้ไม่หายซักที อาทิตย์ที่ผ่านมา กุก็ว่า
ตัวกุนอนเร็วแล้วนะ ยากุกะแด่ก แล้วทำไมมันไม่หายซักทีวะ
ไปโรงเรียน ก็ไปกระเสาะกระแสะ น่าถีบตัวเองมาก
ถ้ากุถีบตัวกุได้ กุถีบไปนานแระ หมั่นไส้!
โคตรอ่อนแอ ไปฟุบหลับที่ห้องครูพี่เลี้ยง
เด็ก ป. 2 มันก็พูดๆกัน
"เห้ย อย่าดังๆ ครูบลิวหลับครูบลิวไม่สบาย อย่ากวนครู"
แม่งน่ารักว่ะ มันยังห่วงกุ เห้อ แอบดีใจลึกๆ
พอมาถึงวันกีฬาสี กุก็ไม่เต็มที่เลย มัวแต่ป่วยเนี่ยแหละ
ไอจนปวดหัว คงเป็นเพราะอากาศเปลี่ยน
ชิบหายแม่ง ก็จู่ๆ ฝนก็ตกช่วงนึง แร้วอีกวัน แดดแม่งก็เสือกออก
แดดแรงมาก แรงจนเผาขากุดำเกรียม ทุเรศและอุบาทว์
จนพอถึงวันศุกร์ ตอนกลางคืน กุรีบเข้านอน
ปรากฏว่าไข้แด่กค่ะไข้แด่ก นอนซม ก่อนหน้านั้น
อาบน้ำ ยังไม่พอ เสือกไปสระผม
( แระกุจะรู้แมะ ว่าจะมานอนซม )
จนย่าต้องเช็ดตัวให้กุ แม่งจะว่าไปแระ ก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
ใครมาจับหน้าผาก ก็บอกว่าไม่เห็นร้อนเลย
อีกแระๆ จะว่ากุตอแหลอีกสิ ว่ากุป่วยน่ะ
จริงๆแล้วตัวกุร้อนมาก หายใจออกมาก็ร้อน
ตอนย่าเช็ดตัว ย่าจึงได้รู้ว่า เออ ตัวกุร้อนจริงๆ
แม่ง กะกุบอกริ้วววว ว่ากุบ่ได้ตอแหลๆๆๆๆ
เวลาไอ ก็รู้สึกได้ว่า มันร้อน เจ็บคอก็เจ็บ
ไอ่บิวแนะนำให้กุอม "ซีพาคอล"
กุจึงทอสับบอกแม่ ก่อนแม่กลับบ้านว่า
"แม่จ๋าซื้อซีพาคอลมาด้วยเด้อ"
แร้วแม่ก็ซื้อมาให้กุ มันก็ค่อยยังชั่ว แต่ก็ยังไม่หายไอ อยู่ดี
แม่กุบอกว่า "บลิวไปหาหมอกัน ปล่อยไว้อย่างนี้ มันจะยิ่งไปกันใหญ่"
ตอนนั้นกุกะลังรมณ์เสียเพราะพิษไข้เหี้ยนี่ ทำกุบ่จอย
รู้สึกว่ามันไม่มีเรี่ยวแรง กุจึงไม่ไปหาหมา เอ้ย! หาหมอ
เยะเป็ดเต๊อะค่ะ กุจะเอาแรงที่ไหนเปลี่ยนเสื้อผ้าไปโรงบาลวะ
จนกระทั่งวันเสาร์ ก็ครั่นเนื้อครั่นตัว โอ๊ยแม่ง
โคตรมีความสุขเรยกุ เวงแท้ๆ นอนซมแม่งตลอด
เป็นไข้เหี้ยนี่ ฮึ่มๆๆ ฝากไว้ก่อนเหอะมึง ชิห์
ช่วงบ่ายๆ กุให้แม่พาไปหาหมอที่ รัตนเวช เพราะอยู่แถวๆบ้านกุ
ตอนนี้ครอบครัวกุเซ็งก่าโรงบาล พุทธฯ เพราะรอโคตรช้า
เด๊วเดี้ยงซะก่อน จะได้เจอหน้าหมอ อย่างว่า โรงบาลรัฐบาลนี่หว่า
รอนานชิบหายชัวร์ ถ้ากินควายเข้าไปกว่าจะได้ตรวจ ควายคงย่อยไปแระ
เด๊วนี้กุจึงไปแต่โรงบาลเอกชน ป๊าว ไม่ได้รวยเหี้ยไร
แต่มะต้องรอควายย่อย ก็เจอหน้าหมอริ้วว
ตอนไปก็ไปบอกชื่อ นามสกุล เค้า มะต้องทำบัตรใหม่ เพราะกุเคยมา
แม่งพยาบาลถามกุว่า เป็นอะไรมาคะ
อ่าว ... แร้วกุจะรู้แมะ ว่ากุเป็นอะไร
จริงๆแล้วแม่งก็น่าจะถามว่า มีอาการยังไงคะมากกว่า
หลายทีแระ ที่โรงบาลหรือคลินิกหรือเหี้ยไรพวกนี้
มันถามแนวๆนี้ ว่าเป็นอะไรมา
ถ้ากุรู้ กุคงหายาแด่กเองแระ ไม่ต้องมาง้อโรงบาลหรอกมั้ง
แระกุก็บอกอาการเค้าไปว่า "ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเป็นไร
แต่มันมีอาการไอตลอด แล้วก็ปวดหัวตัวร้อน"
จากนั้นก็ไปวัดความดัน แระก็อมจู๋ เอ้ย! อมปรอทใต้ลิ้น
-"-
แระเค้าก็ให้กุนั่งรอ กุกะนั่งรอก่าแม่ วันนี้คนไข้เยอะมั่ก
มีแต่ไอ ค๊อกๆ แค๊กๆ กันทั้งนั้น ยังกะโรงบาลผู้ป่วยวัณโรค
กุก่าแม่ก็นั่งดูทีวี ของโรงบาลฆ่าเวลาที่เค้าจะเรียกชื่อกุเข้าไปตรวจ
กุก่าแม่นั่งหันหลังให้ทีวี เวลาดูทีวี จึงต้องหันคอดู ชิบหาย ปวดคอ
ดูไปดูมา ไอ่คนข้างหน้ากุ แม่งเสือกหันหน้ามา จ๊ะเอ๋
กุแม่งโตะจายมาก อ่าวไอ่เหี้ย หันมาทำหอกไร ใกล้หน้ากุเรย
เวงแท้ๆ หน้าโคตรหื่น
แร้วแม่ง ก็มองหน้ากุอยู่งั้นอ่ะ กุคิดในใจ ไอ่ห่านี่แม่งไรของมัน
แต่กุไม่ได้สนใจไรมาก เพราะพยาบาลเรียกชื่อกุ ไปรอหน้าห้องตรวจ
ซักพัก ไอ่หน้าหื่นนั่นก็โดนเรียกชื่อ
ไปนั่งรอหน้าห้องตรวจ มันก็มานั่งใกล้ๆกุ๊
ก่อนหน้านั้น มันเดินผ่านหน้ากุไป แม่งก็มองตางี๊เยิ้มมมมม
ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นไข้เหมือนกุ กุคงคิดว่า ห่านี่อ่อยเหยื่อกุแหง
ตาหวานเยิ้ม เพราะพิษไข้ หรือเพราะอะไรไม่อาจเดาได้
แม่งแก่ก็แก่ ขอเหอะว๊า ให้กุรมณ์ดีๆ ตอนเป็นไข้ได้มะ
พอมานั่งใกล้ๆกุ มันก็หันหน้ามามอง แต่กุเห็นทางหางตา
กุไม่กล้ามองหน้ามันเต็มๆ กุเห็นแระ
ในใจแม่งภาวนา เมื่อไหร่มึงจะไป ๆๆๆๆ
กุกะมันรอหมอคนละห้องกัน แต่ที่นั่งมันติดกัน ซวย
ติ๊งงงงงงงงงงงง
เสียงห้องตรวจที่กุรออยู่ดังขึ้น พยาบาลเรียกชื่อกุ
กุจึงได้เข้ามาตรวจก่าหมอ ดีใจจัง ถ้าอยู่นานกว่านี้
ไอ่หื่นนั่นคงต้องข่มขืนกุทางสายตาจนเสร็จหลายรอบแระแน่ๆ
หมอถามอาการกุ กุกะตอบหมอไป
แร้วหมอก็บอกว่ากุมีไข้ เด๊วจะจัดยาให้ไป อู๊ยยย
ตอนแรกกุคิดว่าตัวกุแม่งจะโดนฉีดยาซะริ้ววว
แต่ก็ไม่โดนแฮะ เอิ้ก ดีใจ
จากนั้นก็ไปรับใบเสร็จ แร้วรอรับยา

พอรับยาเสร็จ กุบอกแม่ว่า
กุ : แม่ๆ เห็นเภสัชที่นู๋ไปรับยาเมื่อกี๊ป่ะ
แม่กุ : อืมเห็น ทำไมเหรอ?
กุ : เสียใจอะแม่  เกย์ชัดๆเรยแม่ แง้
แม่กุ : อ่ะหืมมม ฮ่าๆๆๆ ก๊ากๆๆๆๆ ไมน่าเชื่อเนาะ
กุ : แม่ก็คิดดูเด้ นู๋อุตส่าห์หมายตาไว้ แม่งพอได้คุยปุ๊บ เกย์ออกเรยแม่
เซ็งว่ะ แม่ง ทำไมโลกต้องเบี่ยงเบนด้วยวะ แซ้ดด มาก
แร้วกุก่าแม่ก็ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดแระกลับบ้าน
ค่ำๆ กุเริ่มแย่แระ กุกะกินข้าว กินยา กำลังจะอาบน้ำ
ย่าก่าแม่บอกว่า
"เห้ยจะอาบได้ไง เช็ดตัวก็พอมั้งไม่ต้องอาบหรอกเป็นไข้อ่ะ"
โว้ว กุจะทนได้ไงเล๊า แม่งไม่ให้กุอาบน้ำ ก็เน่ากันพอดี
กุไม่ยอมเช็ดตัวอย่างเดียว กุยังยืนยันว่ากุจะอาบน้ำ
ย่าเรยบอกว่า ถ้าจะอาบน้ำต้องผสมน้ำอุ่น
เพราะเค้าว่ากันว่า ถ้าตัวร้อน ห้ามอาบน้ำเย็น ให้อาบน้ำอุ่น
กุเรยต้องเอาน้ำร้อนมาผสมน้ำเย็นอาบ วู้ ไม่ใจ!

อาบน้ำเสร็จ ก็ขึ้นนอน
แม่ง นอนไงก็นอนไม่หลับ ครั่นเนื้อครั่นตัวอีกแระ
ปวดหัว ตัวร้อน เอาอีกสิมึง เอาอี๊กกก ซวยของกุมาก
ย่ากุเรยเช็ดตัวให้ เออนะ ค่อยเบาตัวหน่อย เรยพอหลับได้
ตอนแรกเอาแผ่นเจลคูลฟีเวอร์มาแปะหน้าผาก
แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเรยวะ ห่า ซื้อมาเปลืองเงินชิบหาย
ไม่ได้ช่วยกุเรย เวรจริงๆ
อิไข้หอยหลอดนี่ ก็ยังไม่หายซ๊ากที มันชอบทำให้กุตายใจ
ช่วงกลางวันมันจะดีขึ้น แต่ช่วงกลางคืน แม่งจะต้องตัวร้อนทู๊กที
ครั่นเนื้อครั่นตัว แกล้งไม่ให้กุหลับอีก แม่ง ทรมานสุดๆ
กุต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกทุกคืน ไม่ได้โดนผีหลอก
แต่เพราะพิษไข้ จนถึงวันนี้ วันจันทร์ กุต้องให้แม่
โทรไปลา ผ.อ ให้ ขอลาป่วย เพราะกุคงไปไม่ไหว
ถ้าไป เด็กแม่งคงติดไข้กุเป็นพรวนแน่
แม่ง ไม่ให้ติดได้ไง มันชอบมากอดกุจะตายห่า
มากอดกันทีเป็นพรวนจริงๆ กุเรยต้องเลี่ยง
ไม่ไปแม่งเรย วะฮะๆ ดีใจดีไม๊นี่กุ๊ วู้ เซ็งว้อย

ขอมอบเพลง "วันที่ฉันป่วย" ของอาร์มแชร์ ให้ย่ากุ พ่อกุ แม่กุ
ขอบคุณที่ดูแลกันเจ้า
รักนะ จุ๊บๆ
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ยู อ่านว่า ยู (ออกเสียงนาสิกด้วยว่ะ) แปลว่า ไม้กวาด
แต่งประโยค บลิวไปยิ๊บยูฮื่อแม่กำย่ะเอามากวาดบ้าน
แปลอีกทีว่ะ บลิวไปหยิบไม้กวาดให้แม่หน่อยจะเอามากวาดบ้าน
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล อย่าคิดว่าเป็นไข้แร้วกุยังเสือกมาอัพบล็อก จริงๆแล้วกุตื่นมาแด่กข้าว แด่กยา
นี่กุรอเวลาแด่กยา ครึ่งชั่วโมง จึงมานั่งแร่ดอัพบล็อกพลางๆ
อ้อ ... ลืมไป ไอ่บิว ถ้ามึงมาอ่าน กุจะบอกมึงว่า
ถึงพ่อกุบ่ได้เอากล้องไป กุกะเอาไปให้มึงบ่ได้ เพราะกุเดี้ยงว่ะ
ไงกะขอโทษด้วยนะ ที่รับปากมึงไว้แร้ว แต่กุเสือกไม่ได้เอาไปให้มึง

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2548

ตบะ ... แตก


เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วอินุ่น เพื่อนกุ
มันโทรมาหากุตั้งแต่เช้ามันบอกว่า ให้กุไปหามันที่บ้าน
มันซื้อขนมมาฝาก
( จริงๆแล้วกุรู้ว่ามันอยากให้กุไปหาเพราะจะได้ไปส่งมันขึ้นรถไปตาก )
เชอะ! คิดว่ากุไม่รู้เหรอ แต่กุก็ไปนะ เอิ้ก
อยากได้ขนมไง ฮ่าๆ กุไปบ้านมัน
กุเห็นว่า พี่สาวมันมีสูตรลดน้ำหนักจริงๆแล้ว
ไอ่สูตรลดน้ำหนักเหี้ยไรนี่ กุเคยมีนะแต่กุไม่เคยคิดจะทำ
เพราะแม่ง เมนู ในตารางแต่ละวันนั้น
หายากชิบหายมันคงเป็นสูตรของฝรั่ง
กุจึงขี้เกียจพอกุลองขอสูตรดู มันก็ค้นๆๆให้กุ
พอกุได้มากุก็แวะเอาสูตรลดอ้วนนี่ ไปให้ไอ่บิว ที่บ้าน
ไอ่บิวแม่งก็พิมพ์ๆๆๆ กุนึกว่าแม่งจะเอาจริง อิเวร
ที่ไหนได้ เสือกบอกว่า กุไม่เอาแล้วว่ะ กุทำไม่ได้
สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
งี๊กุก็ฉายเดี่ยว ทำเอง ทดลองเอง คนเดียวดิ่วะ
ก็ด๊ายยยย ... คิดได้ดังนั้น วันอาทิตย์กุแด่กเรียบ!
แด่กทุกอย่างที่ขวางหน้า แด่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วอ้างเหตุผลว่า พรุ่งนี้วันจันทร์ กุจะลดความอ้วนฮรี่ๆๆๆๆ
คนที่บ้านตราหน้ากุไว้ว่า
"จะลดได้เร๊อออออ เห็นว่าจะลดๆๆ ไม่เคยลดซ๊ากที"
แม่ง เหมือนโดนถีบยอดหน้าจนหงายหลัง ยังไงมิรู้ววว
พอวันจันทร์ กุก็มานั่งพินิจพิจารณา
สูตร หรือตารางลดหุ่นนี่
เอ ... วันนี้ กุต้องกินอะไรวะ ?
กุก็นั่งอ่านตารางนี้อย่างพิถีพิถัน
ในใจแม่งก็คิด ชิบหาย กุจะทำได้ไม๊นี่
กุยิ่งอดอะไรมะค่อยได้อยู่ชอบแด่กเป็นชีวิตจิตใจ
วันไหนไม่ได้แด่กจะกระสับกระส่ายเหมือนติดยา
------------------------------------------
ตารางอาหารเพื่อลดน้ำหนักภายใน 1 สัปดาห์
วันที่ 1 ตอนเช้ากิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ไข่ต้ม 2 ฟอง
ตอนเย็นกิน สลัดผัก
วันที่ 2 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ไข่ต้ม 2 ฟอง
ตอนเย็นกิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 3 ตอนเช้ากินกาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
ตอนเย็นกิน สับปะรด 1 ชิ้น
วันที่ 4 ตอนเช้ากินกาแฟดำ + หนมปัง 1 แผ่น
ตอนกลางวันกิน สลัดผัก + ไก่ย่าง 1 ชิ้น
ตอนเย็นกิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
ตอนเย็นกิน สลัดผัก
วันที่ 6 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ปลานึ่งหรือปลาเผาไม่จำกัด
ตอนเย็นกิน นมสด 1 แก้ว
วันที่ 7 ตอนเช้ากิน ข้าว 1 ทัพพี + ไข่ต้ม 1 ฟอง
ตอนกลางวันกิน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
ตอนเย็นกิน สับปะรด 1 ชิ้น
------------------------------------------
น่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง
นี่กุต้องทรมานไปหลายวันเป็นแน่แท้
ไม่เป็นไร ลองดู
ฮึ่มๆ
กุเริ่มทำตั้งแต่วันจันทร์เป็นวันแรก ตามตาราง
วันที่ 1 ผ่านไปอย่างช้าๆ กับท้องที่อุดมไปด้วยไขมัน
ที่ร้องครวญครางตลอดเวลา
วันที่ 2 กุหิวมาก กุแทบจะบ้าตาย แต่กุก็ให้มันผ่านไปได้
วันที่ 3 กุแย่แล้ว ชิบหาย กุหมดแรง เดินเซๆ
อยากกินอะไรหวานๆและกุกำลังช่วยหมออนามัย
กรอกการตรวจสุขภาพเด็กอยู่
กุก็บ่นๆ ว่าอยากกินของหวานๆ ครูที่กุไปช่วยเค้าทำงาน
เค้าก็พูดแบบรู้สึกผิดว่า "อุ๊ย ครูขอโทษนะนู๋บลิว ครูก็ไม่ได้ซื้อขนมมาเลย"
เห้ยแม่ง ป่าวเล๊ย กุรีบบอกว่า
"ป่าวนะคะ นู๋ลดน้ำหนักอยู่ค่ะ แค่บ่นๆค่ะ ไม่เป็นไรๆ"
แล้วก็ผ่านพ้นวันนี้ได้ แต่มันก็ผ่านไปอย่างทุลักทุเล
วันที่ 4 กุเริ่มอ่อนเพลีย ปวดท้อง หิวข้าว
หิวๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพื่อนห่าแด่กก็แม่ง ซื้ออะไรมาแด่กต่อหน้ากุ๊
แถมยังพูดอีกว่า "บลิวอยากกินก็กินเหอะทรมานทำไม"
เยะเป็ด!
กุก็นั่งมองหน้ามันแด่ก
อาการคงประมาณ น้องม๋าหิวข้าว น้ำลายยืด เหมะๆๆๆ
วันที่ 5 กุทำได้แค่ช่วงเช้ากับกลางวัน
ส่วนมื้อเย็น กุตบะแตกแล้วโว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กุไปชั่งน้ำหนัก มันลดมา 4 - 5 โล
ไอ่น้ำหนักมันลดก็จริง แต่หุ่นกุไม่ลดซักนิด ยังอ้วนเตี้ยเหี้ยดำ เหมือนเดิม
แร้วพอกุกิน กุก็คงน้ำหนักเพิ่มพรวดเหมือนเดิมชัวร์
ก่อนที่ตบะจะแตก กุหิวมาก หิวจนคิดว่า
กุแย่มากๆแล้ว กุไม่อยากลดแล้ว กุทนไม่ไหวแล้ววววววว
วันที่ 5 มันตรงกะวันศุกร์พอดี เพราะกุเริ่มทำวันจันทร์เป็นวันที่ 1
ช่วงเย็นแทนที่กุจะแด่กสลัดผัก ไม่ร๊อกกกก
โน่นเลย กุไปแร่ดบิ๊กซี โน่น
ซัด mk ซะ ฮู๊ย สบายใจชิบหาย กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
อดอยากมานาน เป็นม๋าหิวข้าวเรย เหอๆๆๆ
คำแรกที่กุได้ลิ้มลอง "เป็ดย่าง" โอ้วววววววว
มันเป็นสวรรค์น้อยๆ ที่เกิดขึ้นใน ร้าน mk เรยแม่ง
โอ๊ย ... กุไม่เสียใจซักนิด อร่อยมาก ในวินาทีนั้น
กุรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหมือนตัวลอยๆ ลองคิดสภาพคนหิวโซ
แล้วได้กินอาหาร สิ ไอ่เหี้ยยยยย เป็นใครก็ต้องเหมือนกุ๊
ตอนที่กุบำเพ็ญตบะ เอ้ย! ควบคุมน้ำหนักอยู่นั้น
กุแม่ง เห็นอะไรก็อยากกิน ไปหมดทุกอย่าง
ท่องไว้ว่า มึ๊ง วันจันทร์หน้าเมื่อไหร่นะมึ๊ง กุจะฟาดให้เรียบ!
จะแดกแม่งทุกอย่างที่มันขวางหน้ากุ วะฮะๆๆๆๆๆๆๆ
กุพยายามท่องกับตัวเองไว้ว่า บลิว มึงต้องทนให้ได้
มึงต้องผ่านวิกฤติเหี้ยนี่ ไปให้ได้นะมึ๊งงงงงงงงงงงงงง
แต่กุก็ทำไม่ได้ กุแย่ กุแย่แร้วจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้กุใกล้เป็นเมนส์ ไม่ได้เว่อร์
แต่เรื่องจริง ผู้ชายอาจจะเข้าใจยากส์ ซักกะหน่อย
แต่จงเชื่อกุเหอะว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ ก่อนเป็นเมนส์
จะแด่กกระจายมาก แระตัวกุก็ด้วยเช่นกัน
กุคงเก็บกดจากการใกล้จะเป็นเมนส์ มันจะหิวๆๆๆๆ
ทำให้กุปัญญาอ่อนรับอาการความหิวนี่ไม่ไหว
แต่ถ้ากุหายเป็นเมนส์ กุจะไม่ค่อยหิวอะไร
กุน่าจะไปลดอิช่วงนั้นคงเวิร์คกว่านี้เป็นแน่
หุ้ย ... จริงๆแร้ว น้ำหนักลดหรือไม่ลดกุไม่ได้แคร์หรอก
แต่กุอยากให้หุ่นกุมันลด ว่ะ แม่ง อันนี้น้ำหนักลด แต่หุ่นไม่ลด
น่าดีใจตรงไหนวะ ไอ่ห่า
ตอนแด่ก mk อยู่คนเดียวนั้น แม่งพนักงานมองหน้ากุเลิ่กลั่ก
โต๊ะข้างๆก็มองหน้ากุ มันคงสงสัย อินี่อดอยากจากไหนมาวะ
ก๊าก แต่กุไม่เคยแคร์ กุจะแด่ก เพราะกุอดอยากมาจริงๆ เหอๆ
กุไม่ต้องกลับมาบ้าน แร้วมานอนดิ้นๆๆ หงุดหงิดกะชีวิต
หรือมานั่งบ่นใน msn ว่า กุหิววววววววววววววว อีกต่อไป
ไม่มีอะไรที่จะทำให้กุมีความสุขเท่ากับการกินอีกแล้ว ในเวลานั้น
... กุคิดแบบนี้ ...
กุก็คิดอีก ว่า กุจะซัด จนหมดหม้อ แต่ก็ไม่ไหวว่ะ
แด่กยังกะห่าลงแบบนี้ สั่งมาโคตรเยอะ แต่ก็ไม่หมด
กุยังคิดในใจต่อว่า แด่กเสร็จ กุจะซื้อ แดรี่ควีนมายัดห่าอีก
แต่แม่ง เสือกปวดขี้กะทันหัน หลังจากที่ไม่ขี้มา 2 - 3 วัน
หงุดหงิดสัด แม่ง นี่กุว่า ในเมนูตามตาราง มีแต่ผักๆๆๆๆๆๆ นะนี่
ก็ไม่ขี้ พอได้ยัดอะไรเต็มๆพุง แม่งเสือกปวดขี้
กุเรยไม่ได้แด่ก แดรี่ควีน ให้หนำใจ
แต่เสือกรีบกลับบ้าน ไปขี้อย่างสบายอารมณ์

กลับมาบ้าน พอได้เล่น msn คืนนั้นทั้งคืน ( ฝนตกด้วย โอววว ชอบ )
กุจะพูดเพราะ แระคึกอย่างแรง!
มันคงเป็นเพราะ กุมีความสุข นี่กุมีความสุขจริงๆนะ
สมแล้ว กับคำว่า เอ็นจอย อีทติ้ง กุเข้าใจก็วันนี้แหละ
คนเรา ไม่ต้องการอะไรมากมายเลยจริงๆ ในชีวิตนี้
นอกจากได้กิน ได้ขี้ ได้เยี่ยว ได้ทำไรที่มันเป็นชีวิตจริงๆ
ส่วนไอ่การได้ความสุขจากอย่างอื่น น่ะ ล้วนแต่เป็นเหมือน
อุปกรณ์เสริม ไว้สร้างความสุข ให้กับตัวเองท้างน้าน
เมื่อกุเสือกเป็นไข้ ในช่วงเวลานั้น กุอยากให้มันหาย เพราะมันทรมาน
พอกุหายไข้ กุคิดได้แล้วว่า แม่ง มันประเสริฐจริงๆ กับการหายป่วยไข้
เมื่อกุปวดขี้ พอกุได้กินขี้ เอ้ย! ได้ขี้ กุก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกุหิวขี้ โว้ย! ไม่ใช่ จะพิมพ์ผิดเหี้ยไรบ่อยๆวะกุ
-"-
เมื่อกุหิว แล้วได้สัมผัสรสชาติอาหารนั้น กุคิดว่าได้ขึ้นสวรรค์
แล้วชีวิตคนเรา มันต้องการเหี้ยไรนักหนาวะ สัด กุไม่เข้าใจ
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า สะโต้ด อ่านว่า สะ - โต้ด แปลว่า กล่าวหา , โทษ
แต่งประโยค เขาสะโต้ดหาว่าปี้มาจุ๊ละอ่อน
แปลอีกทีว่ะ เค้ามากล่าวหาพี่ว่า พี่มาหลอกลวงเด็กๆ

บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ไว้กุครึ้มอกครึ้มใจ หรือ หายเป็นเมนส์แล้ว
กุอาจจะกลับมาทำอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ ขอกุเอ็นจอย อีทติ้งไปก่อนแร้วกัลล์
อ้อ วันนี้ กุไปชั่งน้ำหนักมาอีกแล้ว จริงด้วย! จ๊วยเอ๊ย
น้ำหนักกุพุ่งพรวดขึ้นมาอีกจริงๆ สร้นตรีนมากๆค่ะ
ใครรักกุ มันต้องรักพุงกุด๊วยยยย ก๊ากๆๆ
กุจะอ้วน แร้วมึงจะทำไม?

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2548

ให้แก ... ซักวัน


วันนี้กุไปทำกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียนมา ( ไม่ทำพรุ่งนี้ เพราะหยุดไง อย่าโง่ )
บรรยากาศในงาน เต็มไปด้วยความรัก สีชมพู ที่บริสุทธิ์
( เหมือนเด็กสาวที่ยังไม่เสียเยื่อพรหมจรรย์ )
- -!
เด็กๆ พาแม่ๆ ของตัวเองมา บางคน ที่ไม่มีแม่
ก็จะพาแม่ที่เป็นผู้เลี้ยง แต่ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดมาด้วย
เป็นย่า เป็นน้า เป็นอา เป็นยาย เป็นป้า ฯลฯ
ก็แล้วแต่ แต่เด็กๆก็เห็นว่าเป็นแม่สำหรับเค้าเหมือนกัน
เด็กบางคนมันเห็นคนอื่นเค้ามีแม่ไปให้ไหว้ ให้กราบ
มันไม่เห็นแม่มันมา มันก็ร้องไห้กระจอ งอแง
กุเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ บางคนแม่งก็ไหว้ครูประจำชั้นแทน
ก็น่ารักดี มีการประกวดร้องเพลง ประกวดนั่นประกวดนี่ หลากหลาย
บางทีกุก็อยากร้องไห้นะ กุเห็นเด็กๆไหว้แม่ ก็อยากร้องไห้
แต่กุก็ต้องอดทน "เป็นเมียแดงต้องอดทน" แดงไบเล่ย์ เคยบอกเมียมันแบบนี้
กุก็ต้องคิดไว้ว่า "เป็นอิบลิว ก็ต้องอดทน" เก็บความรู้สึกไว้ลึกๆสุดตรีน
เด๊วแม่งเด็กเห็นกุน้ำตาซึมเป็นส้วม จะล้อกุได้ง่ายๆ
ระหว่างที่กุร่วมกิจกรรมวันแม่อยู่ กุคิดถึงแม่กุ
ป่านนี้ โรงเรียนของแม่ก็คงกำลังทำกิจกรรมไหว้แม่เหมือนโรงเรียนกุ
วันนี้แม่กะพ่อกุใส่ชุดสวยเชียว ใส่สี โอโรส ฮิ้ววววววว
ผ้าไหมๆ จ๊าบว่ะ คู่นี้แม่ง ทำไมต้องใส่สีเดียวกันวะ
ดีนะ ที่พ่อย้ายโรงเรียนแล้ว ถ้ายังอยู่โรงเรียนเดียวกัน
จะทำให้ต่อมอิจฉาของครูหลายๆคน สั่นคลอนได้

ส่วนใหญ่แม่กุไม่ใช่คนแต่งตัวอะไร
กุชอบบอกกับแม่บ่อยๆว่า
กุ : แม่ๆ เด๊วแต่งหน้าให้เอาป๊าววว เอาแบบว่า สาวอินเทรนด์ วัยรุ่นเล๊ย
แม่ : โอ๊ย ไม่เอาอ่ะ กัวเป็นกระเทย
กุ : อ่าว ( ว่ากุเหยอ ? ) - -!
หรือบางครั้ง
กุ : แม่ๆ ทำผมให้เอาป๊าวววววว จาหนีบ หรือจา ดราย ได้หมดๆ
แม่ : ไม่เอาอ่ะ เด๊วจะไปร้านทำผม ย้อมผมซะหน่อย
กุ : อ่าว ( ไม่ไว้ใจกุ ? ) - -!
แต่แม่กุ !!!!
ทำกับข้าวอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กุชอบกินกับข้าวฝีมือแม่ กุอยากให้แม่ทำกับข้าวให้กินเหมือนเมื่อก่อน
แต่ตอนนี้ แม่กุป่วยบ่อยๆ แม่กุเหนื่อย อิดโรย
แม่เครียดหลายๆเรื่อง เข้าโรงพยาบาลบ่อยมั่ก
ไปคลิกนิกประจำ จนหมา เอ้ย หมอ จำหน้าได้
ก็เลยไม่ได้ทำกับข้าวให้กุกินอีก ( แร้วทำไมมึงไม่ทำเอง )
กุชอบอ้อนให้แม่ทำกับข้าวให้ แม่ก็ไม่ยอมทำ เห้อ เซ็งว่ะ
ชีวิตแม่งแด่กแต่แกงถุงๆๆ น่าเบื่อมาก
ครั้นกุจะทำแด่กเอง ก็ห่วยแตก ฝีมือเหี้ยมากๆ จึงคิดว่า ซื้อก็ได้วะ
เมื่อก่อน สมัยกุยังสาวๆ
แม่ซักผ้าให้กุ ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องซักผ้า
แม่ก็ซักผ้าด้วยแรงมือ ซักๆๆๆๆๆ ปรากฎว่า แม่กุโดนตะขอกระโปรงนักเรียน
เกี่ยวโดนมือ เลือดไหลเต็มมือ แม่ไม่ร้องซักคำ
แม่ยื่นมือให้กุดู ตามประสาเด็กๆ กุก็ไม่ได้คิดไรมาก
รู้แค่ว่า แม่โดนตะขอเกี่ยวมือ เลือดไหล
แต่ภาพนั้นยังจำติดตากุอยู่จนถึงทุกวันนี้ กุยังนึกได้เสมอ
กุคิดได้ว่า กะอิแค่ กุเล็บฉีก โดนผงซักฟอกแม่งก็เจ็บชิบหายแล้ว
แระนี่แม่ง โดนตะขอเกี่ยวจนเลือดไหลเต็ม
... แม่กุจะไม่เจ็บ ? ...

แม่เป็นคนมีน้ำใจกับพี่ๆน้องๆ เสมอ
ถึงแม่กุจะเป็นข้าราชการครูจนๆ ( กุ confirm ว่าจนจริงๆ )
แต่แม่ก็ไม่เคยบ่น เวลาน้ากุต้องรักษาตัว
( เป็นโรคเยอะ แม่งทำไมตระกูลนี้ขี้โรคจังวะ )
แม่ก็ต้องกู้เงิน แล้วเอาเงินไปให้น้าใช้รักษาตัว
แม่กุไม่เคยบ่น เต็มใจ และช่วยเหลือพี่น้องของแม่ตลอด
ตอนยายตาย แม่กุเป็นลม แม่ช่วยงานทุกอย่าง
ช่วยงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน กุไม่ได้อยู่ดูแลแม่ในเวลานั้น
กุต้องสอบ เรื่องสอบเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าไม่สอบ ก็จะเรียนทำเหี้ยไร
เหนื่อยเปล่าๆ
กุมางานวันเผายาย ได้ทันพอดี เพราะเป็นวันสอบวันสุดท้าย
กุก็ได้ข่าวว่าแม่เป็นลม กุก็ใจหาย กุบอกกับแม่ว่า
"ทำงานน่ะพักบ้างนะ คนอื่นก็มี อยากเป็นนางเอกรึง๊ายย"
จริงๆแล้ว ไม่ได้พูดน้ำเสียงด่า แต่พูดน้ำเสียงเล่นๆ ให้แม่ขำขำ

ตอนอยู่ม.6 กุเป็นไวรัสในเม็ดเลือดขาว เอ๊ะ หรือเม็ดเลือดแดงวะ
ช่างหัวแม่ง! กุลืม
กุอ่อนระโหยโรยแรง ไม่มีแรงทำสร้นตรีนไรทั้งสิ้น
แม่กุบอกกุว่า "บลิว ไปหาหมอกัน ไปเจาะเลือดดู แม่กลัวเป็นไข้เลือดออก"
แต่พอกุไปที่คลิกนิค หมอก็เอาเลือดกุไปตรวจ เค้าบอกว่า
กุเป็นเอดส์ เอ้ย! แหะๆ กุเป็น ไวรัสลงเม็ดเลือด ( ขาว หรือ แดง วะ )
แม่พากุเข้าโรง'บาล บอกหมอที่คลินิกให้ส่งตัวกุ
เพื่อไปใส่น้ำเกลือ ... บอกตรงๆ ตั้งแต่กุเกิดมา
กุเพิ่งเคยได้รับรสชาติน้ำเกลือก็คราวนี้ เพราะกุไม่เคยเป็นโรคเหี้ยไร
ที่ต้องใส่น้ำเกลือเลย ดีใจจัง เป็นประสบการณ์ เอิ้กๆ
( น่าดีใจตรงไหนวะ )
แม่ไม่ได้หลับไม่ได้นอน นั่งเฝ้ากุอยู่ที่เตียง กุขยับไม่ได้มันเหนื่อย
ไอ่โรคห่านี่ ก็แม่ง ทรมานชิบหาย อย่าให้กุได้เป็นอีกเล๊ย
แค่หายใจยังเหนื่อย !
ทำไรไม่ได้ เหนื่อยไปหมด ถ้าใครเคยเป็นก็อาจจะรู้
ถ้าใครอยากเป็น ก็ไปถามหมอว่าต้องทำยังไง ถึงจะได้เป็น
... มึงจะได้รู้ววววว ...

เวลากุเป็นไข้ กุประทับใจแม่กุม้าก
แม่มาเช็ดตัวให้กุ แม่มาทำทุกอย่างให้กุ
มานอนเป็นเพื่อน ต้มข้าวต้ม เอาอกเอาใจ
หุย ... กุล่ะอยากเป็นไข้แม่งทุกวัน กร๊ากกก
แต่ก็สงสารแม่ เพราะแม่นอนไม่เคยเต็มอิ่มซักครั้ง
แม่กุเป็นคนที่เสียสละมากๆ ว่าไปแล้ว แม่กุแม่งเก่งชิบหาย
ที่สามารถเป็นแม่คนเหี้ยๆอย่างกุ และน้องกุ
( น้องกุไม่เหี้ย กุเหี้ยคนเดียวก็ได้วะ สัดเอ้ย )
และสามารถเป็นเมียของพ่อกุ อดทนกับลูก แล้วก็อดทนกับผัว
( พ่อกุไม่ได้เหี้ย แต่กุพูดไปงั้นๆ ให้แม่ดูดี )
พ่อกุเคยอำแม่ว่า ถ้าไม่พูดภาษาเหนือให้ได้
จะไม่ได้แต่งงานกันนะ เพราะคนที่แพร่จะไม่ยอมรับ
เท่านั้นแหละ แม่กุด้วยความที่อยากได้ผัว เอ้ย !
ด้วยความที่รักพ่อกุ จึงยอมหัดภาษาเหนือ ( แม่กุคนคอนหวัน )
พ่อกุมาเฉลยทีหลังว่า จริงๆแล้ว ไม่ใช่หรอก พ่อกุอยากให้แม่พูดเหนือเป็น
เยะเป็ด! เพราะอย่างนี้ แม่กุจึงพูดเหนือคล่องชิบหาย
คล่องกว่าคนเหนือบางคนที่เสือกโดนสอนให้
พูดภาษาไทยตั้งแต่วัยกระเตาะ ตอแหลมั่ก

เวลากลับแพร่ แม่กุไม่ได้ไปวัดกับเค้าหรอก
แม่กุจะชอบปิดทองหลังพระซำเหมอ แม่ทำกับข้าวไว้รอคนที่บ้าน
หลังจากที่กลับจากวัดมาแล้ว
จริงๆแล้ว กุไม่คิดจะเขียนบล็อกวันแม่ ซักเท่าไหร่
เพราะคิดว่า แม่งใครๆก็ต้องเขียนวะ กุขี้เกียจไปเหมือนชาวบ้านเค้า
แต่ว่า ... เพื่อแม่แล้ว กุยังต้องห่วงอีกเหรอ ? ว่าบล็อกนี้จะเหมือนใคร
ในเมื่อใครๆก็ต้องรักแม่ และกุ ... ก็รักแม่ ! เหมือนกัลล์
สมัยสาวๆ ( อีกแระ สาวบ่อยเหลือเกินนะมึง )
กุเรียนมานี มานะ ปิติ วีระ เหี้ยไรนั่น
กุจำได้ว่า มีอยู่ตอนนึง ที่แม่ของเพชรตายเพราะโดนงูสัดม๋ากัดเอา
กุเศร้าตามไปเลย แล้วมานี หรือใครวะ ที่แต่งกาพย์ยานี 11 ให้อ่ะ
น่านแหละ กุจำได้แค่ว่า
"แม่จ๋าดวงใจลูก ยังพันผูก ไม่เสื่อมคลาย"
"รักแม่แน่ใจหมาย มุ่งกตเวที นิรันดร"
ฯลฯ

ตอนนี้กุหาหนังสือเล่มนั้นไม่ได้แล้ว คงเน่าไปเพราะปลวกเหี้ยแด่ก
... หมดแล้ว ...
อ้อนใครไม่ได้ ลองอ้อนแม่เด่ะ แม่กุอ่ะถ้ากุอ้อนนะ ใจล๊าลัย อิ๊อิ๊อิ๊
*******************
แม่ นู๋มีไรจะสารภาพอ่ะ แหะๆๆๆๆ
คือว่า ... วันนั้นอ่ะนะ คือว่า ที่ผ่านมา ไม่กี่วัน
"นู๋ไปเจาะสะดือที่บิ๊กซีม้าาาา"
เอิ๊กๆๆๆ แม่ไม่ว่าหรอกเนาะ ฮิ้ววว เริ่ด
เย้ๆ ขอบคุณน้าาาา ที่บ่ว่า เอิ๊กๆๆๆ
แต่ในชีวิตจริง กุคงโดนอะไรมั่งก็ไม่รู้ววว
บอกในนี้แหละ สบายใจริ้ววว เคิ้กๆๆๆ
*******************
"แม่เจ้า น่องฮักแม่หนาเจ้า ฮักตี้ซุ๊ดในโลกถึงบ่ได้เลี่ยงต๋อนเป๋นละอ่อนกะฮัก"
สำหรับแม่ที่ 2 คงเป็นย่ากับป้า ที่เลี้ยงดูกุมาตั้งแต่กุเล็กๆ
"ย่าเจ้าป้าเจ้า น่องฮักตึง 2 คน เลยเน่อ ฮักอย่างแม่คนนึ่งเลยเจ้า"
@^_^@
สัญญา ถ้าได้งาน จะหาเลี้ยง !!!!!
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ตะวา อ่านว่า ตะ - วา แปลว่า เมื่อวาน
แต่งประโยค ตะวานี่น่องเป๋นไข้ บ่สบายใจ๋บ่สบายตั๋วเลย
แปลอีกทีว่ะ เมื่อวานนี้แม่งเป็นไข้ ไม่สบายใจไม่สบายตัวเล๊ย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล ถึงอิโบน้องกุ ถ้ามึงได้เสร่อเข้ามาอ่านบล็อกกุบล็อกนี้
ห้ามโทรบอกแม่นะมึง! ว่ากุเจาะสะดือ กุสารภาพในนี้แร้วนะโว้ย สาดดดดดดดด
โทรบอกแม่ กุเคืองแน่ มะต้องคุยกะกุอีกเรย เยะเป็ด!!!

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2548

... จิตหยาบ ...


กุตื่นเช้าขึ้นมาในทุกๆวัน
กุจะได้ยินเสียงพ่อเปิดโทรทัศน์รายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" เสมอ
และกุ ก็จะดูบ้าง เดินไปเดินมาบ้าง
เปิดเพลงกลบเสียงโทรทัศน์ของพ่อบ้าง (หาเรื่องโดนตีนจริงๆ)
บางข่าวก็น่าสนใจ บางข่าวกุก็ไม่ฟัง ฟังเพลงดีกว่า
วันอังคาร ที่ผ่านมา กุก็จำไม่ได้ว่า แม่งมันวันที่เท่าไหร่วะ
-"-
กุกะลังจะออกไปสอนเด็กตามปกติ
ดูเวลาแล้วโอวววว ... นี่มันก็ 7.30 แล้ว
กุต้องรีบตาลีตาเหลือกออกจากบ้านก่อนออกบ้าน
กุได้ยินเสียงของสรยุทธิ์ มากระทบโสต
ควบคู่กับเสียงเพลงที่กุเปิดฟังพอดี
เหตุการณ์ที่เข้ามาปะทะโสตกุนั้น
หาใช่สิ่งที่กุอยากรับไม่
"ยายขี้เหล้าใช้ไม้ฟาดหน้าหลาน โดนตาทั้ง 2 ข้าง
จนบวมเป่งเป็นเพราะยาย เสี้ยนเหล้าอย่างแรง!
หลานไปซ้อมแม่ไม้มวยไทย
กลับบ้านเย็นยายอยากกินเหล้าสุดๆ พอเห็นหน้าหลาน
เลยทุบตีเป็นอย่างนี้มาหลายครั้งหลายครา"
...
"หลานบอกว่าถ้ามีชาวบ้านเข้ามาห้ามปราม
ยายก็จะตอบไปว่าตีเพื่อสั่งสอนมัน มันดื้อ
ทั้งๆที่หลานก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ต้องมาตีสั่งสอน"
...
"บางครั้งถ้านู๋ทนไม่ไหว นู๋ก็จะร้องไห้
แล้วยายชอบตีนู๋บ่อยๆอีกอย่าง เวลายายตีนู๋
ยายจะเปิดวิทยุเสียงดังเพื่อกลบเสียงร้องไห้ของนู๋
ไม่ให้ใครได้ยิน"
...
มีใครรู้สึกอะไรอย่างกุบ้างไม๊ ? ในเวลานี้
ไม่มีใครรู้สึกอะไรก็ไม่เป็นไร หรือหากใครคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น
ซึ่งเราก็ไม่ควรเก็บมันมาคิด
... ไม่เป็นไรกุไม่ง้อ ...
แต่สำหรับกุมันคงไม่ใช่ในเวลานั้น
กุอยากร้องไห้ กุอึ้ง!
อึ้งจนรู้สึกว่าไม่อยากรับรู้อะไร
แม้กระทั่งตอนกุฟังกุก็ยังไม่อยากฟัง
กุพยายามไม่ฟังแต่สุดท้าย เสียงก็เข้ามาจนได้
ตอนแรกกุไม่คิดจะไปดูภาพ
สุดท้าย
กุต้องเดินไปดูภาพในจอนั้น
...
เด็กคนนึงหน้าตามีเค้าของความน่ารักมากกกกก คนนึง
ฉายแววของความน่าเอ็นดูสุดๆผมหยิกๆ
แต่ตาบวมเป่ง เขียวๆม่วงๆ ช้ำๆ ทั้ง 2 ข้าง
ชื่อน้องพร
...
กุอยากรู้ มึงทำได้ยังไง? มึงทำร้ายเด็กแบบนี้ได้ยังไง
ไอ่เหี้ยยยยยยยยยย
พ่อน้องพรเป็นคนต่างด้าว พ่อจึงโดนจับ
แม่ให้ที่พักพิงคนต่างด้าว ก็โดนไปด้วยเศร้าไม๊ ?
กุคงไม่เถียงหากใครจะบอกว่า
มีคนที่เจอเรื่องร้ายๆยิ่งกว่านี้อีกทั้งนี้และทั้งนั้น
กุเข้าใจแต่กุทนไม่ได้ วันนั้นทั้งวัน กุคิด คิด คิด
คิดว่าเพราะอะไร ทำไมมันถึงได้มีเรื่องเหี้ยแบบนี้เกิดขึ้นวะ
ทำไมสังคมเราเลวร้ายกับเด็กๆได้ขนาดนี้
กุไม่ได้เป็นนางงาม
กุไม่ได้เป็นสาวสวยๆที่ได้ตำแหน่งอะไรที่ไหน
แต่ ... กุ!
เป็นผู้หญิงคนนึงที่ห่วงใย และเข้าใจจิตใจของเด็กคนนึง
... เท่านั้น ...
และอีกหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ
กุยังจำได้ดีว่า กุอ่านข่าวใน mthaiครั้งนึง
...
มีข่าวว่าแม่ยัดลูกใส่กระเป๋า
แล้วเอาไปใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าของวินมอไซค์
กุยังจำได้ดีว่า ในข่าวบรรยายสภาพเด็กให้กุเกิดมโนภาพได้เลย
"สภาพเด็กตัวแดงๆ นอนดิ้นพราดๆ เพราะขาดอากาศหายใจ"
ขนาดกุเองไม่ใช่เด็กตัวแดงๆ ที่พึ่งออกมาสู่โลกกว้างอย่างเด็กคนนั้น
ลองกลั้นหายใจ เป็นเวลานานๆ
กุยังทนแทบไม่ไหวแล้วเด็กล่ะ ?
ด็กสามารถลุกขึ้นมาเปิดซิบกระเป๋าได้ไม๊ ?
นอนดิ้นพราดๆ !!!!!!!!!
คำนี้จึงทำให้กุเกิดอาการจุกอก
พูดเหี้ยไรไม่ออกไปนานเหมือนกัน
นึกถึงเด็กๆที่เคยพบ เคยเจอ เคยเลี้ยง เคยสอน
...
ตกลงคนจังไรๆเหี้ยๆนรกแตกพวกนี้ จะทารุณไปถึงไหน?
ไม่ว่าโลกจะห่าแด่ก สัดม๋า หรือวิกฤติ
ไปถึงขั้นไหนแล้วก็ตามขอให้มีที่ว่างๆสำหรับเด็กๆ ซักนิดจะได้ไม๊วะ
ชิบหาย!
แม่ง จะรังแกเด็กๆทำไมวะ ไม่คิดสงสารเด็กๆบ้างเหรอ
เค้าไม่มีทางสู้ เค้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรผู้ใหญ่ได้เลยซักนิด
...
ใจร้าย ใจดำ เลว เหี้ย สันดานมาก
...
กุรอคอยให้ถึงวันเสาร์เร็วๆ เพราะกุอยากอัพบล็อก
กุอยากเข้ามาขี้ มาระบายลงส้วมของกุเพราะวันธรรมดา
กุไม่สามารถเข้ามาคิดเรื่องราวที่จะให้มันออกมา
เป็นตัวหนังสือได้ขนาดนี้กุนับวันรอคอย ที่จะได้เข้าส้วม
ขอบใจบล็อกที่อยู่เป็นเพื่อนกุ อยู่คอยให้กุได้ระบายอะไรๆ
ไม่เคยปริปากบ่นกุซักนิด ว่าแบกรับสิ่งที่ได้ระบายออกไป
ว่ามันหนัก
บล็อกที่รัก กุรักมึงนะเว้ย
"เด็กๆตัวเล็กๆ น่ารักนะมึง!"
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ผ้าเตี่ยว อ่านว่า ผ้า - เตี่ยว แปลว่า กางเกง
แต่งประโยค วันนี่น่องบลิวไปซื่อผ้าเตี่ยวสีชมพูมาตั๋วนึงงามแต้ๆ
แปลอีกทีว่ะ วันนี้น้องบลิวไปซื้อกางเกงสีชมพูมาตัวนึง ซ๊วย...สวย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล รักจะมี sex ควรป้องกัน จะได้ไม่ทำร้ายเด็ก
และไม่ทิ้งพวกเค้าให้กลายเป็นปัญหาและภาระของสังคม
"วันนี้มึงใช้ ถุงยางอนามัยหรือยัง ?"
( ไม่แนะนำให้แด่กยาคุม สงสารผู้หญิงกันบ้าง แด่กแร้วมันจะทำให้อ้วนนะมึง)
หมายเหตุ : ข้อมูลยาคุมจากกลุ่มเพื่อนกุล้วนๆไม่ได้แด่กเองว่ะ-"-