วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548

ส้วมเต็ม ... สูบครั้งที่ 1

อะไรกันนี่ ? ถึงช่วงเวลาที่ต้องสูบส้วมซะแล้วเหรอ
ไม่ทันไร ก็ครบ 1 ปี เต็มๆ กับการเขียนบล็อกแล้วสิ
กุเห็นแต่พี่ๆคนอื่นๆ เค้าอวยพรวันเกิดบล็อกไปเรียบร้อยแล้ว
แต่สำหรับกุ เพิ่งจะมาสูบส้วมเอาวันนี้นี่เอง
เลยวันครบรอบส้วมเต็มของกุ ไปนานมากแล้ว
ถ้าจำไม่ผิด ส้วมกุเต็มตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย แล้วล่ะมั้ง
จริงๆแล้วอารมณ์เปลี่ยวที่เกิดขึ้น ทำให้มาเขียนบล็อกก็คือ
กุอยากมีที่ๆนึงที่ไว้เก็บความรู้สึกของกุ
ไม่ว่าจะเป็นความประทับใจ ความเสียใจ หรืออะไรต่างๆนานา
ที่กุอยากจะเขียน อยากจะระบายไว้ แต่กุรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง
เวลาที่ได้เข้าไปอ่านบล็อกของใครๆ
เขียนเอาไว้แต่อารมณ์เพ้อหา บ้าบอคอแตกเหี้ยไรไม่รู้
กุเบื่อแระเซ็ง กุจึงคิดว่าถ้ากุเริ่มต้นเขียน
กุมิต้องเขียนแบบที่คนอื่นๆเค้าเขียนหรอกเหรอวะ
กุจึงไม่มีบล็อก หรือส้วมของกุซักที กุคิดว่า
การเขียนคำเหี้ยๆหยาบคายๆ หรือใส่ความถ่อย มันคงไม่ใจ
ถ้าจะมาเขียนลงในไดอารี่ เหมือนที่คนอื่นๆเค้าเขียน
เพราะกุไม่ชอบเขียนไดอารี่ มันเหมือนเป็นการบังคับ
เป็นกฎเกณฑ์ ซะมากกว่า ว่ากุต้องเขียนอะไรบ้าง
กุจึงไม่ได้ใส่ใจ แต่เรื่องราวมากมายที่กุมีอยู่ มันร่ำร้องอยู่ในใจลึกๆว่า
กุอยากมีที่ไว้ขี้จริงๆ แล้วบล็อกนี้ก็เกิดขึ้น
ณ ค่ำคืนของวันนึง เมื่อไอ่บิวเพื่อนกุ เอาบล็อกของพี่แอน
หรือ ไอ้แอนนนนน ที่โคตรจะดัง มาให้กุอ่าน
ตอนนั้น พี่แอน หรือ ไอ้แอนนนนน กุก็ไม่ได้รู้จักเหี้ยไรเรย
อยู่ดีๆ ไอ่บิว มันก็ส่ง url ของบล็อก หยาบคาย มาให้อ่าน
กุเข้าไปอ่านแล้วรู้สึกว่า แม่งพี่คนนี้มันเขียนห่าไรของมันวะ
โคตรจ๊าบ แบบว่าตลกดี ขำขำ อ่านแล้วรู้สึก เหมือนมีพลัง
เหมือนกับว่าพี่คนนี้แม่งตลกมีสาระดีว่ะ ทุกถ้อยคำที่มันคิด
ที่มันถ่ายทอดออกมา ทำไมตลกงี้วะ
สอดแทรกความฮา ไว้ในสาระ กุก็ติดตามอ่านไปเรื่อยๆ
จนอดไม่ไหว ก็ต้องไปเม้นท์ไว้
ตอนแรกกุก็กลัวๆพี่เค้าด่ากุเหมือนกัน
เพราะกุติดความปากหมามากมาย แต่กุก็ไม่ได้สนใจอะไร
แต่สิ่งที่กุสนใจ คือกุคิดว่า เฮ้ย บล็อกนี้มันพูดหยาบๆได้ด้วยเหรอวะ
นี่แหละ บล็อกที่กุใฝ่ฝัน ส้วมของกุเกิดขึ้นแร้ว แอ่น ... แอ๊น
กุเรย ลองสมัครดูบ้าง ตอนแรกก็แม่ง ภาษาเหี้ยไรนักหนาวะ
มีแต่ภาษาอังกฤษ แร้วภาษาอังกฤษกุก็ห่าแด่กมากๆ
กุจึง งงๆ เซ่อๆ เบลอๆ มึนๆ ในการสมัครอย่างยิ่ง
แต่แล้ว ส้วมกุก็ได้เกิดซักที มันเป็นครั้งแรกที่กุรู้สึกได้ว่า
เฮ้ย ... กุทะมัยเก่งแบบนี้เนี่ย โอ้ว เย่ กรี๊ดๆๆ กุดีใจสุดๆ
เพราะกุไม่อยากเชื่อตัวเองว่า การสมัครบล็อก ที่โคตรโหด แบบนี้
กุจะสามารถสมัครมันขึ้นมาได้ เอ่อ ... คือ ถ้าเป็นคนที่เค้าเก่งๆ
หรือเข้าใจภาษาอังกฤษ กุก็คิดว่าเค้าคงจะคิดกะกุว่า
อะไรวะ นี่แค่มึงสมัครบล็อกกระจอกๆบล็อกนึงได้นี่
มึงดีใจเหี้ยไรขนาดนี้วะ ? แต่นั่นไม่ใช่สำหรับกุ
การที่กุจะทำอะไรออกมาได้ซักอย่างนึง แล้วสำเร็จ
กุจะถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากๆสิ่งนึง เหมือนสวรรค์โปรดก็ว่าได้
เพราะคนอย่างกุ ตั้งแต่สมัยเด็กๆแระ
ทำห่าไรก็ไม่เข้าท่าไปซะตลอดเวลา
สมมติเรียนวิชา ก.พ.อ ตอนนั้นมีการให้ร้อยพวงมาลัย
อุบะตุ้งต้งตุ้งติ้งบ้าบอ อะไรนั่นกุก็ไม่สามารถ
เวลาเย็บปักถักร้อย กุทำได้แค่การเนา
เรื่องการสอย การด้น ไม่ต้องพูดถึง กุทำไม่เป็นซักอย่าง
สมควรแก่การโดนด่าสุดฤทธิ์ กุยังมึนๆเรยว่า
นี่กุเรียนจบมาได้ไงวะ เออ แปลกแต่จริง
ถึงแม้จะโตเป็นควาย ในตอนนี้ก็เหอะ
กุก็ทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จซักเท่าไหร่ เมื่อกุสมัครบล็อกได้
กุจึงดีใจเหมือนได้เป็นเซเลอร์มูน ยิ่งนัก
กุก็รีบๆเขียนๆๆๆๆๆๆๆ เขียนในสิ่งที่กุอยากจะเขียน
เล่าเรื่องราวที่กุอยากเล่า กุเขียนเป็นตุเป็นตะ
กุเขียนประสบการณ์ที่ผ่านมาบ้าง ประสบการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นบ้าง
ในตอนนั้นกุจะเขียนเกือบทุกวันเลยก็ว่าได้
กุรู้สึกสนุกมากๆ เวลาที่ได้เข้ามาเขียนบล็อก
กุถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้กุรู้สึกอิสระ ไร้สิ่งที่กดดัน
หรือกฎเกณฑ์บังคับ ประจวบเหมาะกับเวลาในตอนนั้น
กุเหงามาก กุเหงาจนกุรู้สึกแย่ ร้องไห้เกือบทุกวัน
อาจจะทุกวันก็ว่าได้ ความรู้สึกอะไรหลายๆอย่างมันแย่
กุเรยหาทางออก หาเรื่องที่ทำให้ตัวเองเขียนออกมา
เป็นตัวของตัวเอง เขียนออกมาเผื่อเวลาใดที่กุรู้สึกแย่ๆ
กุจะกลับมาอ่านมันอีกครั้ง กุจะอ่านบล็อก ของตัวเองซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
บางคนอาจจะเขียนบล็อกมาเพื่อให้คนอื่นอ่าน
แต่สำหรับกุ ไม่ใช่แม้แต่นิดเดียว
กุเขียนบล็อก ทำส้วมของกุขึ้นมา เพื่อให้ตัวกุอ่านเอง
ในเวลาที่กุไม่มีใคร เวลาที่กุรู้สึกแย่ๆ
กุจะเข้ามาคุย มาอ่าน ทำให้กุเหมือนได้คุยกับตัวเอง
ทำให้กุได้รู้ว่า กุยังมีเพื่อน เพราะบล็อกคือเพื่อน
คือส้วม คือแหล่งรวมทุกอย่างที่กุคิด หรือที่กุรู้สึก
พี่แอน เป็นแรงจูงใจทำให้กุเขียนบล็อกนี้ขึ้นมา
แต่พี่แอน ไม่ใช่ต้นแบบ ที่ทำให้กุหยาบคาย
ไม่ใช่ต้นแบบในการทำสำนวนการเขียนบล็อกของกุ
กุไม่เคยคิดเรยว่ากุจะต้องเขียนเลียนแบบพี่แอน
หรือเขียนคำถ่อยๆ หยาบคายๆ เหมือนกับพี่แอน
กุไม่ได้คิดเรียกร้องให้ใครเข้ามาอ่าน
การที่ใครๆเข้ามาอ่าน กุก็ตกใจอยู่เหมือนกันในตอนแรก
เพราะกุไม่คิดว่าในการเขียนบล็อกของกุเนี่ย
จะมีคนเค้ามาอ่านด้วยเหรอวะ กุนึกว่าจะมีแต่ตัวกุคนเดียว
ที่เขียนเอง อ่านเองซะอีก นั่นก็ต้องขอขอบคุณ ทุกๆคน
ที่ เข้ามาร่วมรับรู้ ความรู้สึกของตัวกุ
การที่คนอื่นเข้ามาอ่าน เป็นเพียงส่วนประกอบอย่างนึงเท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่า กุจะเขียนบล็อกเพื่อ คนที่เข้ามาอ่านซักหน่อย
และกุก็ไม่คิดว่า สำนวนการเขียนกุจะใช้ได้
หรือตลก หรือจะขำ หรือจะส้นตรีนอะไรทั้งสิ้น
กุไม่เคยรู้เรยว่า คนที่เข้ามาอ่านส้วมของกุ เค้ารู้สึกยังไง
อันนี้กุไม่สนเท่าไหร่ เพราะกุก็ไม่สามารถจะรับรู้
ความรู้สึกของคนอื่นได้ แต่แค่กุอยากให้ทุกๆคนเข้าใจ ว่า
กุเขียนบล็อกนี้ขึ้นมา เพราะได้อ่านบล็อกพี่แอนก็จริง
แต่กุไม่เคยคิดที่จะเขียนให้เหมือนพี่แอน
เพราะคนอย่างกุไปเขียนอะไรที่มีสาระ อย่างพี่แอน
คงไม่ใช่กุ กุได้แต่ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวกุเอง ลงมาเท่านั้น
ถ้อยคำที่ใช้ นั่นคือมาจากความรู้สึกของกุ
กุไม่ได้คิดว่า การที่กุจะพูดหยาบคาย
หรือพยายามทำตัวถ่อยๆ นี่โคตรจะเท่ห์
ป่าวเลย ผิดถนัด ! เมื่อกุพูดกับตัวเอง หรือคุยกับตัวเอง
กุจะใช้คำที่คิดนั้น มาเขียนลงไป ซึ่งมันก็คงทำให้ตัวกุดูถ่อย
เพราะคำพูดหาใช่คำพูดที่เริ่ดหรูอลังการ
หรือคำพูดที่น่ารัก ชวนอ่าน แม้แต่น้อย
มันจะดูห่ามๆ หรือดูไม่ใช่ผู้หญิงเขียนเลย
แต่กุภูมิใจ เพราะเป็นสิ่งที่กุสร้างขึ้นมา วันไหน เว็ปนี้เกิดล่ม
กุคงร้องไห้แน่ๆ เพราะอะไรที่กุเขียนไว้ ก็จบเห่
กว่ากุจะอัพแต่ละครั้ง กุตรวจแล้วตรวจอีก
กลัวจะมีคำผิด หรือข้อผิดพลาด คำตกหล่น รึป่าว
คำนี้มาได้ไง ก็ต้องลบไป การอัพบล็อกของกุจึงใช้เวลา 2 ชั่วโมงขึ้นไป
กว่าจะอัพโหลดลงเว็ปได้ จริงๆแล้ว
ก่อนหน้าที่จะได้อ่านของพี่แอน กุเคยคิดไว้แล้วว่า
ถ้าวันนึงกุมีที่ๆกุอยากเขียนขึ้นมา กุจะใช้ชื่อแทนตัวกุว่า
" ถ่อย "
แระสำนวนการเขียนของกุ ก็ต้องมาจากความคิดของกุ
ไม่ใช่มาเพ้อพร่ำเพ้อหา ค + ว + ย ไรทั้งสิ้น
แค่ ค + ว + ย อันเดียว แม่งก็ต้องมาเขียนเพ้อหา จะเป็นจะตาย
เป็นเหี้ยไรกันขนาดนั้นวะ
แต่ถ้าจะเขียน คำถ่อยๆลงไปในเว็ปของคนไทย
คงจะไม่สวยหรูนัก อาจจะโดนปิดบล็อก
ดังนั้น ณ วันนั้น กุค้นพบ จากพี่แอนว่า
เฮ้ย ... มันไม่ใช่ของคนไทยว่ะ นี่มันของฝรั่งนี่หว่า
ดังนั้น ฝรั่งมันคงไม่รู้หรอกว่า กุใส่คำพูดสัดม๋าไว้ยังไงบ้าง
มันเป็นความสะใจเล็กๆ ปนกับความดีใจ
ที่มันไม่ใช่ของคนไทย แระมันก็เป็นส้วมที่ส่วนตัวที่สุดของกุ
กุไม่ได้คิดว่า อะโห่ พี่คนนี้แม่งเขียนได้ใจกุจริงๆ
เด๊วกุไปเขียนบล็อกของกุแบบนี้บ้างดีกว่า
อุ๊ย ... บล็อกพี่เค้าทำไมมีแต่คนเข้ามาอ่าน
สงสัยพี่เค้าเขียนคำพูดหยาบคายลงไปมั้ง
งั้นกุไม่เขียนบ้างดีกว่า
ความคิดเหล่านี้ คนอื่นอาจจะคิดว่ากุเป็นแบบนี้
เพราะเท่าที่กุสังเกตคนหลายๆคนที่เข้ามาอ่านบล็อกกุ
หรืออาจจะรู้จักบล็อกกุ จากบล็อกพี่แอน
จะพูดทำนองนี้ แนวๆนี้ว่า กุเขียนเหมือนพี่แอน
กุทำเหมือนพี่แอน แต่มันไม่มีในหัวกุซักนิด
กุคิดก่อนหน้าที่จะเจอบล็อกพี่แอนด้วยซ้ำ
ว่ากุอยากเขียน สิ่งต่างๆ ไว้แบบนี้ ด้วยสำนวนเช่นนี้
แต่ไม่มีที่ให้กุลง ก็เท่านั้น
กุเคยเห็นพี่แอน เขียนไว้ว่า ยังมีบล็อกอีกหลายๆบล็อก
ที่แตกหน่อจากบล็อกหยาบคายอีกเยอะ
คือ ... กุคือบล็อกนึงที่แตกหน่อจากบล็อกหยาบคาย
แต่ไม่ใช่ก็อปปี้ แตกหน่อ ณ ที่นี้ของกุคือ อ่านบล็อกพี่แอน
แร้วสมัครบล็อกนี้ตามพี่แอนเท่านั้น
ไม่ใช่ว่า เขียนแนวพี่แอน หรือแม้แต่คนอื่นก็เหอะ
เข้ามาอ่านแร้วบอกไว้ว่า
พี่แอนก็เลิกเขียนบล็อกหยาบคายแล้ว
ส่วนกุก็ต้องไปทดลองสอน ไม่ค่อยได้อัพ
แร้วจะไปหาบล็อกใครที่เขียนแนวนี้อ่าน
กุก็รู้สึกดีเหมือนกันที่มีคนติดตาม แต่อีกใจนึงก็คิดไว้ว่า
ตกลงว่าที่กุเขียนมาหมดทุกอย่างนี่กุเลียนแบบพี่แอนงั้นเหรอ
ไม่อยากให้ใครๆคิดแบบนั้นเลย
ไม่ว่ากุจะพูดไงก็เหอะคงไม่มีใครเข้าใจ กุขี้เกียจอธิบายแม่งแระ
แต่จำได้ว่าพี่แอนคือคนแรกที่เข้ามาเม้นท์ไว้บล็อกกุ
พอกุเขียนบล็อกเสร็จ คนแรกที่กุบอกคือไอ่บิว
เพราะช่วงนั้นรู้สึกตื่นเต้นกันมากๆ ไอ่บิวเห็นกุเขียน
ไอ่บิวเรยบอกว่า เฮ้ยๆๆ กุเอามั่งๆๆ เด๊วกุสมัครมั่ง
บล็อกกุจึงเป็นพี่ไอ่บิว 2 - 3 วัน ถ้ากุจำไม่ผิด
เพราะไอ่บิวเขียนบล็อกทีหลังกุ
แระรู้สึกน่าอ่านมากกว่าบล็อกกุเป็นไหนๆ
จากการเขียนบล็อกนี้ ทำให้กุได้รู้จักพี่ๆน้องๆ อีกหลายๆคน
ส่วนใหญ่มาจากบล็อกพี่แอนซะเยอะ
ที่คุยกันบ่อยๆ ก็คงเป็น พี่เหน่ง พี่ไอ้สวะ พี่ปิ๊ก และ ฯลฯ ประมาณนั้น
บางคนเห็นกุเม้นท์ในบล็อกพี่แอน ก็แอดเข้ามาคุย
หรือเข้ามาเม้นท์ให้กุ บางคนก็มาจากการที่กุเห็นเม้นท์ในบล็อกพี่แอน
แร้วกุตามไปอ่านบล็อก แร้วเม้นท์ใส่บล็อกของแต่ละคนไว้
คนๆนั้นก็ตามเข้ามาอ่านของกุแร้วเม้นท์ไว้เหมือนกัน
บางคนก็มาจากการคุย msn บ้าง QQ บ้าง
( ซึ่ง QQ กุเพิ่งหัดเล่นเพราะไม่มีเหี้ยไรจะเล่น )
แม้แต่จะมาจากการโฆษณาจากคนที่คุยกับกุ รู้จักกับกุ
แร้วเอาบล็อกกุไปให้เพื่อนๆอ่านก็ตาม
อยากขอบคุณทุกคนจากใจจริง ไม่ตอแหลว่า
ขอบคุณที่เข้ามารับรู้ชีวิตกุ
ก็ต้องขอบคุณ ไอ่บิว และพี่แอน ที่ทำให้กุมีส้วมดีๆ ไว้เขียน
ไว้ใส่ความรู้สึก ถึงกุบอกไปขนาดนี้
ก็อาจจะไม่มีใครเชื่อกุก็เป็นได้ ว่า กุไม่ได้เลียนแบบพี่แอน
แต่กุอยากบอกจริงๆว่า กุไม่ได้เลียนแบบพี่แอน ซักนิด
พี่แอนก็คือพี่แอน ตัวกุก็คือกุ สิ่งที่พี่แอนเขียน
หยาบคาย ก็จริงแต่แฝงสาระไว้เพียบ
มีคนชอบก็เยอะแยะ มีคนอ่านก็เยอะแยะเช่นกัน
ผิดกับกุที่ไม่เคยสนใจหรือใส่ใจว่า
คนที่เข้ามาอ่านจะรู้สึกยังไง
แระกุก็ไม่ได้คิดด้วยว่าจะมีใครสนใจเข้ามาอ่านด้วยซ้ำ
เพราะนี่มันคือส้วมของกุ กุไม่ได้คิดว่า การที่ใครๆ จะเข้ามาอ่าน
จะได้สาระ หรือได้ข้อคิด กลับไป
นอกจากบางคนอาจจะเก็บเอาประสบการณ์ ที่กุได้เล่าลงส้วม
ไปปรับใช้กับชีวิตตัวเอง นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึง
การพูดหรือการแสดงออกของกุนั้น ก็โคตรถ่อยเอามากๆ
พี่แอนเค้ายังมีความสุภาพ แต่สำหรับกุมันไม่ได้สุภาพอะไรทั้งนั้น
พี่แอนกับพี่เหน่ง คือคนที่ช่วยตอกรอยหยักในสมองของกุ
เพราะพี่แอนช่วยสอนเรื่องอัพรูปลงบล็อก
ส่วนพี่เหน่งคือคนที่ช่วยสอนกุในเรื่องการใส่เพลงลงบล็อก
เพราะไม่งั้นกุคงโง่ๆ ง่าวๆ ตลอดไป ชีวิตในตอนนั้น กับตอนนี้
ก็ผ่านพ้นมาตั้งปีกว่าแล้ว แต่กุก็ยังไม่ทิ้งบล็อกของกุ
ในช่วงนั้นกุอาจจะอัพบล็อกเกือบทุกวัน
แร้วก็เริ่มกลายเป็นนานๆทีจะอัพ
ไม่ใช่เพราะกระแสเขียนบล็อกมันซาไป หรืออะไร
แต่กุไม่มีเวลาอัพ เพราะอัพบล็อกก็ปาไปเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว
มีเวลาเล่นแช็ท แต่ไม่มีเวลาอัพบล็อก เพราะกุไม่ได้ว่างเหมือนเมื่อก่อน
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดว่ากุเขียนเลียนแบบพี่แอนล่ะก็
อยากบอกว่า มึงแหกตาอ่านดีๆ คนอย่างกุไม่ได้เลียนแบบใคร
แระกุคงไม่สิ้นคิดถึงกับไปก็อปปี้ รูปแบบ ของใคร
พี่แอนเป็นคนที่กุนับถือ เป็นคนที่ทำให้กุรู้สึกอยากเขียนบล็อก
ยี่ห้อเดียวกับพี่แอน
แต่พี่แอน ไม่ได้เป็นแม่แบบให้กุก็อปปี้อะไรจากพี่แกเรยซักนิด
เพราะกุคงไม่คิดสั้น ฆ่าตัวเองขนาดนั้น โปรดจงหยุดคิดซักที
กุเอือมระอาในสิ่งที่มึงคิดเต็มทีแร้วค่ะ

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ขี้ไห้ อ่านว่า ขี้ - ไห้ แปลว่า ขี้แย , บ่อน้ำตาตื้น
แต่งประโยค น่องดรีมนี่กะดายมดค้บตะอี้กะไห้กะฮ้อขี้ไห้แต้ๆ
แปลอีกทีว่ะ น้องดรีมนี่ก็นะแค่มดกัดแค่นี้ก็ร้องห่มร้องไห้ขี้แยจัง
ป.ล Bon anniversaire ให้กับส้วมของกุ ขอโทษนะส้วมสีชมพูจ๋า
กุมาอวยพรช้าไป เพราะกุบ่มีเวลาอ่ะเด้อ วันนี้วันที่ 20
วันส้วมเต็มของบล็อกวันที่ 13 ผ่านมาไม่กี่วันเอง
อย่างอนกุน้า แต่ช้าแต่ ลั๊ลลา ลั๊ลลา
( รูปทั้งหลายทั้งแหล่ที่เห็นเป็นภาพประกอบในบล็อกนี้
คือผลงานของ พี่แอน ไอ่บิว แระพี่เบิ้น ค่ะ )

@^_^@
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น


วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548

คนดี ... ที่ถูกลืม



กาลครั้งหนึ่ง ... ยังไม่นานแค่คืนวันก่อน
มีครูผู้ชายสุดหล่ออยู่คนนึงชื่อจริงว่า ครู อ.
บอกกับกุว่าจะเข้าบางกอกตอนแรกกุนึกว่า
ครูผู้ชายสุดเท่ห์ท่านนั้นมีอบรม หรือประชุมที่บางกอก
แต่กุเพิ่งมารู้ว่า ครู อ. จะไปเดินประท้วง กับพวกครูที่เป็นเพื่อนๆกัน
เค้าชวนกันไป ครู อ. เรยต้องไป ครู อ. เล่าให้ฟังว่า
ที่ครูเค้าติดต่อกันได้เพราะเค้ามีสมาคมครูทั่วประเทศ
สามารถติดต่อกันขอกำลังกันให้ไปช่วยเดินขบวนประท้วงได้
เรื่องของเรื่องก็คือ ... ร้าดถ่าบัน ( เป็นคำพ้องเสียง )
จะถ่ายโอนให้ อมทุกบาททุกสตางค์ มาบริหารจัดการครู
กฎหมายนี้ ออกมาตั้งแต่ ร้าดถ่าบัน คุณ ช. แร้ว
แต่ว่าพอจะเลือกตั้ง ด้วยความที่อยากได้เสียงเยอะไปหน่อย
ท่าน ม. ( เป็นคำนามใช้เรียกชื่อคน ไม่ใช่ชาวเขา )เรยบอกว่า
ให้เลื่อนไปก่อน ยังไม่ให้มีการใช้กฎหมายนี้
คาดว่าคงจะอยากเอาใจครูทั่วประเทศ และก็เป็นไปตามที่ใจคิด
ครูต่างก็เทใจให้คะแนนท่าน ม. จนหมดหัวใจ
แม้กระทั่งลูกครูอย่างกุก็โดนหางเลขไปด้วย ว่าให้เลือก ท่าน ม.
จริงๆแร้ว กุไม่ได้อยากจะเลือกเรยซักนิด ซวยกุอีก
สุดท้ายความโกหก ปลิ้นปล้อน ตอแหล ก็ปรากฎขึ้น
จากภาพที่เห็นครูประท้วงในข่าว จริงๆแล้ว กุก็รู้สึกแย่ๆเหมือนกัน
ไม่มีใครรู้หรอกว่า การที่ครูประท้วงนี่เพราะอัดอั้นกันมานานแล้ว
จะให้พวกคนที่เรียนยังไม่จบ ป. ตรี หรือเรียนแค่ ป. 4
มาคุมพวกครูเนี่ยนะพวกครูก็เรยไม่ยอม
ก็เรยต้องไปประท้วงกันเย้วๆ
นี่ยังเป็นแค่ผู้บริหารกับครูน้อยไม่กี่คนนะ
ถ้ามารวมกันทั่วประเทศ ก็จะมีถึง 5 แสนกว่าคนทีเดียวเชียวค่ะ
ตอนแรกเค้าก็ถามกันตอนอยู่บนรถทัวร์ว่า
ถ้าวันนี้ ร้าดถ่าบัน ไม่ทำตามที่เรียกร้องใครจะโกนหัวบ้าง
ครู อ. จึงบอกว่า ผมโกนๆ แต่สุดท้าย ก็บ่ได้โกน
เพราะคนที่ต้องการจะพูด หรือต้องการเรียกร้องมีมากเกินไป
เรยไม่ถึงพ่อกุ แต่ก็ไม่เป็นไร พ่อกุเค้าก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรอย่างนั้น
ถ้ามันไม่จำเป็น คืนนั้น ตอนพ่อกุกลับมาพ่อก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
กุเรยเข้าไปตอบกระทู้ในเว็ป เกี่ยวกับเรื่องที่ครู กรีดเลือด
และโกนหัวประท้วง ว่าเหมาะสมหรือไม่
กุคิดว่าสิ่งที่เค้าทำอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก แต่กุก็รู้สึกสะใจอยู่เหมือนกัน
ชิบหาย ... แร้วจะให้ทำเหี้ยไรได้ ในเมื่อเรียกร้อง เหี้ยไร
ก็ไม่เคยมาใส่ใจ ไม่เคยมาดู
ค่ะ
แร้วใครๆก็เสือกบอกว่า ครูทำแบบนี้ไม่เหมาะสม
ครูทำแบบนี้ เด็กๆอาจจะเลียนแบบได้ กุถามหน่อย
เด็กเหี้ยที่ไหน มันเคยเชื่ออะไรครูบ้าง ขนาดครูสอนแม่งดีๆ
มันยังไม่เอาเรย กุว่าถ้าเด็กไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักว่าอันไหนควรเลียนแบบ
อันไหนควรที่จะไม่ทำตาม กุว่าอิเด็กส้นตีนๆ พวกนี้
ก็สมควรทำเรื่องเหี้ยๆไปดีกว่า กุเรียกพวกที่ทำตัวแบบนี้ว่า " พวกตะแบง "
ชอบอ้างหาว่าทีครูยังทำได้ แร้วทำไมพวกนู๋จะทำมะได้เคอะ
...
สรัด ! คนจะจังไร แม่งก็จังไรวันยังค่ำ
มันคงเอามาแค่อ้างว่าสิ่งที่มันได้ทำนั้น เลียนแบบครู
กุไม่เถียงว่าครูได้เงินเดือนเป็นหมื่นๆก็จริง
และกุก็ไม่เถียงอีกว่า เงินเดือนเป็นหมื่น แต่หนี้สินน่ะเยอะสัดม๋าเรยค่ะ
หักลบกลบหนี้ ครูเหลือเงินเดือน กันไม่เท่าไหร่
อีกอย่างเวลาที่ครูจะเก็บเงินเด็กนักเรียนมันก็จะรู้สึกกระดาก
เพราะเด็กมันมะมีรายได้แร้วยังเสือกเก็บกับมันอีก
เวลาต้องทำสื่อหรือทำอะไรที่เกี่ยวกับการเสริมความรู้ให้เด็ก
ก็จะใครล่ะ ? ที่ออกงบให้
ไม่มี้ ... มีแต่ครู จนๆ นี่แหละ ที่ออกให้ สงสารก็สงสาร จนก็จน
ทำไงได้เสือกมีคำว่าครู ติดตัวอยู่นี่
ลองคิดดู กุยังไม่เคยเห็น พวกวิศวะคนไหน
สร้างบ้านให้คนอยู่ฟรีๆ หรือหมอคนไหนที่ผ่าตัด
หรือ ให้ยาคนไข้ ฟรีๆเลย
นอกจากหมอที่เสียสละไปอยู่บนดอยซึ่งก็น้อยมากถ้าเทียบกับครู
เด๊วนี้ถามเด็กๆก็ไม่มีใครอยากเป็นครูแม่งแล้ว เงินเดือนน้อย
เสียสละมาก พ่อกุเล่าว่า ครูแถบอิสานที่มากันเยอะสุดๆนั้น
ก็เป็นพวกที่ต่อสู้กับความลำบาก ไม่เคยที่จะได้ในสิ่งที่ตนเองอยากจะได้
ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องต่อสู้เอา มันคือความเป็นจริงในสังคมชนบท
ทุกวันนี้ กุเห็น กุรู้จักสังคมแบบนี้ ตั้งแต่กุยังเล็กๆ เพราะพ่อแม่กุ
ก็เป็นครูบ้านนอกเช่นกันกุได้เห็น กุได้สัมผัส มันจึงทำให้กุรู้สึกว่า
กุอยากเป็นครูนะ กุอยากจะเป็นอย่างพ่อแม่กุ
นี่คือสิ่งที่กุเรียนรู้ว่าครูมีเกียรติ แต่เด๊วนี้ ใครๆก็ว่าครูไม่ดี
การกระทำที่ไม่ดีต่อเด็ก ถ้าใครที่โดนกดดันมากๆ แล้วโดนเพิกเฉย
แม้กระทั่งส่งหนังสือมาร้องเรียน ก็ยังเสือกโดนเมิน
ไม่มีเหี้ยไรคืบหน้า ถ้าอาชีพอื่นๆ โดนแบบนี้ แม่งกุว่าไม่ฆ่าตัวตายไปเรยเหรอวะ ?
แต่ครู มันเหมือนโดนถีบด้วยแผ่นป้ายขนาดยักษ์ อยู่เต็มหน้าว่า
" มึงเป็นครู มึงไม่ควรทำตัวแบบนี้ "
แล้วครูคือเทวดา รึไงวะ ครูแม่งไม่ใช่คนรึไง
ครูไม่ต้องแด่ก ไม่ต้องขี้ ไม่ต้องปี้ ไม่ต้องนอน เหรอ ?
สัด พูดยังกะครูไม่ใช่มนุษย์เรย ทีเวลาที่ไม่มีเรื่อง
หรือมีเรื่องเล็กๆน้อยๆ ครูก็ไม่เคยประท้วงกันหรอก
แต่คนหัวควย มันก็ยังมีอยู่ สักแต่จะพูด สักแต่จะว่า
ในเรื่องที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง ว่าคนอื่นเค้า อย่างนั้นอย่างนี้
ถ้าไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ก็อย่าว่ากันดีกว่า
มันกวนส้นตีนกุจริงๆ รู้สึกอยากเอาตีนลูบหน้าตะหงิดๆว่ะ
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะกรีดเลือดกัน แต่ครูเรียกร้องกับนายกว่า
ถ้าไม่ออกมาคุยกัน ก็จะกรีดเลือด ทีนี้ นายกก็แม่งไม่ออกมาซักที
ครูพูดไปแล้วทำไงได้วะก็ต้องกรีด
เพื่อแสดงคำสัตย์ที่พูดออกไป ก็จำเป็นต้องกรีดแหละวะ
เป็นกุ กุก็กรีดเพราะกุมีความบ้าเลือด บ้าพลัง อยู่มากทีเดียว
ถ้าให้กุได้ฟิวส์ขาด กุก็เอาเหมือนกัน
แร้วยิ่งครูพวกนี้ เค้าอยู่ชนบท เค้าอยู่กับความลำบาก
เมื่อเค้าได้ออกมาเรียกร้อง เค้าก็ต้องเป็นแบบนี้
กุไม่รู้ว่า ร้าดถ่าบัน คิดอะไรกันอยู่ที่จะให้พวก อมทุกบาททุกสตางค์
มาควบคุมครูเนี่ย กุรู้ว่าพวกนี้ ก็มีคนดีๆอยู่
แต่คนเหี้ยๆ ชั่วๆ นั้นมีมากกว่า แด๊กเงินกันชิบหายวายป่วง
ก็ยังเสือกจะไว้ใจมันอีกเหรอวะ ? กว่าเงินจะเข้ามาถึงโรงเรียน
กุว่า จะเหลือซักบาทไม๊วะนี่ ปกติแล้วเมื่อก่อน
การขอ งบประมาณต้องผ่านเหี้ยไรเยอะแยะ
ทีนี้ ก็มีกฎหมายออกมาอีกว่าให้ตั้งคณะกรรมการโรงเรียนมา
( พวกชาวบ้านที่เป็นผู้ปกครองนักเรียน )
แร้วให้งบประมาณมาจัดสรร เพื่อซื้อของเข้าโรงเรียนกันเอง
โดยมีผู้บริหารร่วมกันจัดหา กุว่ามันก็ดีอยู่แล้ว
เพราะเด็กๆจะได้มีการศึกษาที่ดีขึ้น ไม่ต้องรอ งบ
ที่จะซื้อนานจนรากงอก อยากได้อะไรก็มาประชุมกัน
ให้เห็นว่าโปร่งใส เสร็จแล้วก็เบิกงบไปซื้อ แบบนี้ดีกว่า
แต่แล้ว เหมือนฟ้าผ่าต้นมะพร้าว เรื่องมันเรยเกิดขึ้น
ที่จะให้ อมทุกบาททุกสตางค์ เข้ามามีส่วนร่วม
ในการจัดสรรงบประมาณ กุว่า กว่างบจะผ่าน
แด่กกันจนพุงปลิ้นแร้วม้าง สมมติงบให้มา 500 ค่านมโรงเรียน
ถ้ามีอิพวก อม มันก็จะแด๊กไปซะ 200 เหลืองบให้เด็กซื้อนมซะ 300
แร้วทีนี้ เด็กได้แด่กเหี้ยไร ? ก็ต้องแด่กนมผสมน้ำเปล่า เจือจางสุดๆ
แร้วจะเอารอยหยักที่ไหนไปใช้ในการเรียนการสอนได้วะ
ก็มันไม่มีอะไรบำรุงสมอง ยิ่งโดนเหาแด่กหัวกันอยู่ด้วยเด็กๆน่ะ
เลือดออกเพราะโดนเหาแด่ก แถมนมที่ได้ไป ก็ไม่มีอะไรที่ช่วย
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเลย แม่งน่าสงสารจริงๆ
บางคนก็เสร่อมากๆ บอกว่า ครูทำแบบนี้
เอาเวลาไปสอนหนังสือเด็กดีกว่ามัวแต่มาเดินประท้วงแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ
ควย ค้วย ควย จริงๆเรยค่ะ
...
ถ้ามันไม่เกี่ยวกับตัวเด็ก ครูจะเรียกร้องทำหอกไรวะ
ก็เพื่อเด็กๆเนี่ย ครูถึงต้องมาประท้วงกัน
หรือว่า ไม่มีใครอยากให้เด็กได้ของมาสนับสนุนการศึกษาชิบหาย ...
เค้าอุตส่าห์ มาจากที่ไกลๆ มาเพื่อ เด็กๆ
ทนนั่งรถจนตูดบาน แถมนั่งตากแดดตากฝน อดทน
ก็เพื่อเรียกร้องให้เด็กๆ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง
ก็ยังเสือกมีคนมาพูดงี้ เป็นกุ กุเดินเข้าไปตบเรยนะนี่
คนเราอะไรที่ไม่เกิดกับตัวเอง มันมักจะไม่รู้สึกอะไรหรอก
ครูต้องเสียสละ ครูต้องไม่ทำอะไรวู่วาม ลองมาเป็นครูดูเด่ะ
เงินเดือนก็ไม่สมกับความเหนื่อยยาก ไหนจะต้องโดนว่าอีก
ไหนจะต้องต่อสู้กับเด็กๆที่มีในห้อง แต่ละคนแม่งก็ไม่เหมือนกันซักนิด
เวลาครูสอน แม่งก็เย้วๆๆ กันจะตายห่า ครูก็ต้องอดทน
ครูคนเดียว นักเรียนห้องนึง ก็ปาไปเท่าไหร่อิพวกเหี้ยที่มันชอบว่าครู
กุอยากรู้ ถ้าอย่างมัน มันจะทำได้แมะ ?
ไม่ได้ต่อสู้กับเด็กๆอย่างเดียว ผู้ปกครองเด็กบางคน สันดานควายก็มี
พวกคนเก่งๆ ก็เมินอาชีพนี้ เพราะเงินมันไม่ดี ใครเค้าจะอยากเรียน
แร้วก็มาหาว่าพวกเรียนแย่ๆ ไม่รู้จะเรียนอะไร
เรยต้องมาเป็นครู มึงรู้ได้ไง กุคนนึงที่เรียนแย่อันนี้กุยอมรับ
แต่กุไม่ยอมรับว่า คนอื่นๆที่เรียนครู จะเรียนแย่
แล้วหลักสูตรของครู ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆคิด
กุว่ามันยากส์ชิบหายเลย ยากส์สุดๆ เรียนก็หนัก
แต่ก็ไม่มีใครต้องการ น่าน้อยใจชิบหาย
ถ้า ... ( ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ) เรียนไม่จบ ป. ตรี แต่เสือกได้งานดีๆ ได้เงินดีๆ
กุว่าไม่ต้องเรียนแม่งดีกว่าว่ะ ไปสมัครสอบ ... ( ละไว้ฯ )
แล้วนั่งกระดิกตีน หายใจทิ้งไปวันๆ ท่าจะดีกว่า
ไม่ต้องจบเหี้ยไรก็ได้เงินเดือน ดีๆ ได้แด๊ก เต็มๆตีน
แร้ว ไม่ต้องอดทนเรียนให้ปวดหัว
กุถึงว่าเด่ะ แม่ง ... ใครๆก็อยากเป็น อบต. กันซะจริงๆ
ทั้งยิงกัน ทั้งฆ่ากันตายห่าก็เยอะ ที่แท้ มันเป็นเช่นนี้แล
โอ้ว เย่ ... เยะเป็ด !

มันบอกว่า อยากมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
กุจำได้เพราะกุดู ถึงลูกถึงคน แค่กุเรียนครู กุยังร้องห่มร้องไห้แทบตาย
ตอนฝึกสอน เพราะเขียนแผนการสอนแล้วก็อ่านหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียน
กุก็จะอ้วกแตกแร้ว อิพวกนี้มันเป็นใครวะ ?
อัจฉริยะ ถึงขนาดมาสร้างหลักสูตรให้โรงเรียนเรยเหรอ
ถ้าแน่จริง มึงก็ไปบริหารประเทศไป๊ แต่ต้องบริหารดีๆนะ
ร้าดถ่าบัน หัวควยๆ น่ะ อย่าไปทำเอาแบบดีๆ สุดยอดๆ ไปเล้ย
นี่แหละ กุจะนับถือ กุมาพล่าม เข้าข้าง เข้าใจครูสุดๆ
เพราะพ่อแม่กุ อากุ เป็นครู แถมตัวกุก็จะเป็นครูในอนาคต
ช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้าอ่านแร้วคิดว่ากุคิดแง่เดียว
ส้วมกุ กุจะขี้ มันเรื่องของกุ
อนาคต ก็ไม่มีอีกแล้ว พวกข้าราชการ จะมีแต่พวกอัตราจ้าง
ควบคุมกันเข้าไปไม่มีใครอยากเป็นครูแล้วโว้ย
เพราะโดนกดดัน ชิบหาย ... พวกมึงมาเป็นครูกันเองเซ่
แร้วจะเข้าใจ แร้วจะรู้ซึ้ง ถึงคำว่า " คุรุ " มันแปลว่า หนัก ไม่ได้แปลว่า เบา
เห็นใจกันบ้าง ... เติบโต มีความรู้ เพราะครู อาชีพที่เสียสละ
แต่โดนมองข้าม

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า เปิง อ่านว่า เปิง แปลว่า เหมาะสม , ดูดี
แต่งประโยค ชุดสีชมพูนี่ เปิง กับอิน่องแต้ๆ ซื่อก่เจ้า ย่ะลดฮื่อ
แปลอีกทีว่ะ ชุดสีชมพูนี่เหมาะกับน้องจังเรยนะคะ ซื้อไม๊คะพี่จะลดให้
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล กุได้ยิน คุณ กนก อ่านคำสาปแช่ง โองการแช่งน้ำของครู
ตอนแรกกุคิดว่าครูจะด่า ไอ่เหี้ย ไอ่ควาย แต่เปล่าเลย
กลับกลายเป็นสำนวน สาปแช่งที่ดูดีมากๆ เจ็บปวด
แต่รู้สึกถึงความฮึกเหิมว่ะ สุดยอดจริงๆ ถึงบางคนจะขี้เมา
แต่พอทำอะไรแบบนี้ สำนวนใช้ได้จริงๆ กุนับถือ
ขอให้ครูทุกคนที่เป็นคนดี เสียสละเพื่อประเทศและเด็กตาดำๆ
ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญ
ส่วนพวกจังไร ส้นตีน ที่ชอบแขวะ ชอบด่า หรือพวกครูเหี้ยๆ
ก็ขอให้แม่งตายๆไปซะเหอะ กุรำคาญ