วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

แบบเด็กเด็ก


เนื่องจากที่กุต้องฝึกสอนที่โรงเรียน ทุกๆวันกุจึงพบเจอ
กับเด็กๆหลายๆชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็เหมือนและต่างกันบ้าง
อนุบาล
เด็กๆชั้นอนุบาลเป็นอะไรที่กุโปรดมากที่สุดก็ว่าได้
เนื้อมันหวาน เอ้ย! เพราะอนุบาลน่ารัก แบบเด็กเด็กมากกว่าชั้นอื่น
ถึงบางครั้งแม่งจะแก่แดด หรือไม่ประสีประสาเรื่องทางโลกมากนัก
และโคตรขี้ฟ้องเลย
เช่น
เด็ก : คุงคูขา บู๊เค้ามาด่าหมวยว่าอีค่า
กุ : เอ้า แล้วจะไปด่าเพื่อนทำไมล่ะ ไปบอกเพื่อนๆรีบนอนนะคะ
เด๊วคุณครูของนู๋มา เด๊วครูบลิวบอกคุณครูของนู๋ให้นะคะ
ด้วยความที่กุไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ได้แค่พูดแบบนี้เท่านั้น
ในบรรดาเด็กอนุบาล มีเด็กฝาแฝดด้วย และกุก็เป็นโรคอะไรอย่างนึง
ไม่รู้
กุจะปลื้มกับเด็กที่เป็นฝาแฝดมากๆ เพราะมันดูเหมือนเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์
เป็นเรื่องแปลกของโลกก็ว่าได้
เด็กแฝดของชั้นอนุบาล ชื่อ เต้ยกับต่าย
ตอนแรกกุไปเล่นกับมัน เพราะความชอบเป็นหลัก
แม่งมันวิ่งหนีกุ ไอ่ห่า กุคิดแล้ว เด็กแม่งเกลียดกุแน่ๆ
คงเห็นกุเป็นยักษ์
พอกุไปเดินเล่นตลาดนัดแถวโรงเรียน เต้ยกับต่ายมันก็ไปกับแม่มัน
พอกุเข้าไปทัก แม่มันบอกกับกุว่า
แม่มัน : เอ่อคุณครู เห็นเต้ยกับต่ายบอกว่า ชอบคุณครูวิว ครูวิวรักเต้ยกับต่าย
กุ : ครูวิว ไหนอ่ะคะ มีแต่ครูบลิวอ่ะ
แม่มัน : เอ้า ถ้างั้นคงเป็นครูบลิวนี่แหละค่ะ คงพูดไม่ชัดน่ะ
กุ : โอ๊ยแม่ นู๋ก็นึกว่า เด็กเค้าเกลียดนู๋ เห็นเค้าวิ่งหนี
แม่มัน : อ๋อ คงอายน่ะค่ะ เห็นชอบเอามาพูดทุกวันว่าชอบครูบลิว
ฮรี่ธ่อ !!! แอบชอบกุล่ะสิ แร้วไม่กล้าบอก โถๆๆ
บางครั้งถ้าครูประจำชั้นอนุบาล ฝากห้องไว้กับกุ
( แม่งฟังดูเหมือน ฝากแมวไว้กับปลาย่างยังไงไม่รู้ )
กุก็จะเข้าไปแจกรูปภาพให้เด็กระบายสี
หรือไม่ก็นั่งเล่านิทานให้เด็กๆฟัง เด็กๆก็จะนั่งฟังกันอย่างตั้งใจ
เออว่ะ หลอกง่ายชิบหาย ก๊ากๆๆๆ สะใจกุจริงๆ
... แบบเด็กเด็ก ...

แต่กุก็ชอบว่ะ
ป. 1
ในชั้น ป. 1 จะโตกว่าเด็กอนุบาลมาอีกเสี้ยวนึง
กุไม่ได้สอน ป. 1 แต่ก็ไปคลุกคลี คลุกเหา กับเด็กๆเหมือนกัน
เพื่อนกุเล่าให้ฟังว่า
นุ๊ก : แม่ง เด็ก ป. 1 มันทำเลขกันไวชิบเป๋งเลยว่ะ แจกกระดาษให้ไป
แป๊บเดียว ก็เอามาส่งแล้ว
นี่คือความอัจฉริยะที่มันแสดงออกมาให้โลกทึ่ง
แต่กุก็ไม่ได้ถามว่า แล้วที่มันทำเสร็จกันไวนั่น มันถูกกันบ้างรึป่าววะ
เวลากุเซ็งๆ กุจะไปดูทีวี กับเด็กๆ ห้อง ป. 1 เพราะครูจะเปิด ซีดีให้เด็กดู
บางทีกุแม่งก็แจม กับเด็กๆมันไป
กุ : โหย ลูกๆ ดูไรเนี่ย คุณครูอยากดู ทอมกับเจอร์รี่ อ่ะ
เด็ก : ผมจะดูเรื่องนี้ก่อนอ่ะ
กุ : โอ๊ย เรื่องนี้เหรอ ไม่สนุกหรอก ดูทอมกับเจอร์รี่กันเหอะ
นะ นะ นะ นะจ๊ะ ลูกๆ @^_^@
แล้วกุก็ยิ้มพิมพ์ใจ ให้เด็กเห็นว่า กุเว้าวอนเป็นที่สุด หิหิ
สุดท้าย กุชนะ เด็กแม่งเถียงกันเอง ก๊ากๆๆ
"เห้ยครูบลิวจะดูอันนี้ เปลี่ยนดิ๊"
"ไม่เอ๊า จะดูอันนี้"
"เปลี่ยนเลยๆๆๆๆ ครูบลิวจะดูอันนี้"
กร๊ากกกกกกกกกกกกกก
นั่งดูพฤติกรรมของเด็กๆ แร้วแม่งมีความสุข จริงๆ กุ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ครูเหี้ย และเด็กใจดีเกินไป"
เด็กแม่ง ชอบเข้ามากอดกุ แร้วแม่ง ไข่เหาเต็มหัว โอยย
พูดแร้วคัน จนกุต้องบอกว่า
กุ : ลูกๆ อย่าเอาหัวมาใกล้ครูมากดิ๊ เหาเต็มเล๊ยยย โอววว อ๊ากกก
แม่ง แร้วเด็กก็กอดรัดฟันเหวี่ยงกุ อย่านะ ไม่นะ กุไม่อยากรู้จักเหาอีก
ม้ายยยยยยยยยยยยยย
ป. 2
เด็กๆชั้น ป. 2 เป็นห้องที่กุคลุกคลีอยู่กับมันมากที่สุด
อาจจะเป็นเพราะ เป็นห้องครูพี่เลี้ยงของกุ
และกุก็ต้องเข้าไปสอนภาษาไทย มันด้วย
แม่ง ห้องนี้ก็ขี้ฟ้องเหมือนกันกับเด็กชั้นอื่นๆ
เวลาสอนไป มันไม่ฟังกุเลยซักนิด แต่แม่ง พอกุสอนเหนื่อยแร้ว
เสือกมาถามกุ
เด็ก : ครูบลิวคับๆ เขียนวันที่ไม๊คับ
กุ : โอ๊ย ... ก็เมื่อกี๊ครูบอกให้นู๋เขียนแล้วไม่ใช่เหรอคะ?
ทำไมเมื่อกี๊นู๋ไม่ฟังครูบอกล่ะคะ ลูกชายยยยยย เอ๊ย - -"
น่าปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง

ช่วงพักกลางวัน เด็กๆมันจะรีบขึ้นมา แล้วมานั่งคุยกับกุ
กุก็ชอบเล่าเรื่องตลกให้มันฟัง มันก็หัวเราะกัน
มันชอบที่จะซื้อขนมเอามาเซ่นไหว้กุ ซึ่งกุก็กิน ช่วยไม่ได้ ซื้อให้แล้วนิ่
ป่าวนะ กุป่าวบังคับให้เด็กซื้อ แต่มันซื้อมาให้กุเอง กุไม่ผิด!
กุต้องขี่รถไปโรงเรียน ในระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโลได้
ต้องใส่หมวกกันน็อค และเมื่อถึงโรงเรียน หัวจะฟูเพราะอากาศ
และหมวกกันน็อค ที่เข้ามาแท็คทีมกันรุมทำร้ายผมกุ
กุจึงต้องพกหวี ไปโรงเรียน ถ้าหัวบานเมื่อไหร่ กุจะหวีผม
เมื่อกุมาถึงโรงเรียน ด้วยความที่ผมมันเหนียวมากๆ
ก็เลยหยิบหวีมาหวีผม แล้วหวีมันต้านทานความเหนียวไม่ได้
หวีมันจึงหัก โอ่ย ... นี่กุต้องซื้อหวีอันใหม่เหรอเนี่ย ซื้อแม่งตลอดเลย ห่าเอ้ย

ช่วงพักกลางวัน กุก็อยู่ที่ห้อง ป. 2 เด็กๆมันก็เข้ามาหากุ
แล้วบังเอิ๊ญ ... บังเอิญ ที่กุเสือกหยิบหวีขึ้นมาหวีผม ทั้งๆที่มันหักอย่างนั้น
เด็กๆ แม่งตาไว เสือกเห็น มันก็ หัวเราะกัน
เด็ก : ฮ่าๆๆๆ เห้ย ดูหวีของครูบลิวดิ๊ ก๊ากๆๆๆๆ หวีมันหักอ่ะค่ะครู ก๊ากๆๆๆ
พวกมันหัวเราะกัน มันหัวเราะเยาะกุ๊ หนอย ... กุต้องรีบไปซื้อมาใหม่ซะแล้ว
แล้วเด็กนักเรียน มันชอบให้กุวาดรูปให้ กุกลายเป็นจิตรกรจำเป็น
จริงๆแล้ว กุเป็นคนวาดรูปไม่เก่ง แต่ถ้ามีแบบวาดรูปง่ายๆ
กุก็พอจะวาดได้ ที่กุวาดได้แล้วดูดีก็คือ กบเคโระ
กะ รูปช้าง เด็กมันก็เห็นกุวาด มันก็มาให้กุวาด จะเอาอย่างนั้นเอาอย่างนี้
อืมนะ ... บางทีมันก็ปลื้มใจเหมือนกัน ว่า เออ ... กุก็ทำอะไร
ถูกใจเด็กมันเหมือนกันแฮะ แล้วเหมือนเป็นดารา
ในสายตาเด็กๆ แม่งไม่ว่าจะทำไร มันก็ชอบไปซะทุกอย่าง
"เด๊วครูวาดรูปนี้ให้นู๋ด้วยนะคะ" "โห ดูครูบลิวระบายสีดิ๊ สวยมากๆเลย"
"ครูขา วาดรูปเหมือนของอ้อมให้นู๋หน่อยสิคะ"
ความภูมิใจเล็กๆมันก็อยู่ตรงนี้แหละ ของคนเป็นครู
อะไรที่ทำแล้ว เด็กๆพอใจ มันเหมือนมีแรงกระตุ้น และมีกำลังใจ
โอวววววววว นี่กุเป็นฮีโร่ในสายตาเด็กๆเลยนะนี่
ป. 3
ไอ่เหี้ยเอ๊ยยย ป. 3 แม่งดื้อชิบหาย ดื้อกันสุดๆ
กุพูดเหี้ยไรไป แม่งก็ไม่เคยจะฟังกุซักนิด
ท้อใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อไปสอนเด็ก ป. 3
ใช้ไม้อ่อนก็แล้ว ไม้แข็งก็แล้ว มันก็ไม่เคยจะฟังกุซักนิด
ก้าวร้าวสุดๆ แล้วก็ขี้ฟ้องด้วย โอ่ย ... ถ้ากุได้อยู่ห้อง ป. 3
บ่อยๆ
กุต้องตายแน่ๆ ตีก็ไม่ได้ด้วย เด็กมันก็เห็นว่ากุเป็นครูใจดี
เยะเป็ด! หารู้ไม่ว่า กุซ่อนความเป็นอีโหดไว้ภายใน
แล้วกุจะทำอะไรมันได้วะ ? แม่ง น่าเบื่อ
แต่เด็กบางคน มันก็น่ารัก ชอบช่วยเหลือครู
ถ้าเพื่อนๆเห็น ก็จะโดนเพื่อนๆหมั่นไส้ น่าจ๋งจ๋าน จริงๆ
มีเด็กผู้หญิงคนนึง มาขอเป็นลูกสาวกุ โอวววว
กุจึงบอกมันไปว่า กุยังไม่แก่ขนาดเป็นแม่คนได้
มันก็บอกว่าไม่เป็นไร งั้นเป็นพี่สาวก็ได้
หุย ... กุจึงบอกว่า ครูก็เป็นครูแบบนี้ดีกว่าจ่ะ แต่ครูก็รักนู๋
เหมือนที่แม่กับพี่สาวของนู๋รักนู๋นั่นแหละ

... ไงล่ะ ...
นางเอกไม๊? โฮะๆๆๆๆ ได้ใจเด็กๆอีกแร้วววววว
แต่ถ้าวันไหน เด็ก ป. 3 มันทำตัวดีๆ มันก็น่ารักเหมือนกันนะ
จนกุ อึ้ง ทึ่ง เสียว กับมัน พอสมควร กุเคยงอนพวกมัน
เดินออกนอกห้องไป ด้วยความสะใจเล็กๆ มันก็ด่ากันเองในห้อง
"เห็นไม๊ๆๆ ครูไม่สอนแล้ว แกเสียงดังกันทำไมวะเนี่ย"
แล้วแม่ง พออีกวัน ก็จะมาลากๆ กุ ให้กุไปสอน กุก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า
เวลาเรียนไม่ตั้งใจเรียน พอตอนนี้แม่งลากกุไปสอน งงสาดดด
เอาไงกะกุแน่วะ ห่า
- -!
ส่วนนักเรียนชั้นอื่นๆ กุไม่ค่อยได้คลุกคลีด้วยซักเท่าไหร่
แต่เด็กก็คือเด็ก ยังไงๆ กุก็รักแม่งหมดทุกคน
อย่าห่าลากมากนักก็แล้วกัน เด๊วกุตบ เอ้ย! เด๊วกุไม่รักนะ
@^_^@

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า สะแหล็น อ่านว่า สะ - แหล็น แปลว่า เสร่อ , เสือก
แต่งประโยค จังแต้หนาป้อจายตี้มาสะแหล็นกับจีวิตคนอื่นนิ่ ก้าย
แปลอีกทีว่ะ เกลียดนักเล๊ย ไอ่พวกผู้ชายที่ชอบเข้ามาเสือกกับชีวิตกุเนี่ย เบื่อว่ะ

บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล แล้วกุก็จะต้องผจญภัยกับเด็กเด็ก แบบเด็กเด็ก อีกตั้ง 2 เดือนกว่าๆแน่ะ

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

ปัญญา ... เท่า ... หางอึ่ง


กุมีโอกาสได้ดูโฆษณาชิ้นนึงช่องเหี้ยไรไม่รู้
... จำไม่ได้ ...
แต่กุจำได้แม่นยำว่า มันสื่อเรื่องอะไร
มีผู้ชายคนนึง ชื่อเหี้ยอะไร กุก็จำไม่ได้อีก
มาพูดกรอกหูประชาชนว่า
"ต่อไปนี้นะครับ เราจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งอีกต่อไป
เพราะตอนนี้ เราได้มีตรายางกากบาท ให้ท่านปั๊ม
เวลาเลือกตั้ง เราจะได้หมดปัญหาเกี่ยวกับการกาบัตรเสีย
เพราะประชาชนบางคนยังกากบาทไม่เป็น"
พ่อมึงตาย!!!!!!
ไอ่เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มึงคิดได้ไงเนี่ย กุถามหน่อย
ใครวะ กากบาทไม่เป็น แม่งแล้วเสือกบอกว่า
ประชาชนกาบัตรผิด ใครกากบาทไม่เป็นก็ไม่กล้าถามเจ้าหน้าที่
เห้ยแม่ง กุว่า ... ถ้าประชาชนมันไม่มีปัญญาถามเจ้าหน้าที่
ขนาดนั้น กุว่า มึงไปลาม๋าตายจะดีกว่าอ่ะค่ะ
คือว่า ... การที่จะปั๊มตรายางกากบาทนั่น
มันก็มีปัญหาเหมือนกันแหละโว้ย
ไอ่คว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มึงรู้ไม๊ การปั๊มตรายางปัญหามันเยอะกว่าการใช้ปากกาขีดกากบาทซะอีก
บางคนปั๊มไม่ตรงช่องเล่า มึงทำไมไม่คิด
คนเฒ่าคนแก่บางคน งกๆเงิ่นๆ ปั๊มผิดปั๊มถูก
บางคนอาจจะไปปั๊มคาบเส้นก็ได้
แล้วมึงจะงงไม๊ ถ้ามีคนปั๊มระหว่างเส้น เพราะกะระยะตรายางไม่ถูกน่ะ
แล้วมึงคิดว่า จะให้เบอร์ไหน ? ได้คะแนน
สรัด!
จะผลาญงบประมาณประเทศชาติไปทำเหี้ยไร
หน่วยเลือกตั้งมีกี่หน่วย ลองคิดคำนวณดูงบประมาณ
การจัดทำตรายาง และหมึกปั๊ม
... มันเท่าไหร่แล้ว ...
แหม ... ไอ่ฉลาดดดดดดดดด ฉลาดชิบหาย
แก้ปัญหาจ๊าบจริงๆ
เปรียบเทียบราคา
ค่าปากกาลูกลื่น 5 บาท ตั้งไว้แต่ละคูหา
VS
อิตรายางกากบาท กับหมึกปั๊ม ตั้งไว้แต่ละคูหา
อันไหนผลาญเงินภาษีประชาชนมากกว่ากัน?
ตกลงว่า เรียนกันมาสูงๆ คิดวิธีการแก้ปัญหาได้ควายขนาดนี้เรยเหรอ?
กุถามหน่อยเหอะว่า กะอิแค่สอนประชาชนขีดกากบาท
ด้วยปากกา
กับการสอนประชาชน ปั๊มตรายางกากบาทให้ตรงช่อง
อันไหนมันยากส์กว่ากันวะ ชิบหาย!
แระทำไมต้องมาอ้างทำสร้นตรีนไรด้วยว่า
"ปัญหาที่เราพบคือ ประชาชนบางคนขีดกากบาทไม่เป็น
จะถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้า"
พ่องดิ่ สัด
ประชาชนไม่ได้ควายขนาดนั้น
มึงก็สอนเค้าไปเซ่
แค่ขีดกากบาทเนี่ย มันยากส์ตรงไหนวะ
คนไม่ได้เรียนหนังสือ แม่งมันก็ทำได้
เด็กอนุบาล สอนให้มันขีดกากบาท มันก็ทำได้
อะไรมันก็เกิดปัญหากันทั้งนั้นแหละวะ
โอ๊ย กุไม่รู้จะด่าเหี้ยไรแล้ว
แม่ง โง่ ๆๆๆๆ โง่กันชิบหาย
มึงจะทำให้ประเทศชาติ ล่มจมรึไง๊
กุไม่เชื่อหรอกว่า เอาตรายางมาปั๊มช่อง
มันจะไม่เลยช่องออกมาอ่ะ
แม่งคนเราสอนกันไม่ได้เชียวเหรอวะ
ถึงได้ต้องมานั่งแก้ปัญหาเหี้ยๆนี่อยู่ได้

สมองน่ะ ใช้คิดอะไรวะ กุอยากจะรู้
แล้วแบบนี้ จะเป็นตัวแทนประชาชนทำสัดม๋าอะไร
กะอิแค่ปัญหาที่จะต้องแก้ง่ายเหมือนถอดกางเกงในขนาดนี้
ยังไม่มีปัญญา
หรือเอาสมองไว้กั้นหู ไม่ให้ชนกันแค่นั้น ?
กุว่านะ ถ้าแบบนี้ เอาหัวขี้เลื่อย ไปเพาะเห็ดฟางขายยังดีกว่า
แม่ง หน้าด้านชิบหาย ออกมาพูดอยู่ได้
พูดออก โทรทัศน์ด้วยนะ
คงคิดล่ะมั้ง โอวววว กุนี่โคตรฉลาดเลย
เห็นไม๊ๆ กุแก้ปัญหาการเลือกตั้งได้ ฮู๊ยยย ฉลาดจริงๆกุเนี่ย
คริ - คริ - คริ
ขอโทษที
กุคนนึงที่เห็นว่า  ความรู้ท่วมหัว
แต่นำมาใช้ไม่ได้
แม่ง 
ทำเหมือนกะว่าเป็นคนสื่อสารไม่เป็นซะงั้น
สอนไปเลยโว้ย มึงจะสอนวิธีไหน ก็ช่างแม่ง
มึงสอนให้ประชาชน กากบาทเป็นก็ใช้ได้แล้วโว้ย
ไอ่สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คิดอย่างอื่นน่ะยังคิดได้ คิดโกงกินบางคนมันยังคิดได้
นับประสาไร กะอิแค่ สอนประชาชนให้ใช้ปากกาขีดกากบาทให้เป็น
ขีดกากบาทให้ตรงช่อง แค่เนี๊ยะ
ทำไม่ได้ กุว่า ไปตายซะ!
จะดีกว่า กุอายประเทศอื่นเค้าว่ะ เกิดมากุพึ่งเคยเจอเนี่ยแหละ
งี่เง่าชิบหาย นี่แหละ ที่เค้าเรียกกันว่า
"การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ มากกว่าต้นเหตุ"
ไม่น่าได้เงินเดือนกันสูงๆเล๊ย สงสารคนทำงานอาชีพอื่น
ที่มีมันสมองระดับหัวกะทิ แต่ได้เงินเดือน ต่ำๆ
คนที่เค้าคิดอะไรประเสริฐๆ ที่สามารถทำให้
ประเทศไทย เจริญรุ่งเรือง โชติช่วงชัชวาลย์
การแก้ปัญหาเรื่องอื่น ก็ปัญญาอ่อนพอแล้ว
อย่าให้เรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องโคตรปัญญาอ่อนไปอีกเลยว่ะแม่ง
กุอายหมา

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ง่อม อ่านว่า ง่อม แปลว่า เหงา โดดเดี่ยว เดียวดาย
แต่งประโยค วันนี่ฝนต๊ก บรรยากาศมันหยังมาง่อมจ๊ะอี้
แปลอีกทีว่ะ วันนี้ฝนตก ทำไมบรรยากาศมันดูเหงาอย่างนี้วะ

บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล ถึงกุจะเป็นแค่นักศึกษาที่โง่ๆ ง่าวๆ คนนึง แต่กุก็มีมุมมอง
ของกุแบบนี้ และนี่ บล็อกของกุ กุคิดของกุแบบนี้ ใครไม่เห็นด้วยกับกุ
ช่างมึง!
แม่ง เจ็บแทนประเทศชาติ
... รักเธอประเทศไทย ...

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

ตัวกุมี ... 360 องศา


กุเป็นผู้หญิงคนนึง มีเลือด มีเนื้อ
มีทุกอย่างเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นๆมี
บางครั้งการที่คนมองกุจากด้านเดียว หรือแค่องศาเดียว
มึงรู้แล้วเหรอ? ว่าตัวกุเป็นยังไง
จริงๆแล้ว คนมองเพียงด้านเดียวต่างหาก สิ่งที่ได้เห็นมันเป็นเพียง องศาที่ 1
เท่านั้น
แต่ตัวกุมีตั้ง 360 องศา ไม่หรอก กุไม่ได้อยากให้ใครเข้าใจในตัวกุ
ถึง 360 องศา เพราะขนาดตัวกุเอง กุยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
แต่กุสามารถแยกตัวกุได้ 2 version คือ
กุแบ่งตัวเองได้เป็น 2 สี คือ สีดำ และสีชมพู
สีดำ แทนความอ่อนไหว ความsensitive และความอ่อนแอทั้งหลาย
ที่มันชอบมาเยือน มาแวะเวียนหากุอยู่เสมอๆ
สีชมพู แทนความร่าเริง ความถ่อย ความบ้าบิ่น ความกล้าแสดงออก อาการห่าๆ
หน้าด้านๆ และคนทั่วไปที่ได้รู้จักกับกุ มักมองเห็นด้านนี้เสมอ
ยกตัวอย่างของการลงเฉดสี
สีดำ
... กุอยากแต่งงาน ...
กุอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากมีคนคอยรักอย่างจริงใจ และมีกุคนเดียว
ไม่ว่าทั้งกายหรือใจ คนที่คอยปลอบโยนกุ ผู้ชายธรรมดา แต่โรแมนติคซักคน
สีชมพู
... กุไม่อยากแต่งงาน ...
กุไม่อยากโดนผัวนอกใจ กุไม่อยากมีความรัก กุไม่ต้องการให้ใครมาหลอกลวงกุ
กุไม่อยากให้ลูกต้องร้องเรียกหาพ่อ กุไม่ต้องการผู้ชายสันดานม๋าๆ
มาร่วมชีวิตกุ กุไม่ต้องการให้การเปลี่ยนนามสกุลของกุ เป็นการตายทั้งเป็น
แระจะมีใครซักกี่คนวะ ที่เข้ามาเรียนรู้ ในองศาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ...
ของกุ
จริงๆแล้ว กุเป็นผู้หญิงที่ธรรมดามากๆ กุไม่ได้วิเศษวิโส
หรือสวยเลิศในปฐพี แม้แต่น้อย
ทำไมใครๆต้องบอกว่า กุแปลก กุเป็นผู้หญิงที่แปลก
แต่กุมันก็แค่ผู้หญิงถ่อยๆ ห่ามๆ และมี อารมณ์อ่อนไหว ในบางช่วง
แค่นั้นเอง
ความคิดกุอาจจะแปลก แต่การดำรงชีวิตของกุ มันก็หมุนวนเวียน
ในที่เดิมๆ ... ที่ๆ คนอื่นๆ ก็มี และต้องดำเนินไปเหมือนๆกันทุกคน
บางครั้งกุถ่อย กุเหี้ย กุห่า แต่มันมักมีความอ่อนไหว เข้ามาวุ่นวาย
ก้าวก่ายชีวิตถ่อยๆของกุซะจริงๆ กุเซ็ง
ในบางอารมณ์ กุถ่อยตามประสาสันดานห่าของกุ
แต่ทำไมบางอารมณ์ ความถ่อยของกุ มันจึงถูกสร้างขึ้น
เพื่อมาปกปิดความอ่อนแอ และอ่อนไหว
แต่ไม่ได้ Fake เพราะตัวกุมันก็มีสิ่งนี้อยู่แล้ว
ใครบางคนเคยพูดว่า "หน้าอย่างมึง อ่อนไหวเป็นด้วยเหรอ"
พ่อมึงสิ! แระกุไม่ใช่คนเหรอวะ ชิบหาย
กุก็มีหัวใจนะมึ๊ง แหม...เพียงแต่มะค่อยได้แสดงออก
กุอยากพูดเหี้ยๆ กุก็พูด กุอยากจะพูดเพราะๆ กุก็พูด
อยากทำแบบไหนกุก็จะทำ
กุมีตั้ง 360 องศานะ
สีดำ มี 180 องศา + สีชมพู มี 180 องศา
เห็นไม๊? กุมี 360 องศา
"บลิวครับ บลิวแปลกดีนะ น่ารักดี ดูท่าทางไม่เรื่องมาก"
ไอ่สรัด!
แระมึงรู้ได้ไงว่ากุไม่เรื่องมาก
หากเวลาจะคบใครซักคน กุเรื่องมาก
กุขี้หึง กุอ้อนตีน กุ กุ กุ ...
ทำไมคิดงี๊วะ คิดว่าคนที่ห้าวเป้ง หรือห่ามๆ
มันต้องเป็นคนไม่เรื่องมากหรอกเหรอ?
กุเป็นคนเจ้าอารมณ์ กุใจร้อน กุด่าเก่ง ปากม๋า กุโดดเดี่ยว กุเหงา
โว้ย แม่ง น่าเบื่อโว้ย
กุอยากจะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่แคร์ใคร ไม่เข้าใจเหี้ยไรเลย
แต่นั่นหมายถึงว่า กุต้องทิ้งความร่าเริง ของกุออกไป
กุจึงยังตัดออกไปไม่ได้
แต่กุก็คงทำตัว sensitive ตลอดเวลาไม่ได้เหมือนกัน
มันดูกระแดะ และอ่อนแอ ขาดความมั่นใจ แหวะ ถุย!
ความกล้าของกุก็จะหายไป กุจึงตัดออกไปไม่ได้
เหมือนดอกกุหลาบ ... กุชอบดอกกุหลาบมีหนาม
ถ้าใครให้ดอกกุหลาบไร้หนามกับกุ กุไม่ชอบ
มันเปรียบเหมือนกับตัวคน
ดอกกุหลาบสวยก็จริง แต่เข้าถึงยาก
แต่ถ้ามันโดนเลาะหนามทิ้ง มันก็เหมือนดอกไม้แห้งๆ ดอกนึง
ไม่มีอะไรที่ดึงดูดใจ ไม่มีอุปสรรคไว้กั้น
ใครอยากจะเด็ดก็เด็ดได้ ง่ายๆ และได้ใจความ
กุเป็นคนชอบคนง่าย ปลื้มคนง่าย
ถามว่า กุรักไม๊?
กุไม่รัก!!!!!
รักกับชอบ ต่างกัน
พี่คนนี้แม่งกวนตีนดีว่ะ กุชอบ เห้ยไอ่ห่านั่นแม่งพูดได้ดีจริงๆ ปลื้มฟ่ะ
พี่คนนั้นร้องเพลงเพราะม๊ากกก ฮู๊ยยยย ชอบๆๆๆๆ
แต่กุรักคนยากโว้ย!
ถามว่าใครซักคนมาให้รัก กุรักไม๊ กุไม่รักว่ะ
จู่ๆ ไม่รู้จักกัน จะให้กุรัก มันเป็นเรื่องยาก
คนที่กุจะรักคือคนที่ต้องรู้จักกัน เรียนรู้นิสัยกัน
... กุรักนะ ...
ถ้ารักในฐานะอย่างอื่น ก็มี กุรักพี่ กุรักน้อง กุรักเด็กๆ กุรักพ่อแม่ ฯลฯ
รักต่างฐานะ
กุชอบที่ใครจะมองกุในด้านลบก่อนด้านบวก
บางครั้งการที่มองกุในด้านลบ หากกุทำตัวประเสริฐขึ้นมา
คนๆนั้นอาจจะคิดว่า เออว่ะ มันก็มีเรื่องดีนี่หว่า
ต่างกัน
การที่มีคนมองกุในแง่บวกก่อน ถ้ากุทำตัวจ้าดง่าวขึ้นมา
อ่าว ... อิห่า กุนึกว่ามึงเป็นคนดี
ฉะนั้น ... โปรดมองกุในแง่ลบก่อน
ถ้ากุเหี้ยตลอดไป มันก็ไม่แปลก เพราะมองในด้านลบอยู่แล้ว
กุงงแม่ง เป็นเหี้ยไรวะ ถ้ากุเกรงใจคนอื่น
ทำไมถึงต้องมีคนลามปาม
ไอ่ที่เคยๆบอกว่า กลัวบลิววีน กลัวบลิวรมณ์เสีย แม่งได้ที เหยียบกุเรย
อย่าเชียว อย่าให้กุระเบิดพลัง มึงคงลืมไปแล้วสิว่า
คนอย่างกุ ยอมใครด้วยเหรอ?
แต่ที่กุคอยเกรงใจนั่น เป็นเพราะการอยู่ร่วมกัน
แต่ถามว่า มึงจะแคร์เหี้ยไรนักหนา นั่นสิ
อย่าให้กุต้องมาคิดอะไรแบบนี้เลยว่ะ แม่ง มันไม่สนุกนัก
... กุรักเด็ก ...
รักจริงๆ
ถึงแม้ว่าเด็กนักเรียนที่กุสอนมันจะสันดานม๋า ก้าวร้าวขนาดไหน
เห็นกุแบบนี้เหอะ จริงๆแล้ว กุไม่กล้าตีเด็ก
อะไรก็ไม่รู้ กุตีเด็กไม่ได้ ถ้าตี คือตีเบาๆ จนมันหาว่ากุใจดีเกินไป
ชิบหาย! เด็กสอนกุเลยเหรอ?
โอ๊ย เครียดประสาทแด่ก
ใครๆก็คงไม่คิดว่า คนอย่างกุ หน้าเหี้ยๆอย่างกุ กลัวผี
แต่จงเชื่อเหอะว่า กุกลัวผีขึ้นสมอง อย่างแรง!
หัวเราะเยาะไปเหอะ ช่างมึง!
บางวันก็เศร้าแสนเศร้า บางวันแม่งก็ไม่คิดเหี้ยไร คิดแต่เรื่องเบาๆหัว
...
ช่วงเวลาที่กุรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว จับใจมากที่สุด
...
ช่วงเวลาตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม
กุไม่รู้ว่ากุเป็นห่าไรเหมือนกัน ในช่วงเวลานี้ กุจะรู้สึก sensitive มากๆ
แระไม่ต้องมีใครเสือกมาบ่นว่า ให้กุเปลี่ยนสีตัวอักษร
ให้เข้มขึ้นมากกว่านี้
ก็นี่มันบล็อกของกุ กุอยากจะทำแบบไหนก็เรื่องของกุ
กุรู้ว่ามันอ่านยาก แต่กุชอบสีชมพู กุจะเอาสีนี้
ถ้ามันมีสีชมพูที่เข้มกว่านี้ แล้วสวยกว่านี้ กุคงเลือกไปแล้ว
แต่มันไม่มีให้เลือก อ่านไม่ออก ก็แดร๊กเม้าส์คลุมไปเซ่
ใครมาสั่งกุเนี่ย ไปตายซะไป๊ !!!
ถ้าคิดว่า จำใจต้องมาอ่านบล็อกกุ เชิญอ่าน title topic ข้างบนที่กุเขียนไว้ด้วย
แล้วจะกระจ่างเอง อย่าเสร่อ
มึงเป็นใครมาสั่งกุ ไอ่สาดดดดดดดดดดดด
แล้ววันนี้ กุเขียนบล็อกในอารมณ์ไหนวะ
อารมณ์จืดๆก็แล้วกันว่ะ เยะเป็ด!
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า กาด อ่านว่า กาด แปลว่า ตลาด
แต่งประโยค วันนี่ไปกาดมา ได้พักมานักขนาดเจ้า
แปลอีกทีว่ะ วันนี้ไปตลาดมาได้ผักมาเยอะแยะเลยว่ะ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ทำไมเรื่องเหี้ยๆต้องมาลงที่กุตลอดด้วยวะ กุไม่เข้าใจ โว้ย อิช้างเย็ด!
(แระตกลงว่าจะมีใครหน้าไหนเข้าใจกุซักกี่ องศาวะ)

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

ไปลงนรกเหอะมึง!



กุเครียดกะเรื่องงานมามากพอสมควร

เมื่อวานจึงเจียดเวลาไปดูหนังที่ตัวเองอยากจะดู
... เพราะ ...
เชียร์หนังเรื่องนี้อยู่ในใจมานานแล้ว
คิดเหมือนกันว่า มันคงจะให้สาระแก่คนที่เข้าไปดูไม่มากก็น้อย
ดีใจจังเลย ที่มีคนทำหนังแบบนี้ มาให้คนดูกัน
หนังเรื่องนั้นชื่อว่า "นรก"
กุเข้าไปดูรอบ 5 โมง 40 (เย็น)
คิดก่อนหนังฉายเลยว่า แม่งต้องทำออกมาดีสุดๆ และเจ๋งสุดๆเป็นแน่แท้
โดยมิได้คำนึงถึงตอนไปอ่าน comment ใน mthai
ที่พูดถึงหนังเรื่องนี้ซักนิด
เพราะคิดว่า พวกนั้นแม่งคงจะเชียร์แต่หนังฝรั่งเด่ะวะ
และเมื่อหนังเริ่มต้น ไปจนถึงจบเรื่อง
ผิดคาดว่ะ!
หนังเหี้ยนี่ไม่มีสาระ หรือแก่นสารอะไรที่ทำให้กุรู้สึกดีเลย
กุมิเข้าใจเลยว่า ตกลงแม่งมึงอยากสื่อเรื่องอะไรกันแน่
เรื่อง Sex ?
ตั้งแต่เริ่มแรกแม่งพวกมึงก็มีแต่เรื่องเอากันยันจบ
มีกระบวนการผสมพันธุ์ให้เห็นอย่างเด่นชัด
กุคงไม่เถียงถ้าหากจะบอกว่า "เห้ยกุทำเรื่อง sex ให้เห็นว่า
มันเข้า concept กาเมฯไง๊"
นี่ไม่ใช่ว่ะ มันเสือกกลายเป็น วัฒนธรรม หรือเหี้ยไรไปแล้ว
ที่หนังทุกเรื่องแม่งต้องส่งเสริมให้คนปี้กัน
กุเข้าใจว่า มนุษย์ กับ การผสมพันธุ์ มันเป็นของธรรมชาติ
แต่มันไม่ควรที่จะมีออกมาโจ่งแจ้ง ขนาดนี้ ให้เห็นว่า อีนั่น
มีหอยขนาดอยู่ในเกรดไหน นมใหญ่แค่ไหน หุ่นโคตรน่าเอาสุดๆ
ไอ่นั่นแม่งก็ล่ำบึ้ก ใหญ่แค่ไหน ต้องใหญ่จนกางเกงในสั่งตัดรึป่าว
กระบวนท่าในการปี้กัน มันเป็นไง

เห้ย กุว่าถ้าแบบนี้ กุไปเปิดหนังโป๊ ตกเบ็ดคนเดียวไม่ดีกว่าเหรอ?
กุจะเสียเงินไปทำสร้นตรีนไรเนี่ย
ไม่คิดเลยเหรอว่า แก่นสารเรื่องนรกจริงๆเนี่ย
มันเพื่ออะไร?
กุขอบอกเลยว่ากุผิดหวังมากๆที่ได้ดู
ในหัวของคนทำหนัง ไม่มีเหี้ยไรจะสื่อแล้วใช่มะ ในหัวแม่ง
ถึงได้คิดถึงแต่เรื่อง จะล่อ จะล่อ !!!
อีกอย่าง กุมาดูเรื่อง บาปบุญคุณโทษ มาดูเพื่อนำคติที่ได้จากหนัง
ไปเตือนตัวเอง เมื่อทำบาป หรือเมื่อคิดจะทำ
ว่า ผลที่ได้กลับมามันเป็นไง เมื่อเราตายไป
กุพยายามคิดว่า "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ"
แต่ด้วยความที่กุเป็นคนกลัวผี กุจึงคิดนิดนึงว่า มันอาจจะมีจริงนะเฟ้ย
ตัวแสดงต่างๆ ไม่น่าศรัทธา สุวาณ ใส่เสื้อเกราะ ยมฑูต ใส่เสื้อเกราะ
... ยมบาล ใส่เสื้อเกราะ ...
แม่โว้ย มึงคิดได้ไงเนี่ย
ตกลงมึงจะให้เป็นเรื่องนรก หรือมึงจะให้เป็นเรื่อง the lord of the ring
แม่งเกราะเหล็กกันทุกคน และตามไล่ล่ากัน
กุนึกถึง พวก อ๊อค ต่อสู้กับ อัศวินว่ะ อย่างเหมือน!!

มุขตลกแม่งก็พร่ำเพรื่อ มึงบ้าป่าว ลงนรกมึงยังเอามุขตลกมาได้อีกเหรอ?
มันจะเลียนแบบหนังฝรั่งมากเกินไปมั้ง
กุก็จะไม่ว่าซักนิด ถ้ามันตลกให้ผ่อนคลายนิดๆได้อย่างหนังฝรั่ง
แต่นี่แม่ง สาดเข้ามาเด่ะ มุขเหี้ยมุขห่านั่น ขำกันไม่ออก ดั้น!
ตลกก็ไม่ได้ทำให้ผ่อนคลายเลย ฝืดชิบหาย เล่นทำไมวะ
กุงงว่ะ
การลงโทษเหี้ยไรกุก็งง
ใครที่ยังไมได้ไปดู กุขอโทษด้วย
ที่ต้องมาเห่าหอนลงบล็อกทำให้มีอคติก่อนชม
(ช่วยไม่ได้จริงๆเสือกมาอ่านบล็อกกุนิ่ กร๊ากกก)
คิดดูเสะว่า ไอ่คนทำหนัง แม่งคิดได้ไง
คนยังไม่ถึงฆาต แต่ก็ไม่ยอมให้กลับไปเข้าร่าง
แถมยังต้องถูกลงโทษด้วย บรรยากาศของนรกไม่ต้องพูดถึง
กุนึกไปถึง "แพะเมืองผี" ที่บ้านกุ (แพร่)
ชัดๆเลยมึ๊ง แม่ง แพะเมืองผี บ้านกุชัดๆ
ดินลูกรัง มีตะปุ่มตะป่ำ บ้างก็ดินแห้งแล้ง
เห้ยเอาไงแน่ ตกลงว่า นรกมีต้นไม้ มีผืนดิน มีท้องฟ้าด้วยเหรอ?
บรรยากาศไม่น่ากลัว แต่มันเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง
แล้วตกลงว่า มึงทำให้ไอ่ห่า 4 - 5 คนนี้มันเด่นอย่างเดียว
ใส่เสื้อผ้าแม่งจ๊าบกว่าคนอื่น
แต่ดูคนอื่นที่ตายแล้วเด่ะ แม่ง เสือกใส่เสื้อผ้าขาดๆ เป็นผี เป็นห่า ไปหมด
ออกแนวชาวบ้านในหนังจักร์ๆวงศ์ๆ มาก
น่าจะมีอะไรที่สอนคนสมัยนี้ให้มันมากกว่านี้
มัวแต่ไปเน้นเรื่องที่ทำให้น่ากลัว หรือเรื่อง sex ซะมากกว่า
จนลืมไปว่า นี่กุสื่อเรื่อง นรกนะ อยากให้คนละอายและ
เกรงกลัวการกระทำบาป จะได้ช่วยขัดเกลาให้คนจิตใจต่ำๆ
มาดูแล้วคิดว่า เอ้อ...เห้ย สิ่งที่กุทำมันไม่ดีนี่หว่า กุจะไม่ทำอีกแว้ววว
นี่เด่ะ ถึงจะเรียกว่า สมควรต่อเงิน ที่กุเสียไป ซื้อความบันเทิง
ที่ได้สาระ!

เห้ยแม่ง ไอ่ห่า ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจว่ะ
ผิดหวังม๊ากค่า เห็นมีแต่คนดูถูกว่าหนังคนไทย ไร้ราคา
กุก็สู้อุตส่าห์ไม่ดูหนังฝรั่ง เสร่อไปอุดหนุนหนังของคนไทย
ไทยช่วยไทย (ไม่ใช่ไทยรักไทยนะอย่าเข้าใจผิด)
ถ้าไม่รู้ว่าในหัวจะคิดพล็อตเรื่องแบบไหน
ก็น่าจะหาอ่านในหนังสือ "ตายแล้วไปไหน"
ก็ด๊าย แม๊ ... กุเนี่ย อ่านมาหมดแล้ว
คนที่เค้ายังไม่ถึงฆาตแล้วเค้าต้องลงไปนรก
ยมบาลเลยให้ยมฑูตพาไปดูการลงโทษคนบาปในขุมต่างๆ
ประมาณว่า "อเวจี on tour" ก่อนตายจริง
เค้าก็ไม่เห็นต้องหนีกลับโลกมนุษย์ อะไรกัน
อย่างที่อิห่าพวกนี้มันหนี เหมือนหนังผจญภัย
มีพระเอกนางเอกอะไรเลยวะ
ละอะไรอีกล่ะ ... ยมฑูต ก็แม่ง
ฆ่าวิญญาณที่กำลังจะไปเกิด เป็นว่าเล่น เห้ย อะไรเนี่ย อะไร อะไร อะไร
ถ้าคนทำหนังเสือกเน้นเรื่อง sex หรือการลงโทษที่ดูแนวโหด
มากกว่าจะทำให้
คนดูใช้ความคิดในเรื่องการปฏิบัติตน
ทำความดี ลดความชั่ว
เพื่อสังคมที่เน่าๆ ฟอนเฟะ เละเทะแบบนี้นะ
กุว่า มึงไปขายตูดหรือถ่ายหนังโป๊จะดีกว่าว่ะ ไอ่ควายเอ๊ย
Go To Hell ไอ่หอกหัก สากกระเบือโยก !!!
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า แก่น อ่านว่า แก่น แปลว่า ผล , ลูก
แต่งประโยค อิน่องเอ้ยไปเอาม่ะเต้าในตู้เย็นมาฮื่อแม่ซักแก่นนึ่งเต๊อะ
แปลอีกทีว่ะ นู๋จ๊ะไปเอาแตงโมในตู้เย็นมาให้แม่ซักผลสิจ๊ะ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล หากว่าคุณอยากรู้ ก็เสร่อไปนั่งดูซักรอบสิคะ เหอๆๆๆ กุดูแระปวดขี้ค่ะ
อยากดูพยัคฆ์ร้ายส่ายหน้ามากกว่า ดูคลายเครียดดี