วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2548

รวมฮิต ... ช่วงปิดเทอม

ในที่สุดก็ปิดเทอมแล้วโว้ย ... ดีใจมากค่ะ
กุตกลงกับอิโบน้องกุว่าปิดเทอมนี้
กุจะไปอยู่กะมันที่บางกอก ไม่ใช่อะไร
จะไปอดข้าวอดน้ำที่นู่น คาดว่า อาจจะผอมกลับพิดโลก
หิหิหิ
( จริงๆแล้วกุว่าถ้าไปนะ แม่ต้องส่งเงินให้แด๊กกันเรียบแหงๆ
กุก่าอิโบว์ยิ่งกระเพาะควายกันอยู่ )
อุตส่าห์พูดก่าอิโบว์ไว้ดิบดี
"เห้ยๆ เด๊วกุไปอยู่โด้ยเวร้ย ฮิ้ววว"
แต่แม่ง ฝันกุสลายในบัดดล เพราะน้องชายกุ
ซึ่งเป็นลูกของอากุ มันเสรือกมาเรียนกีต้าร์ที่พิดโลก
ไม่ใช่ที่แพร่ไม่มีที่เรียน แต่มันจะมาพิดโลก
เพราะสาเหตุใดอันนี้กุไม่อาจจะทราบได้
และไม่คิดจะถาม เชอะ ! เด๊วมันหาว่ากุเสือก

กุมีชีวิตไปวันๆ จริงๆ ในช่วงปิดเทอม
หาสาระอะไรไม่ค่อยได้แต่กุว่าดีแล้วที่ไร้สาระ
เพราะถ้าจะเอาสาระกับคนอย่างกุก็ฝันเท่านั้น
กุไม่มีสาระอะไร นอกจาก สาร ( ะ ) เลว !!!
และเมื่อความไร้สาระเข้าครอบงำ
ชีวิตกุจึงมีแต่ความเป็นอยู่แบบลูกโซ่
ทำตัวขึ้นอืดเหมือนหมาเน่าลอยน้ำ ตลอดเวลา
ตื่นมา ก็เกือบเที่ยง บางทีก็เที่ยง ดีจริงๆ
ตื่นมาก็ได้แด่กข้าวกลางวันไม่ต้องแด่กข้าวเช้า
อู๊ยยย ช่วยแม่ ช่วยพ่อ
ช่วยครอบครัว ช่วยชาติ ประหยัดคร่า
จริงๆแล้ว คนตื่นสายนี่ มันอิ่มทิพย์นะ
เหมือนที่ว่ากันว่า "นอนกินบ้านกินเมือง"
แด่กบ้านแด่กเมืองจนอิ่ม เรยนอนได้
ท้องไม่ร้องว่า หิวๆๆๆๆ วะฮะๆ

พอกุสังคยานาตัวเองเสร็จเรียบร้อย
กุก็ซักผ้า ไอ่ผ้าเนี่ย กุซักมันทุกวันแหละ
กุเป็นโรคจิต ไม่ชอบซักผ้า เยอะ ไม่ชอบหมกผ้า
เพราะเด๊วมันจะเหม็นและถ้าเห็นผ้ากองโต
จะรู้สึก เครียดทันที ว่า นี่กุต้องซักเป็นกอง
เท่าภูเขาขนาดนี้เรยเหรอวะเนี่ย ?
จะขี้เกียจในทันที ไม่ได้ๆ กุต้องซักมันทุกวัน
บ้านนี้ก็แปลก ใส่เสื้อผ้ากันเปลืองชิบหายเรย เว้นกุ
พ่อแม่กุอ่ะ ใส่เสื้อผ้าเปลืองแสดดดด
กุก็ไม่เข้าใจว่า ชุดอะไรนักหนา
กลับจากข้างนอก ก็เปลี่ยนแระ เอ่า พอไปเลี้ยงไก่
เลี้ยงน้องหมา เอ่าเปลี่ยนอีกแระ
พอทำภารกิจเสร็จ เอ่า อาบน้ำ เอ่า เปลี่ยนอีก
นอนแล้ว ตื่นเช้ามา เอ่า เปลี่ยนอีก
กุจึงหนีไม่พ้น ที่ต้องซักผ้าเป็นกองๆไม่ได้
อืม ... ว่าไปก็ไม่ไร้สาระซะทั้งหมดแฮะกุ
ในระหว่างที่กุรอผ้ามันปั่นๆ ปู้ยี่ปู้ยำ ปลุกปล้ำ
กับผงซักฟอกในเครื่องนั้นสิ่งที่กุทำประจำ
ติดเป็นสันดาน คือ การนั่งเล่นเน็ท
วันๆ ก็ไม่ทำเหี้ยไร นั่งเล่นเน็ทจนรากงอก
และเมื่อยพุง ตาหลอดดดดด

พอผ้ามันปั่นๆ ก่าผงซักฟอกเสร็จ
กุก็เป็นโรคจิตกลัวผ้าไม่สะอาด อีกเช่นเคย
แม่ง ก็ใครจะไปอยากใส่เสื้อผ้าคันๆได้วะ
กุจะเอาผ้าใส่กะละมัง ที่มีน้ำอยู่เต็มๆปริ่มๆ แทบล้น
แล้วก็จัดการ ล้างๆผ้า ในกะละมัง
มีความสุขที่สุด ที่ได้ รู้ว่า เออผ้าที่กุซัก แม่งโคตรสะอาด
มิเสียแรง ที่ซัก ไหนจะกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม
โอววววว สวรรค์จริงๆ เวลาซักผ้าแล้วได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม
เอิ้กๆ
กลิ่นสวรรค์ของกุต้องยี่ห้อ comfort สีม่วง
หอมมากๆ ได้ใจกุสุดๆ แต่แม่กุชอบซื้อสีชมพูมา
เง้อ อะไรของแม่กุเนี่ย
-"-
แต่ก็ไม่เป็นไร ก็หอมดีเหมือนกันวะ
แล้วสวรรค์น้อยๆ ก็เกิดขึ้น ณ กะละมัง ซักผ้า
เวลาเล่น msn เพื่อนๆใน ลิสต์ ก็จะชอบถามคำถาม ว่า
"เห้ยทำไรอยู่วะ"
กุก็ตอบว่า
"ซักผ้าว่ะ"
แร้วมันจะบอกประโยคซ้ำๆกันหลายๆคน เหมือนกันเด๊ะ ว่า
"ชิบหายซักทุกวันเรยนะมึง"
อ่าวห่า ... ก็ผ้ากุเยอะ
กุก็อธิบายร้อยแปดพันเก้า ให้มันฟัง ว่า เพราะอะไร
ต้องซักทุกวันแต่หลังๆ กุเริ่มเบื่อ
ที่จะต้องอธิบาย ให้เมื่อยนิ้ว กุจึงตอบสั้นๆว่า
"เสือกไร มันเรื่องของกุ"
แค่นี้ก็จบ ใครเสือกถามอีก กุก็จะตอบงี้อีก
เหอะๆ เอาสิ เอาก่ากุ

เมื่อกิจวัตรตามสันดานกุ
อย่างที่กล่าวไว้คร่าวๆมาแล้วนี้ ก็ยังไม่หมด
ยังเหลือเวลาอีกเยอะก่อนจะหมดไป 1 วัน
ด้วยความที่ เหงา เคล้า เศร้า แอบเปลี่ยว นิดๆ นั้น
กุจึงไปเช่าหนัง ที่ วีดิโอ อีซี่ มาดูซะหน่อย
ส่วนใหญ่แร้ว กุจะดูพวก หนังฝรั่ง แนว comedy มากกว่า
ผลักประตูร้านเข้าไป ก็เดินไปตรงดิ่ง
ที่มุม หนังฝรั่ง แนว comedy หรือไม่ก็เอาหนังเกาหลี มาดู
เลือกที่คิดว่า ฮา สุดๆ กุชอบ ไม่เหมือนหนังญี่ปุ่น
ที่ดูแร้วไม่รู้เรื่องห่าไรซักอย่าง
กุเป็นคนเข้าใจยากส์ ฉะนั้น ต้องดูอะไรที่มันไม่ต้องคิดมาก
เพราะหัวกุกลวงถ้าเพาะเห็ดในสมองได้
เห็ดก็ไม่ขึ้น เพราะไม่มีแม้กระทั่งขี้เลื่อย
สมองกุกลวงโบ๋วววว จริงๆ

เมื่อไร้สาระได้ครบวงจรแล้ว
ชีวิตกุ ก็เป็นแบบนี้ทุกๆวัน
นอนก็โน่นเลย หลังเที่ยงคืน เป็นเช้าวันใหม่อีกครั้ง
แล้วก็เข้านอน ช่วง ตี 2 ตี 3 แล้วแต่กำลังจะอยู่ได้
... ป่าว ... ไม่มีใครบังคับ
แต่กุเป็นโรค ไม่ง่วง อาจจะง่วง แต่ก็นอนไม่หลับ
เพราะอะไรนั้นกุไม่สามารถบอกได้
ไม่ได้เล่นตัว หรือหยิ่ง แต่กุไม่รู้จริงๆว่า
ที่เป็นแบบนี้มันเพราะอะไร
ในเมื่อกุยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้
คนอื่นจะมาเสือกรู้ก่ากุได้ไงกุต้องเสือกรู้ก่อนใคร
เป็นอันดับแรกสิวะ

แต่ก็นั่นแหละ เพราะความที่กุยังไม่เข้าใจตัวเอง
ยังสับสน ยังฟุ้งซ่าน กุเรยไม่ได้บอกใครว่ากุเป็นอะไร
อืม ... แต่ที่แน่ๆ ถ้ากุเป็นแบบนี้บ่อยๆ
ซักวัน กุรู้ว่ากุต้องเป็นคนบ้า แน่ๆ
และเมื่อทำอะไรแบบนี้บ่อยๆ จนติด
มันก็ต้องเบื่อเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีปัญญาจะไปไหนได้
กุเรยต้องทำตัวเบื่อโลกแบบนี้ทุกวัน
ซ้ำๆกันจริงๆแล้ว กุไม่เถียงว่า
มีอะไรอีกตั้งเยอะที่กุสามารถทำได้
แต่กุขี้เกียจทำไง เหอๆ กุอ้างไปงั้นๆแหละ
มันมีงานเยอะแยะที่กุทำได้
แต่พอดีความขี้เกียจเข้าครอบงำกุ
เสมือนกับลัทธิราเอเลี่ยน กำลังครอบงำ เหล่าคนโง่
งี่เง่า และ เงี่ยน แอบอ้างทฤษฎี จ้าดง่าว ปัญญาอ่อน
ซึ่งไม่ควรกระทำ และไม่ควรคิด อย่างยิ่ง
ที่จะนำมาใช้ในสังคมที่เริ่มเน่าเฟะ มีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยๆ

บางครั้ง กุก็หาไขมันมาใส่ตัวกุอยู่บ่อยๆ
แด่ก chocolate บ้าง แด่ก Unif ifirm บ้าง
แด่กนั่นแด่กนี่ เพราะถือว่ามันคือตัวสร้างความสุขให้กุอย่างหนึ่ง
แต่ก็นั่นแหละ กุก็เริ่มล่ำขึ้น ล่ำขึ้น จนตอนนี้
น้ำหนักก็พรวดขึ้นอย่างแรง เป็นอึ่งอ่างพองตัว ช่วงหน้าฝน
พอน้องมันเรียนกีต้าร์แบบรัดรูป เอ้ย ! แบบรวบรัดเสร็จ
( มันมีพื้นฐานเล็กน้อย )
มันก็กลับแพร่ เพราะโรงเรียนมันเปิดเทอม
ส่วนกุ รอแม่ไปตรวจสุขภาพที่เชียงใหม่
แร้วพอพ่อกับแม่กลับมาพิดโลก กุก็แร่ดไปแพร่ ในทันที
คิดถึงสิ่งแวดล้อมที่แพร่มากๆ
เหมือนกุได้กลับบ้านจริงๆของกุ
บ้านที่อยู่มาตั้งแต่จำความได้
อยู่แพร่ กุก็เล่นกับเด็ก ตัวน้อยๆ อายุ ประมาณ 6 เดือน
ชื่อน้องดรีม น้องดรีมเป็นเด็กที่
ถ้าเทียบกับเด็กสาวรุ่นๆ ก็คงกลายเป็นสเปคอาเสี่ยแน่ๆ
เพราะน้องดรีมเป็นเด็กที่อ้วนๆ อวบๆ ขาวๆ
ดูไปดูมา เหมือนตัวปลวก ยิ่งนักน่ากินมาก
เนื้อคงหวานน่าดู มันน่ารักสุดๆ
( พูดแร้วคิดถึงมันว่ะแม่ง )
กุฟัดมัน หอมแก้มมัน กอดมัน จนมันร้องไห้
ก๊าก สะใจแสดดดดด

ชีวิต วันๆ ก็เล่นก่าเด็ก บางที น้องกุต่อเน็ทไว้
พอกุเดินเข้าไป มันก็ถามว่า "เล่นป่ะ"
กุก็ด้วยความเสียดาย ว่าเออนะ
อุตส่าห์เสียตังค์ต่อเน็ทแร้ว จะ disconnect เรย ก็นะ
เรยตอบว่า "เออเล่นเด่ะ"
ใครเข้ามาอ่าน กุขอสารภาพว่า จริงๆแล้ว
ใจนึงกุก็อยากเล่นระริก ระริกแต่อีกใจนึงก็เบื่อ
แต่มันก็ไม่มีไรทำ ( อีกแล้ว มุขนี้อีกแร้วกุ )
กุเรยมานั่งพุงปลิ้นเล่นเน็ทต่อไป

กุไปวัดมาด้วย ช่วงออกพรรษา ตื่นแต่เช้าเรย
แม่ง หนาวก็หนาว แต่ก็ไม่เป็นไร
ไปทำบุญให้ญาติที่ตายไปแร้ว ทางเหนือจะเป็นแบบนี้
คือ ให้พระพูดสวดๆๆๆ ว่าใครทำบุญให้ใคร
คนที่ตายไปจะได้มารับส่วนบุญ รับข้าวปลาอาหารต่างๆ
กุเห็นผู้หญิงคนนึงในวัด แต่งตัว ก็แบบว่า ชุดไทย
แต่เจ๊แกมั่นมากเขียนคิ้วซะโก่งเป็นสะพานแขวนเรย
ป้ากุเล่าให้ฟังว่าเจ๊แกเคยมีลูก แล้วยกให้คนอื่น
เพราะคิดว่า ตัวเองจะมีได้อีกคน แต่แล้วก็มีไม่ได้
ไปๆมาๆ ก็ไปญี่ปุ่น มีผัวอยู่ญี่ปุ่น
( ซึ่งกุแอบสันนิษฐานไว้ว่า คงไปขายหอยสด )
แร้วเจ๊แกก็กลับมาเมืองไทย ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่พิดโลก
วัดหลวงพ่อพุทธชินราช หรือวัดใหญ่
ป้ากุก็เล่าต่อว่า มีใครก็ไม่รู้
เอาตุ๊กตาตัวใหญ่ๆ มาให้เจ๊แกเลี้ยง เจ๊แกก็บอกว่า
เนี่ย ตุ๊กตาตัวนี้ คือลูกของแก
ตั้งชื่อว่า น้องแพท อูยยย กุขนลุก
ม่ว่า เจ๊แกจะไปไหน แกก็จะอุ้มตุ๊กตาตัวนี้ไปด้วยตลอด
บอกว่าเป็นลูก ซึ่งกุก็แอบสันนิษฐานอีกแล้วว่า
ถ้าเป็นคนปกติ เค้าจะทำกันเหรอวะ ?
เจ๊แกอาจจะเพี้ยนๆ เหมือนคนห่วยๆ
ที่นับถือ ลัทธิ ราเอเลี่ยน นั่นแหละ
( นั่นไง เจอกุด่าอีกดอกนึงแร้ว อิอิ )
วันดีคืนดี แกก็จะบอกกับคนอื่นว่า เนี่ย น้องแพท ยิ้มให้แกด้วย
หูยยย กุกลัวง่ะ
-"-
พอละๆ ยิ่งพิมพ์ก็ยิ่งกลัว
แมร่ง ... ตัวล่ำเหมือนควาย
แต่ใจ น้อย เท่า มดลูกของมดแดง
อืม ... กุได้ไปบริจาคเลือดที่อำเภอมาด้วย
เค้ามีพวกกาชาด แล้วก็หมอ มารับบริจาคเลือด
ซึ่งที่บ้านกุ ป้ากุกับอากุ ก็ไปบริจาคทุกๆ 3 เดือน อยู่แล้ว
เค้าจะมีหนังสือแจ้งมา แต่คราวนี้ อากุ เป็นเมนส์
จึงไปบ่ได้ กุเรยบอกว่า กุอยากบริจาค
กุเรยไปก่าป้ากุกุภาวนา ว่า ขออย่าให้เลือดลอย
เพราะกุตั้งใจจริงๆ บริจาคครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4
ปรากฏว่าเลือดกุจม กุดีใจมาก
เพราะอยากบริจาคสุดๆ แต่พอได้ขึ้นเขียง เอ้ย ! ขึ้นนอนเตียง
หมอก็หา เส้นเลือดกุไม่เจอ ตาหลอดดดดด
อีกแร้ววววว หมอหาเส้นเลือดไม่เจออีกแร้ว
กุจะมีปัญหานี้อยู่บ่อยๆ และทุกครั้ง
ที่กุบริจาคเลือดก็ว่าได้ แล้วทำไมคนอ้วนล่ำ กว่ากุ
มันยังเจาะเลือดได้สบายเรยวะ
ตอนแรกเริ่มเจาะมั่วๆที่แขนซ้ายของกุก่อน
พยาบาลบอกกุว่าไม่ฉีดยาชา เพราะหาเส้นเลือดไม่เจอ
กลัวว่าถ้าฉีดเข้าไปแล้ว จะเกิดอาการแขนบวม
กุก็ไม่ว่าอะไร โอ้ย แม่ง เจ็บชิบหายเล้ย !
กุเพิ่งจาเจาะแขนแล้วเจ็บสุดๆ ก็คราวนี้
แล้วเจาะอย่างเดียว รูเดียว มันไม่ได้ เลือดไม่มี
ไม่โดน ว่างั้นเหอะ ก็กระซวกๆๆๆ อยู่หลายครั้ง
จนกุแบบว่า โอ่ยยยย อะไรเนี่ย กุเจ็บแขน
อู๊ยยยย พูดแร้วเสียวว้อย 55555555
พอเจาะแขนซ้ายไม่มีเลือด ก็เอาเข็มเจาะควาย เล่มนั้น
ทิ่มปักไว้ที่แขนซ้ายก่อนแล้วเรียกหมอผู้ชาย
มาเจาะแขนขวาให้กุ หมอผู้ชายเค้าก็ไม่รู้ว่า
แขนซ้ายของกุไม่ได้ฉีดยาชา เค้าก็ไม่ได้สนใจว่า
เข็มเจาะควายนั่นปักแร้วเจ็บ เค้าก็มาเจาะแขนขวา
ก็หาเส้นเลือดไม่เจออีก เค้าเรยมั่วๆ คลำๆเส้นเลือด
แล้วก็ฉีดยาชา แล้วเจาะหาเส้นเลือด ก็ควานหาไม่เจออีก
แม่ง นี่กุไขมันอุดตันเกินไปหรือกุหนังเหนียว
และหนาปานหนังแร่ด กันแน่วะเนี่ย
เหอๆๆปรากฏว่า หมอผู้ชายเจาะเส้นเลือดกุ
แต่มะค่อยจะตรงเท่าไหร่เลือดกุไหล
แต่ไหลแบบเยี่ยวแมว มันไหลนิดเดียวจริงๆ
เค้าต้องขยับเข็มเจาะควายอยู่หลายครั้ง กุก็เจ็บเด่ะ
แม่ง อะไรนักหนาวะตอนบริจาคที่พิดโลก เค้าควานเส้นเลือดกุ
ไม่เจอก็จริง แต่ก็บริจาคได้เต็มถุงตลอด
แต่วันนั้น กุได้บริจาคไปนิดเดียว เพราะเลือดกุไม่ค่อยไหล
ได้ไปไม่เต็มถุงกุเสียใจมาก แซ้ดดดด สุดๆ
กุถามว่า เลือดน้อยไม่เต็มแบบนี้ มันใช้ได้หรือไม่ได้
หมอเค้าก็บอกว่า ก็ใช้ได้ แต่ว่า ให้เด็กๆ ที่ต้องการเลือดน้อยๆ
อืม ... ก็ยังดีวะ แม่ง ดีกว่า เอาไปเททิ้ง แง้ เศร้าตายห่าเรยกุ
อยู่แพร่ ญาติๆกุก็ถามว่ากุจะอยู่ถึงวันไหน
กุก็บอกว่าไม่แน่ อาจจะ 22 หรือ 23
เค้าก็ขุนกุใหญ่เล้ยยย ทำนั่นทำนี่ให้กุแด่ก
โอ๊ยยย สบายพุง มากๆปลิ้นแร้วปลิ้นอีก
ฉะนั้น อย่าสงสัย ว่าทำไม กุน้ำหนักขึ้นพรวด
เพราะนิสัย แด่กกระจาย และ ญาติๆ
กลัวหลาน อดอยากปากมัน
ทำแต่ของที่กุชอบท้างน้าน แระกุก็สันดานชอบแด่ก
กุจึงไม่เกรงใจใครทั้งสิ้นมีให้แด่กก็แด่ก เหอๆๆ
แร้วก็มานั่งเสียใจทีหลัง เห้อ กุไม่น่าแด่กแม่งเรย
แต่เสียใจได้แป๊บเดียว พอมีเมนูใหม่ๆมา
กุก็แด่กอีก วะฮะๆ ชาติหน้าคงผอมหรอก
มีความสุขมาก เมื่อได้อยู่ที่บ้าน ไม่มีที่ไหนหรอก
จะสุขได้เท่าที่บ้าน หวังว่า คนที่กำลังหลงระเริงกับสิ่งเลวร้าย
และอันตรายนอกบ้าน จะเข้าใจได้เร็วๆซักทีว่า
ความสุขนอกบ้าน หาใช่ความสุข
ที่ทำให้ชื่นใจซักนิดไม่
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ส้มต๋า อ่านว่า ส้ม - ต๋า แปลว่า หมั่นไส้
( เป็นศัพท์ของวัยรุ่นทางเหนือ slang จากคำว่า "แกนต๋า" )
แต่งประโยค หันละอ่อนป้อจายหมู่นี่ ใส่เกิบย่ำส้นตี๋นแล่วฮาส้มต๋าไค่เต๊ะมัน
แปลอีกทีว่ะ เห็นเด็กผู้ชายพวกนี้ใส่รองเท้าเหยียบส้น แล้วกุหมั่นไส้อยากจะเตะแม่ง

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2548

ไปล่ะนะ


กุไม่ได้เป็นนักศึกษาฝึกสอนอีกต่อไปริ้วค่ะ
ในตอนนี้ กุเป็นนักศึกษาเต็มคราบอีกครั้งนึงแระ
ตอนแรกที่เลี้ยงส่งครั้งนั้น เค้าเลี้ยงส่งพร้อมภารโรง
เป็นแนวๆชาวบ้าน เลี้ยงส่งซะมากกว่า
แต่คราวนี้ พวกคณะครูพากุไปเลี้ยงที่ ร้านอาหารตอนค่ำๆ
ฝนก็ตก บรรยากาศน่าเสียตัว จริงๆ
กุมัวแต่ทำการ์ดเพื่อจะมอบให้เค้าอยู่
เรยเสียเวลาชิบหายเรย มั่วแต่นั่งพิมพ์
แร้วกะตัดกระดาษให้เป็นรูปหัวใจ แร้วก็เจาะรู
แร้วใส่ดิ้นสีทองๆ โอ้วเย่แร้วเสือกเป็นกระดาษหอมๆด้วยอ่ะ
แม่ง ... ครูเค้าแซวกันใหญ่ว่ายังกะการ์ดแต่งงานเรย
อิอิ
ฝึกไว้ก่อนเผื่อมีคนตาถั่วมาเก็บเอากุไปทำเมีย
กุเขียนคำขอบคุณไว้ให้ครูทุกๆคน
ชิบหาย เค้านัดกุไว้ เวลา 6 โมงเย็น
กุเสร่อไปซะ ทุ่มนึง มันเป็นสันดานกุเองแหละ ที่ชอบไปสาย
...
เค้าต้องโทรตามกุ ยังกะบุคคลสำคัญ
พอกุไปถึง เค้าแด่กกันซะเรียบแระ
เรยให้กุสั่งมาอีก แม่ง เรื่องแด่กอย่ามาถาม
กุแด่กหมด
วะฮะๆ

ต่อไปนี้ มันคงไม่มีอีกแล้ว กับโรงเรียนนี้
กุจำได้ว่าความทรงจำหลายๆเรื่อง
เกิดขึ้นที่นี่เกิดขึ้นกับเด็กๆ
ถึงแม้เรื่องวิชาการกุจะเหี้ยแค่ไหนก็ตาม
แต่เรื่องที่กุรักที่สุดคือ กุได้อยู่กับเด็กๆ
และถึงแม้ว่าหัวมันจะมีแต่เหา ยุ่บยั่บๆ อี๋ๆๆๆๆ
... แต่กุกะรักมัน ...
กุเคยคัดเลือกที่จะรักเด็กที่หน้าตา
แต่กุแปลกใจเหมือนกันที่ครั้งแรก กุเห็นมันไม่น่ารัก
กุเรยมะค่อยชอบเท่าไหร่ เวลามันมาคลอเคลียๆกุ
แต่ตอนนี้ กุรักมัน ไม่ว่าหน้าตามันจะเป็นยังไง
การที่กุจะรักเด็กซักคน กุไม่ได้เลือกหน้าตาของเด็ก
เหมือนผู้ชายที่ชอบล่อ ผู้หญิง
สวยๆ หุ่นดีๆ นมใหญ่ๆ

ทุกๆเย็น เวลาเด็กกลับบ้าน
กุจะต้องสอดส่องหาเด็กๆ ยังกะอิปอบ รอจกไส้
เพื่อดูเด็กๆที่บ้านอยู่ไกลๆแล้วพาเด็กไปส่งที่บ้าน
เด็กแม่งเก่งเหี้ยๆเรย เดินไปกลับโรงเรียน
บ้านก็ไกล แม่ง แร้วกุก็นางเอก สัด
ต้องไปส่งแล้วเด็กลงจากรถ ก็จะขอบคุณกุ
มันปลื้มจริงๆสำหรับชีวิตแบบนี้
เวลาขี่รถกลับบ้าน กุนี่ก็ยังกะนางงามเรย
ขี่ผ่านเด็กต้อง บ๊าย...บาย 
เด็กๆก็ทำยังกะกุเป็นนางเอกหนังเรย ... ต้องโบกไม้โบกมือให้กุตลอด
ก๊าก ... เหี้ยเอ้ย กุคิดถึงพวกนั้นจัง
เด็ก ป. 1 คนนึง มันชื่อไอ่นัท ไอ่นัทนี่มันโคตรเท่ห์
หน้าตาดีแค่ ป. 1 ก็เตะฟุตบอลเก่งดี
กุเคยเห็นมันเล่น แม่ง โดน!
แผล่บๆ อุ๊บส์!
นัทดูเป็นผู้ใหญ่ แร้วมันชอบทำหน้าตาแปลกๆ
ถ้ากุเดาไม่ผิด ไอ่นัทเริ่มมีหัวดอ เอ้ย หัวใจ
เป็นผู้ใหญ่แระ
มันมองกุ ไม่ใช่สายตาที่มองครู
แต่สายตาที่ส่งให้กุมันเป็นอีกแบบนึง
ที่เหมือนผู้ชายคนนึงมองผู้หญิง
คงเป็นอะไรตามประสาเด็กๆ ช่างเหอะ กุไม่ถือ
เด๊วมันโตขึ้น มันคงเลิกมองเห็นกงจักร เป็นดอกบัวไปเอง
กุไม่ได้คิดมากไปเอง แต่กุสังเกตหลายครั้งแระ
โอ้ว เย่ ... มันใช่เรยล่ะ
กุบอกนัทว่า
...
"นัทคับ นัทลูกชาย วันนี้ครูจะกลับแร้วน้า
ไม่มาหวัดดีครูเรยเหรอ ?"
ไอ่นัทมันงอนกุ มันไม่คุยก่ากุ มันทำหน้างอๆ
แร้วมันกะเดินหนีกุไป
แสดดด กุผิดเหี้ยไรเนี่ย ไอ่นัท! กุอยากรู้วววว
หนึ่ง มันเป็นเด็กออฯ
ชอบให้คนนั้นคนนี้ เป็นเมีย
ตอนพวกกุเข้าไปฝึกสอนใหม่ๆ
หนึ่งมันเห็น ปอร์ เพื่อนกุ
มันบอกว่า
"เนี่ยๆ ครูปอร์อ่ะ แฟนหนึ่งๆๆ เด๊วจะแต่งงานด้วยละ"
หรือไม่ก็
"เด๊วหนึ่งจะแต่งงานกับปอร์ละ เด๊วเอาเงินมาแต่งด้วย หมื่นนึง"
ชิบหาย ... ทำไอ่ปอร์ ขนหัวลุกเรยมึง
มีอยู่วันนึง พวกครูเค้าประชุมกันอยู่
แต่พวกฝึกสอน ไม่ได้ประชุมด้วย ก็คุมนักเรียนไป
ไอ่หนึ่งเจ้าเก่าแม่งเดินตามหากุ
แต่มันเรียกกุไม่ชัด กุได้ยินมันเรียกว่า
หนึ่ง : เห้ยๆ คูวิว ไปไหนวะ คูวิวอ่ะ คูวิวไปหนายยย
กุ : หนึ่งครับ หนึ่งมาหาใครครับ
ยังค่ะยัง ไอ่หนึ่งมันยังไม่สนใจกุ
แต่กุคิดว่ามันคงเรียกกุแน่ๆ ชัวร์ๆ ให้ถีบหน้าเรย
หนึ่ง : เห้ยๆ ใครเห็นคูวิวบ้างวะเนี่ย เห้ย เห็นไม๊วะ
กุ : หนึ่งครับ หนึ่งมาหาใครเนี่ยยยยยยย
หนึ่งได้ยินเสียงกุถามแระ
เลยหันมามองหน้ากุ แร้วก็พูดขึ้นว่า
หนึ่ง : มาหามึง! อะ
คา รา รวยยยยย ครวยเห้อะ หนึ่งงงงงง
กุหน้าชายังกะโดนตีนหลายๆตีนเหยียบหน้าเรย
อ่ะโห่ มึงนะมึง ใช้สรรพนามเรียกกุซะ
...
แร้วเด็กๆ ป. 6 ที่อยู่แถวๆนั้น แม่งก็หัวเราะกันก๊ากเรย
"เห้ยๆดูหนึ่งเรียกครูบลิวเด้ ก๊ากๆๆๆ"
มันตลกมากชิมิ ? แสดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กุเรยเผลอหัวเราะไปกะพวกมันด้วย
จะโกรธแม่งก็โกรธไม่ลง ชิบหาย
อย่าให้กุรู้นะว่าแกล้ง ออฯ น่ะ
กุจะตบกะโหลกให้สมองเด้ง ขี้หูออกมาเต้นแร็พเรย
( วันที่ชาวบ้านเลี้ยงส่ง เค้าถามว่าใครแฟนหนึ่ง
มันเสือกชี้มาตรงกุ แม่งกวนตีน
ตอนแรกแม่งหาว่าไอ่ปอร์ เป็นเมียมัน
พอจะกลับเสือกอยากได้กุซะงั้น เชรี่ย! )
เด็กนักเรียน ป. 2 คนนึง ชื่อเหี่ยว
( พ่อแม่ ไม่มีชื่อจะตั้งแร้วไงวะ )
เหี่ยวเป็นเด็กที่ถ้าใครเห็น ก็คงคิดว่า
หน้าตาไม่ได้ดีอะไร ไม่น่ารัก
ตอนแรกกุเห็น กุก็เฉยๆ เพราะกุยังไม่ได้รู้จักอะไรมันมาก
เหี่ยวเป็นเด็กบกพร่องฯ
แล้วอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมา ทำให้กุรัก
โดยไม่ได้คิดว่าหน้าตามันต้องน่ารัก
แต่เหี่ยวก็น่ารักสำหรับกุ
เหี่ยวจะมีคู่หูของคือ รจนา
รจนานี่แหละที่กุชอบไปหาเหาให้
และดูแร้ว เบลอๆ มึนๆ มากกว่าเหี่ยวด้วยซ้ำไป
รจนา : คู นู๋ไม่อยากเรียนแระอ่ะ
กุ : เอ้า ถ้าไม่เรียนจะไปทำไรเล่า
เหี่ยว : เห้ย ทำไมไม่อยากเรียนอ่ะ อิ๊รจ
ถ้ามึงไม่เรียน มึงก็จะโง่นะ
รจนา : กุไม่อยากเรี้ยนนนน
แร้วก็เกาหัว แกร่กๆ คงคันหัว เพราะเหาตรึม!
เหี่ยว : ไม่เรียนนะ จะโง่เป็นควาย! นะ
กุ : ใช่ๆ เหี่ยวพูดถูกนะคะ ใครไม่เรียน
จะกลายเป็นคนโง่นะรู้ป่าว
แล้วเหี่ยวล่ะ ? อยากเรียนไม๊คะ
เหี่ยว : คับ พ้มจาเรียนคับ
แต่ ... ถึงเวลาเรียนจริงๆ เหี่ยวแม่งไม่เคยเรียนเรย
เดินไปเดินมา ไฮเปอร์มาก ไม่ก็เล่นกับรจนา
คู่หูนั่นแหละ
กวนประสาทเพื่อนชิบหายเรย
กวนประสาทกุด้วย
บางที กุแม่งก็ต้องควบคุมอารมณ์
แอบคิดในใจ มึ้ง ไหนมึงบอกว่าอยากเรียนวะ
เกือบให้กุวีนแตกก็หลายหน โอ่ย ... กุลมจะจับ ร้ายกาจๆ
- -!
เหี่ยว : คูคับๆ ที่บ้านนู๋นะ ผลไม้เยอะแยะเลยอ่ะ
กุ : เหรอๆๆ แระบ้านเหี่ยวมีฝรั่งไม๊ลูก ครูอยากกิ๊น อยากกิน อ่า
เหี่ยว : ไม่มีคับ ที่บ้านนู๋นะ มี กระท้อน มีมะม่วง มี ฯลฯ
กุ : กรี๊ดดด งั้นเหี่ยวเอามาให้ครูกินหน่อยเด่ะ
โห่ เหี่ยวอ่ะ ดีแต่พูดว่ะ ไม่เคยเอามาฝากครูเล้ย
ครูรอกินฟรีมาตะนานริ้วนะ เด๊วครูก็กลับแล้วน้า
เหี่ยว : แระคูกลับวันไหนอ่ะ
กุ : พรุ่งนี้แหละ ไม่เจอกันอีกแร้วว
เหี่ยว : โห่ งั้นคูกลับไปเหอะ นู๋ไม่เอามาให้แระ
อ่าว ... อดแด่ก ซะงั้น ... ไอ่เหี่ยวนะไอ่เหี่ยว
แร้วมึงจะถามกุทำไมอะเนี่ย
-"-
จริงๆแล้ว ความรู้สึกที่ผูกพันกับนักเรียน โรงเรียน ครู
และชาวบ้านทั้งหลาย
มันมีอยู่เยอะมากๆ กุคงนึกออกมาไม่หมด
กุคิดถึงวันเก่าๆตั้งแต่วันแรกที่เอาตีนเหยียบเข้ามาในโรงเรียน
จนถึงวันสุดท้าย ที่นักเรียนร่ำลากุ
วันนั้นเด็กๆมีกิจกรรมกันเป็นฐาน
ช่วงบ่ายๆ เด็กกินข้าวเสร็จ ฝนก็ตกอย่างหนัก สะใจกุมากๆ
มันเหมือนเป็นฤกษ์ดีสำหรับกุ
ถ้าฝนตก กุมักจะมีความสุข
ในช่วงนี้เอง ที่เค้าเรียกพวกเด็กๆ
และเชิญคณะครูทั้งหลายมานั่งรวมกัน
พวกกุ และบรรดาคุณครูทั้งหลาย นั่งบนเก้าอี้
พวกเด็กๆนั่งกับพื้นกระเบื้อง แม่ง จ๊าบว่ะ ได้นั่งพื้นกระเบื้องซะล่วยย
นักเรียนออกมากล่าวความรู้สึก
มีเด็กนักเรียนตั้งแต่อนุบาล 1 ไปจนถึง ป. 6
พวกเด็กๆ รุ่นโตๆ มันก็ออกมาพูดได้
อาจจะเคอะเขินหน่อย แต่ก็พูดได้
ส่วนไอ่เด็กตัวน้อยๆ กระจ้อยร่อย เท่าจิ๋มมดนั่น
ก็ออกอาการเขินสุดฤทธิ์
มีนักเรียน อนุบาล 1 คนนึง แม่งร้องไห้ยกใหญ่
พวกกุก็นึกว่ามันแม่งต้องทำซึ้งที่พวกกุจะจากไป
กุเรยเรียกมันเข้ามาถามใกล้ๆ มันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ไม่ตอบกุซ้ากที
กุเรยให้มันร้องให้หายอยากซะก่อน แร้วถามมันอีก ว่า
กุ : กระแต นู๋ร้องไห้ทำไมคะ ?
กระแต : แง้ ๆๆๆ โฮๆๆๆ ฮือๆๆ ฮื้อออออออออออออ
กุ : กระแต คิดถึงพวกครูเหรอลูกเหรอ
ไม่ต้องร้องนะ โอ๋ๆๆ
กระแต : ฮื้ออออออออออออออออ
อึ๊กๆๆๆๆๆๆๆ ( เสียงสะอึกสะอื้น )
กุ : กระแต ไหนบอกครูซิคะว่านู๋ร้องทำไม
กระแต : นู๋พูดไม่เป๊นนนนนนนน แง้ๆๆ โฮๆๆๆๆ
เวรเอ้ย!
กุนึกว่าแม่งจะซึ้งที่พวกกุจากไป
ที่แท้ โดนเค้าจับมาเป็นตัวแทนเด็กอนุบาล 1
ให้พูดกล่าวลากุ แต่เสือกพูดไม่เป็น
เรยร้องห่มร้องไห้
กรี๊ดดดดดดดดดจังไรมาก กุหน้าแตกยับเรย
เอิ้ก หอยหลอด
แร้วเด็กๆ ก็ร้องเพลงกับทำท่าทางประกอบเพลง
"ลาแล้วลาก่อน นู๋รักคุณครู
คิดถึงคุณครู ลาแล้วลาก่อน
ด้วยถึงกำหนด ที่ครูต้องจร
ลาแล้วลาก่อน สวัสดีคุณครู"
ไอ่จี เพื่อนกุร้องไห้ ทำคะแนน ไปก่อนใครเรย
ร้องไห้เอาโล่ห์ ก๊ากๆ
กุก็ว่ากุอยากร้องไห้แต่กุก็เก็บไว้ในใจ
เหอๆๆ ไม่ชอบบรรยากาศการลาจากเรยว่ะ
... มันเศร้า ...
แร้วเค้าก็ให้พวกกุออกไปพูดความรู้สึกกัน
กุก็พูดๆไป พูดยาวกว่าเพื่อนเรย
กุต้องไปจากที่นี่แล้ว
แต่กุบอกกับเด็กว่า กุจะมาเยี่ยมเด็กๆ อีก
กุต้องกลับมาแน่ๆ แต่เด็กๆคงลืมกุแหงๆ
เห้อ ... ครูจะเก็บพวกมึงไว้ ในความทรงจำว่ะ
~ สัญญา! ~
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ขอย อ่านว่า ขอย แปลว่า อิจฉา
แต่งประโยค ป้าคนนั่น แต่งตั๋วงามขนาด น่าดีขอยแต้ๆ
แปลอีกทีว่ะ ป้าคนนั้น แต่งตัวสวยสุดฤทธิ์ อิจฉาจัง
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล อย่าคิดว่าบล็อกกุจะน่าอ่านเสมอไป อย่าคิดว่ากุน่าค้นหา
กุเขียนบล็อกเพราะอยากเขียน ไม่ได้เขียนขายเรื่อง
อย่ามาเอาเหี้ยไรกะกุเรยค่ะ
@^_^@

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2548

เลี้ยงส่ง

เมื่อวาน ที่โรงเรียนกุมีงานเลี้ยงส่ง ภารโรงที่ปลดเกษียณ
และ ขับไล่ไสส่ง เอ้ย! เลี้ยงส่งพวกกุ 
พวกครู เตรียมอาหารคนละ 1 อย่าง
และพวกแม่บ้าน ก็เตรียมกับข้าวหลายอย่างเหมือนกัน
กุไปสายนิดๆ จะได้ดูเท่ห์ เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจ
( จริงๆแล้ว ไม่ใช่ ... กุลีลาเอง อยากไปสาย กวนตีนเค้าซะงั้น ก๊าก )
ก่อนไปโรงเรียน กุขี่รถไปซื้อพวงมาลัยมา 2 พวง
ย้ำ!
ว่าพวงมาลัยมิใช่ พวงสวรรค์ นะคะ หิหิ
พวงละ 10 บาท แต่พวงไม่เล็กมาก ขนาดพอดีๆ
ตอนแรกกุนึกว่าจะแพงชิบๆแต่ก็ไม่แพงชิบๆ อย่างที่ใจคิด
เออดี ถูกใจกุยิ่งนักของถูกๆ กุชอบบบบบบ กรี๊ดๆๆๆๆ
ขี่รถไป แม่ง ชิบหาย กุลืมดูถนน ทั้งๆที่ก็ขี่ผ่านทุกวัน
แต่เสือกลืมว่ามันมีหลุมเต็มไปหมด กุเสือกขี่รถตกหลุมซะงั้น
โง่จริงๆ
ไปถึงโรงเรียน ก็ประมาณเกือบ 10 โมง
โคตรเท่ห์เรยกุ คนมองกันตรึมแต่กุมั่นใจ
เอารถไปจอด แร้วก็เดินดุ่มๆ ไปเข้าห้องน้ำ
ไม่ใช่ไร ปวดเยี่ยว กุเรยเดินไปเยี่ยว
-"-
แร้วกุก็มาช่วยพวกครู และแม่บ้าน ทำกับข้าว
แหม่ ... ช่วยไปแด่กไป จนเค้าแซว
แม่บ้าน : ไอ่บลิวมันจะมาอิ่มก่อนได้กินจริงล่ะม้างเนี่ย
กุ : แหะๆ แหม่ ... ก็ว่าไป ดูหุ่นนู๋ดิ้ ป้า
หุ่นนู๋มันก็บอกอยู่แร้วว่า นักกิน ระดับขั้นเทพง่า
อร่อยดีแฮะ  กุก็ไปนั่งที่เก้าอี้
ตรงชาวบ้านนั่งประชุมกันเต็มไปหมดแม่ง เขิลล์ๆ แฮะกุ
แบบว่า จะอำลาครูฝึกสอนแระ ประมาณนี้
ลุงภารโรงแกกะนั่งอยู่แถวหน้า ส่วนพวกกุนั่งแถวข้างๆ
แม่งเห้อะ ชาวบ้านก็เยอะ อู๊ยยย อายจังค่ะ
( หน้าอย่างกุเนี่ยนะ อาย ? )กร๊ากกกกกก
ไปๆมาๆ ผู้อาวุโส ประจำหมู่บ้าน
อวยพรให้พวกกุ กับลุงภารโรง ผู้อาวุโส แกก็ สั่นกัน
หงึกหงักๆ
ไม่ใช่สั่นสู้ แระไม่ใช่สั่นเพราะแก่ แต่เป็นเพราะ
ประหม่า เขิลล์ อาย มั้ง เพราะเวลาพูด ขาสั่น หงึกๆ
และพูดเสียงกระเส่า เอ้ย! เสียงสั่น ผู้อาวุโสบางท่าน
แม่งยืนแทบไม่ได้ ต้องนั่งเก้าอี้ เพราะว่า เขิลล์ แร้วขามันสั่น
แม่ง กุนั่งฮาก่าเพี่ยนๆบ้าชิบหาย ... กุก็บาปจริงๆ
ก๊ากๆๆๆๆ นรก! มากเรยกุ
พอผู้อาวุโส กล่าวอวยพร ให้พวกกุ และลุงภารโรงจบ
พวกกุออกไปพูดทีละคน
ตอนแรกไอ่ปอร์ออกไปคนแรก
เค้าให้ไอ่จี มันเป็นคนแนะนำชื่อจริงของไอ่ปอร์
พอไอ่จีออกไปพูดคนที่ 2
เค้าก็ให้ไอ่ปอร์ เป็นคนแนะนำชื่อไอ่จี
พอกุออกไปพูดคนที่ 3
สรัด!
ไอ่ห่าปอร์แม่ง เสือกแนะนำชื่อกุถูก
แต่เสือกแนะนำนามสกุลของกุเป็นของเพื่อนอีกคนนึง
โอ้ย อิห่า ... สงสัยแม่งไอ่ห่าปอร์ละเมอ
กะตอนเรียน ในใบเช็คชื่อ
ชื่อของกุก่าชื่อของเพื่อนที่ไอ่ปอร์แนะนำนามสกุลของมัน
มาใส่ของกุเนี่ยเสือกอยู่ใกล้กัน มันเรยสับสน
กุเรยงงๆ ว่า เอ๊ะ ยังไงของมันวะ
หน้าแหกสิ ไอ่ปอร์ กุด้วย หน้าแหกเพราะหน้ากุเอ๋ออ๋า เหรอหรา มาก
อะไรของมัน ส่งซิก ให้มัน เห้ยๆ
ไม่ใช่นามสกุลกุ๊ เห้ยๆ มึ้งมันก็ไม่รู้ตัว
แม่ง อิหอยหลอดเวรเอ้ย!
กุแม่งตอนยังไม่ได้ออกไปพูด
เสือกคิดคำพูดได้ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่พอได้จับไมค์
กุเสร่อมาก ที่เกิดประหม่าขึ้นมา
ไม่อยากเชื่อว่าหน้าด้านๆอย่างกุ
ทำเหี้ยไรบ้าๆบอๆมานักต่อนักจะมาเขิลล์เอาอิตอนนี้ได้
แม่ง ไม่อยากเชื่อตัวเองเรยจริงๆ

กุล่ะอยากกระโดดถีบยอดหน้าตัวเอง ด่าตัวเองในใจ
นี่มึงเป็นส้งติงไรของมึงอิบลิว อิห่า มึงบ้าแร้วเหรอ
มึงนึกเซ่ๆๆ ไอ่ที่นั่งๆนึกเมื่อกี๊เนี่ยแต่ก็เท่านั้น
ด่าตัวเองไปก็ไม่สะท้านทรวง เพราะสมองมึนตึ้บ กลวงโบ๋วววว
กุจึงพูดผิดๆ ถอกๆ เอ้ย! ถูกๆ ขำๆตัวเอง
แต่ก็อยากร้องไห้ แม่ง มันอึดอัดๆ ตื้อๆ
อยากร้องไห้ ไม่ใช่ว่า อาการประหม่าเชี่ยไรหรอก
แต่กุ ... มาคิดว่า ... มันมาถึงวันนี้แล้วเหรอ ?
ที่กุจะต้องจากที่นี่ไป อารมณ์ในวินาทีนั้น
อารมณ์ประมาณนางเอกมากๆ
เหมือน พจมาน สว่างวงค์ ต้องจาก บ้านทรายทองไป
กุเรยคิดไรออกมานิดเดียว ถ้าพูดแพล่มมากเกินไปกว่านี้
กุคงร้องไห้แน่ๆ
คนต่อไปคือไอ่นุก มันออกไปพูดเป็นคนสุดท้าย
ไอ่ปอร์ก็แนะนำชื่อมัน แม่ง ทำไมแนะนำคนอื่นถูกหมด
แต่กุ๊ ทำไมผริด!
ใช่สิ ... กุมันไม่สำคัญ ฮือๆ ใช่เซ่ กุมันไม่สวย
กุมัน อ้วน เตี้ย เหี้ย ดำ เน่( เกี่ยวไม๊วะ ? )
แล้วท่านผู้อาวุโส ทั้งหลาย
ก็มอบของขวัญให้พวกกุ และลุงภารโรง
เย่ๆๆๆๆ วี้ดวิ้ววว กรี๊ดๆๆ กุได้กล่องสีชมพู ด้วยเว้ยเฮ้ยยย
แม่งดีใจ กุไม่สนของที่อยู่ในกล่องเท่าไหร่
แต่กุดีใจตรงที่กุได้กล่องสีชมพู โอ้วเย่
แม่งถูกใจกุจริงๆค่ะ ... กะกุชอบสีชมพูเน่
กริ๊วววววววววว ร่าเริงๆ ลั๊ลลา
มีเด็ก ป. 6 ให้การ์ดกุด้วย เป็นการ์ดสีฟ้า
ที่เด็กทำเอง แร้ววาดรูปวอลเล่ยฯ ให้กุ
แม่งกุแซวๆมันว่า
กุ : เห้ย นี่วาดรูปวอลเล่ย์ฯ ให้ครู หรือวาดรูปตะกร้อกันแน่วะ
ก๊ากๆ ถ้าไม่เขียนกำกับว่า เป็นวอลเล่ย์ฯ
ครู นึกว่าตะกร้อนะเนี่ย
เด็ก : ครูบลิวง่ะ งั้นเอาคืนมาเรย
กุ : โอ๋ๆ ครูล้อเล่นค่า แหม่ สวยๆๆ ขอบใจนะจ๊ะ
แร้วกุก็โปรยยิ้มหวาน หยาดเยิ้ม ให้มัน 1 ดอก
มันอุตส่าห์ทำให้ กุก็ยังเสือก ไปแซวมันอีก
นี่ถ้าเป็นเพื่อนกุ มันคงพูด
"อิห่าบลิว เรื่องมากจริง มึงไม่ต้องเอา อิควาย" เป็นแน่แท้
เอิ้กๆ
- -!
จากนั้นเค้าก็เปิดคาราโอเกะกัน
แล้วร้องเพลง สมัยรุ่นเดอะ
ตะแต่กุยังไม่เกิด ยังคงเป็นวุ้น อยู่ในมดลูกแม่
หรืออาจจะเป็น ตัวอสุจิ ที่พ่อยังไม่ได้ว่าวออกมาก็ได้
กุเรยร้องไม่เป็น ได้แต่เป็นดีเจ คอยเปิดให้เท่านั้น
แม่ง ... พอถึงเวลาแด่ก กุก็ไม่ได้แด่กดีกะเค้า
ชิบหาย ... มาตามให้กุไปเปิดคาราโอเกะให้อยู่นั่นแหละ
กะกุเปิดเป็น อยู่คนเดียว แต่กุกะสอนเค้าเปิดแร้วนะ
แต่เค้าก็งกๆเงิ่นๆ เอ้าเอาสิ
กุอีกแระ ... มารคอหอย เจรงๆ
กุกะลังแด่ก อย่างตะกละตะกลาม
แม่งก็ลากๆกุไปเปิดเพลง วู้
...
พอกุวิ่งกลับมาแด่กอีก แม่งก็เดินมาเรียกกุอีก
โอ้ย ... กระเพาะกุครากหมดแว้ว
พอกุแด่กไปอีกนิดนึง เอาอีกแระ



พอกุหนีจากแถวๆนั้นได้ กุก็ชวนเพื่อนๆ
ไปไหว้ลุงภารโรง โดยนำพวงมาลัย
ที่กุไปหาซื้อมาไหว้พอขอบคุณลุงภารโรง
พอลุงภารโรงอวยพรให้เสร็จแล้ว
ก็นำพวงมาลัยอีกพวงนึงไปไหว้ขอบคุณ ผ.อ
แล้วก็ขอพร ผ.อ 

สุดท้าย ... กุได้กลับบ้านทีหลังเพื่อน
อ๊ะๆ ไม่ได้อยากอ่อยนะคะแต่กุแม่งซวย
เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาของกุ ท่าน ผศ.ดร. ของกุนั้น
ได้ฝากเอกสารให้ ผ.อ กุกรอก
แร้วฝากให้กุรับผิดชอบ เอาไปให้แก
ต้องรอ ผ.อ กรอกให้เสร็จ เพราะมันเยอะมาก
หลายหน้าสุดๆกุเรยต้องเป็น ดีเจ
ร้องเพลงกัน
ให้คอแตกกันไปข้างนึง

พอ ผ.อ เซ็นให้กุเสร็จเท่านั้นแหละ
กุรีบ ไหว้ หวัดดี ชาวบ้านชาวเมือง แร้วกุก็รีบไปที่รถ
บิดกลับบ้านแม่งเรย 
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ป่าโข่ อ่านว่า ป่า - โข่ แปลว่า ป่ารกทึบ
แต่งประโยค วันนี่น่องโบว์ฮัดขี่รถเคี่ยง เลี่ยวเข้าป่าโข่ เจ๊บเจ่นห่อ
แปลอีกทีว่ะ วันนี้น้องโบว์หัดขี่มอไซค์ เลี้ยวเข้าป่ารก แม่ง เจ็บสุดๆ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น