วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

... ดีต่อใจ ...




ได้รับพรจากพระอรหันต์ของบ้าน และญาติพี่น้องตั้งแต่เช้า 
แม่กับพ่อบอกว่าช่วงเวลานี้ในตอนนั้น 
แม่ก็เดินเข้า ๆ ออก ๆ ห้องน้ำอยู่นั่น 

คนเราแม่งต้องใช้ความอดทนมากมายขนาดไหนกันนะ
ที่ต้องคอยอุ้มท้องอยู่หลายเดือน ฮอร์โมนแม่งก็พลุ่งพล่าน 
ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา 
( แค่ช่วงเวลาที่กุเป็นเมนส์แม่งยังแย่เลย )

ภายในปั่นป่วน ภายนอกก็มีสิ่งเร้ามากมายที่เข้ามากระทบ

 ระหว่างการรอคอยที่จะได้เห็นลูกของตัวเอง 
ความเจ็บปวดแสนสาหัสก่อนหน้า 
( โอยยยย ไม่อยากคิด จะเป็นลม แค่ปวดท้องเมนส์ยังจะไม่ไหว ) 

 ขอเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้รู้ว่าคนในท้อง 
ได้ออกมาเผชิญหน้ากับโลกกว้างได้ 
และสามารถที่จะฝ่าฟัน ต่อสู้ และเอาชนะ กับภยันตรายทั้งปวง
ได้อย่างสง่างาม ก็หายเจ็บหายปวด

กุคิดว่าพ่อกับแม่ คงหวัง หรือปรารถนากับลูกว่า
 เมื่อถึงเวลาเป็นสุข ก็ให้โอบกอดความสุขเหล่านั้นไว้ 
และเก็บกักเข้าสู่หัวใจให้ได้มากที่สุด
 เมื่อถึงเวลาที่ลูกเป็นทุกข์ ก็สามารถเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ 
และมองสิ่งเหล่านั้นให้เล็กที่สุด 
จนไม่สามารถสะกิดให้ระคายเคืองลูกได้

( อันนี้คือกุคิดเองค่ะ แบบว่ากุเก่ง และคิดว่าพ่อแม่ของคนอื่น ๆ 
ก็น่าจะคิดงี้ปะวะ ? หรือไง ? )


เมื่อคืนกุเลยตั้งนาฬิกาปลุก เพื่อจะต้องตื่นตั้งแต่เช้า
คือจะออกไปใส่บาตรกับแม่ 
ฝนก็ตกตั้งแต่กลางคืน เชี่ยยยย กุโคตรมีความสุขอะค่ะ
มันครึ้มอกครึ้มใจอย่างบอกไม่ถูก
แล้วกุแม่งก็เป็นคนที่ทั้งชอบ ทั้งรักเวลาฝนตกเลยอ้ะะะะะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คือแม่งกรี๊ดในใจตลอด ๆ เวลาที่ฝนตก

ทั้งที่ตอนแรกแม่ง โคตรทุกข์อ้ะ
3 - 4 วันที่ผ่านมา
ไอ่ห่า เสือกมีอาการ PMS ก่อน และระหว่างเป็นเมนส์
กุจะตายซะให้ได้ !!!
อีเหี้ยยยยยยย หดหู่ไปไหน ! จิตใจนี่แบบ โอยยยย กุจะตายแล้ว โอยยยย
เวลาจะนอนก็นอนไม่ได้ ง่วงก็ง่วง เสือกนอนไม่ได้ 
( ทรมานนะมึง ! ใครไม่เคยเป็น ลองอธิษฐานขอลองเป็นดูสิ
เดี๋ยวมึงรู้เลย )


เช้ามากุกับแม่ออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน
ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย 
ก็ไม่เป็นไร ยอมเปียก งิงิ ( จริง ๆ คือเอาร่มไป แต่ก็ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ )
พอใส่บาตรพระเสร็จเรียบร้อย ก็เดินซื้อของที่ตลาด
จะเอามาไหว้ศาลพระภูมิ 
แล้วก็แวะซื้อพวงมาลัยดอกไม้ และดอกมะลิ 
แค่เดินผ่านหน้าร้าน ขนาดฝนตกนะเว้ย แม่งยังส่งกลิ่นหอมมากอะ
กลิ่นเตะจมูกเลย
ละกุเป็นคนที่ชอบกลิ่นหอมของดอกมะลิมากกกกกกกกกก ด้วย !
สมัยต้องอยู่หอพัก กุนี่แบบไปซื้อจนเป็นเจ้าประจำของแม่ค้าอะ
บางทีแม่ค้ารู้งาน ก็เก็บเผื่อไว้ให้กุเลย พอกุไปก็เอาออกมาให้
ลดราคาให้อีกต่างหาก ! เริดแมะ ? 55555555

ระหว่างที่เดิน ๆ อยู่ ก็เห็นปลาดุก
กระโดดออกจากกะละมังของแม่ค้าปลา 2 ตัว 
 ก่อนหน้านั้นก็เห็นนะ แต่เค้าคงเก็บใส่กะละมังไปแล้ว คือมันหลายตัวอะ
กุกับแม่คงจะคิดเหมือนกัน ที่เห็นว่า เออนะ หรือมึงอยากจะรอดชีวิต ?
ใช่สิ ใคร ๆ ก็อยากเป็นผู้รอดตายกันทั้งนั้นแหละ !
ไม่ใช่แค่มึงหรอก 
แต่ถ้ารอดตาย หรือมีชีวิตอยู่ได้นาน ๆ ทุกคนก็อยากจะอยู่อย่างสุขสบาย
ไร้ความทุกข์ ใช่มะ ?
ซึ่งตอนกุซื้อมันมาปล่อยที่สระน้ำหน้าบ้าน 
คือมันเป็นสระที่เค้าประกาศเป็นเขตอภัยทาน ห้ามจับสัตว์น้ำ
แต่น้ำมันเหม็นเขียวอะ กุก็เห็นนะว่ามีตัวปั่นน้ำ มีน้ำพุ นั่นนี่
แต่ก็ยังรู้สึกเหม็นอยู่ดี 
แล้วปลาทั้งหลาย ก็โอ๊ยยยยยยยยยย จะเยอะไปไหน !
มันจะอดตายกันบ้างมั้ยวะ ? กุก็เคยเอาข้าวเอาอาหารไปโยนให้มันกินนะ
บางคนเค้าก็มาซื้ออาหารปลาแล้วโยนให้มันกินกัน
กุเคยคิดว่าแล้วมันจะได้แดกทุกตัวเปล่าอะ ? แย่งกันจนกุยอมใจอะ

ถ้ากุรวย ๆ กุแม่งจะเหมาอาหารปลา แล้วเทให้แม่งเต็มสระไปเลย
เทแม่งทั้งขอบสระ กลางสระ
เอาให้แม่งอิ่มกันอย่างถ้วนทั่วทุกตัวตน
นอกจากจะมีปลาด้วย กุเห็นตัวเหี้ยด้วยค่ะ 
คือคำว่าเหี้ย ที่ใช้เรียกสัตว์กุว่าไม่ได้อัปมงคลอะไรนะ
มันเป็นสัตว์ที่แม่งมีคุณธรรมด้วยซ้ำ ที่มีสันดานชอบแดกของเน่า
จริง ๆ คือธรรมชาติของสัตว์ แต่พอเปรียบกับคนปุ๊บ
 เหี้ยเลยกลายเป็นสัตว์มีคุณธรรมเฉยยยยยย

พอปล่อยปลาดุกเสร็จ กุก็กลับเข้าบ้าน
เตรียมจัดของใส่ถาด 
จากนั้นก็ไหว้และถวายผลไม้ น้ำ พวงมาลัยดอกไม้ 
หมาก และบุหรี่ ศาลพระภูมิ เจ้าที่เจ้าทาง ศาลตายาย ศาลเจ้าแม่ฯ

ก่อนไปทำงานก็กราบเท้าพ่อแม่
ด้วยพวงมาลัยดอกมะลิกลิ่นหอม 

( หอมจริง ๆ นะ คือมันเป็นตัวแทนของสิ่งมงคลได้ดีจริง ๆ อะ กุโคตรชอบบบบ ! )

แล้วกุก็ล้างมือ ล้างเท้า อวยพร ขอพร และขออโหสิกรรม
ปกติถ้าพอจะมีงบหน่อย ก็จะขอร่วมเลี้ยงอาหารกลางวันให้เด็ก ๆ 
โดยรวมเงินกับโรงเรียน เพื่อเปลี่ยนเมนูอาหาร
 ( คือเค้ามีงบทำอาหารกลางวันอยู่แล้ว กุแค่ขอสมทบเพื่อเปลี่ยนเมนู )
ส่วนใหญ่จะขอให้เค้าทำก๋วยจั๊บ คือไม่ว่าจะปีใหม่ วันเกิด หรืออะไรก็เถอะ
กุก็จะทำแบบนี้ตลอด

บางครั้ง ถ้าเงินไม่พองี้ กุก็จะซื้อขนม และน้ำหวาน 
มาเลี้ยงเด็ก ๆ ตัวน้อย ๆ 
ส่วนเด็กคนไหนจะเข้ามาในห้อง ก็จะบอกให้เค้ามากินกับน้อง ๆ ด้วย
ให้น้องแบ่งปันพี่ ๆ และให้พี่ ๆ เอ็นดูน้อง ๆ 
กุจะให้เค้านั่งกันเป็นกลุ่ม คือแบ่งกลุ่มกัน พี่กับน้องอยู่ด้วยกัน 
กติกาคือ ใครแย่งขนมกัน ไม่แบ่งปันกัน ก็จะได้แค่วันที่เลี้ยง
วันอื่นอด ! เพราะไม่มีน้ำใจ และความสามัคคี
อันที่จริง ตัวกุเองก็ไม่จำเป็นต้องรอวันสำคัญ หรือเทศกาลอะไรหรอก
บางทีนึกอยากจะเลี้ยงก็เลี้ยง ให้เหตุผลกับเด็กไปว่า
เพราะหนูเป็นเด็กดี คุณครูเลยซื้อขนมมาให้ค่ะ แค่นั้นเอง
คือปกติเลยเนี่ย ทุกเดือนที่เงินเดือนออก กุจะจัดสรรเงิน
ที่นอกจากจะเป็นเงินที่ให้พ่อแม่ และญาติ ๆ แล้ว
ก็จะแบ่งมาส่วนนึงที่ซื้อขนมมาเลี้ยงเด็ก ๆ มันเป็นขวัญ และกำลังใจ
ที่กุจะสามารถเผื่อแผ่ และให้กับเค้าได้ 
เด็กกับขนมแม่งของคู่กันอยู่แล้ว จริงอยู่ เค้าก็ห้ามขาย
หรือห้ามเด็กกินของขบเคี้ยวที่ไม่มีประโยชน์เหล่านี้แหละนะ
แต่กุเห็นว่า นาน ๆ ที กุก็เลยทำ แต่กุก็เฝ้าเด็กตลอดนะเว้ย !
กินกันเสร็จ ก็แปรงฟันงี้ ! ( เอ่อ คือ บางทีก็ไม่ แหะ ๆๆๆๆ  อภัยกุเหอะะะะ )

เงินบางส่วนกุก็เอาไว้ทำบุญ คืออาจจะช่วยเหลือน้องหมาน้องแมว
อาจจะใส่บาตร หรือถวายสังฆทาน อะไรงี้

วันเกิดกุปีนี้ กุดูงบแล้ว เอ่อ มันก็น่าอนาถใจอยู่แหละ
แต่ด้วยความที่อยากให้เด็ก ๆ ได้กินกันทั้งโรงเรียน
กุเลยตัดใจ สมทบกับทางโรงเรียนเปลี่ยนเมนู เป็นก๋วยจั๊บ นั่นแหละ
คือโรงเรียนไม่ได้บังคับอะไรนะ แต่กุไปปรึกษาเค้าก่อน
ว่าจะให้ออกทั้งหมด หรือยังไง ทางโรงเรียนให้สมทบเอา
เพราะมีงบในการทำอาหารกลางวันให้เด็กอยู่แล้ว อะไรงี้

นาน ๆ เด็ก ๆ ได้เปลี่ยนเมนูอาหารที มันก็ดีแหละ 
( เท่าที่เคยถามมาหลาย ๆ ครั้ง )

มีเด็กหญิงคนนึงแม่ซื้อขนมให้เอามากินที่โรงเรียน
มีการบอกแม่ด้วยว่า หนูไม่กิน หนูจะเอาให้คุณครูบลิว
เป็นของขวัญวันเกิด
โถถถถถ ลูกสาวววววววววววววววว
และนี่คือของขวัญวันเกิดที่เค้าให้ 


แค่นี้กุก็ใจละลายแล้วววววววว !!!
มันมีผลต่อจิตใจกุอย่างแรง ! 

รักจัง


รักมารดา บิดา และญาติพี่น้องทุกคน 
ขอกราบขอบพระคุณที่ได้กรุณา
อุปถัมภ์ค้ำชูข้าพเจ้าในชาติก่อน 
ชาตินี้ และชาติหน้า ( ขอนิพพานชาตินี้ได้มั้ย ) 


ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า สึ่งตึง อ่านว่า สึ่ง - ตึง 
แปลว่า โง่เง่า , ไม่รู้ความ , ไม่ฉลาด
แต่งประโยค ป้อจายคนนี้มันเป๋นคนสึ่งตึง สาวฮื่อท่าแล้วมันยังบ่มึ้งเตี้ย
แปลอีกทีว่ะ ผู้ชายคนนี้มันช่างไม่รู้ห่าอะไรเล้ยยยย ผู้หญิงอ่อยแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว

บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น


ปล. ไอ่ห่า ! บล็อกเล่นง่ายกว่าเดิมไปอี๊กกกกก  ใส่รูปไม่เหมือนเมื่อก่อน 
เมื่อก่อนแม่งจะใส่รูป ใส่ Link ต้องไปฝากไว้เว็บอื่น 
จนกุกลับไปดูโพสต์เก่า ๆ โห่ ! เสียดายชิบหาย รูปที่แปะไว้ หายเกลี้ยง ! เชี่ยเอ๊ย
เพลงอีก ! 
เหยดแหม่ ~

( แต่จริง ๆ ก็หงุดหงิดตรงที่ใส่ลูกเล่นอื่น ๆ ยังไม่ค่อยได้เหมือนเดิม
เช่น ตัวอักษรไม่หลากหลาย และสีที่ไม่ถูกใจ อยากได้สีชมพูแปร๋น ๆ กว่านี้อะ )










วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

... กุกลับมาล้าววววว ...

... และแล้ววว ข้าก็กลับมาาาา วะฮะ ๆ ...
ไอ่ห่า แม่งกุทิ้งบล็อกนี้ของกุไม่ได้จริง ๆ ( ตอแหล ! )
กุรู้สึกอยากเขียน อยากโพสต์ อยากทำนั่นนี่ที่บล็อกนี้ตลอด
แต่กุแม่งเขียนหลายที่ละไง ในเฟซแม่งก็เขียน ในไลน์แม่งก็เขียน
ละเวลาจะเข้ามาที่นี่ แม่งต้องเป็นเรื่องเป็นราวสุด ๆ มันต้องใช้แป้นคีย์บอร์ดพิมพ์เว้ย
เพราะถ้าจะให้กุมานั่งจิ้ม ๆ มือถือ กุก็ไม่ค่อยโอเค
แม่งมันจะต่างกันมากนะ ไอ่ใช้นิ้วชี้นิ้วเดียวจิ้มรัว ๆ ตามแป้นพิมพ์อะ กุทำได้
แต่ความปวดกล้ามเนื้อคอ สะบัก ไหล่ ฯลฯ มันมากกว่าการวางมือบนแป้นเหย้าว่ะ

ที่วันนี้กุแม่งกลับมาที่นี่ได้ ก็ไม่ใช่เหี้ยไร 
เพราะหลาย ๆ อย่างมันลงตัว 
ก่อนหน้านี้หลายเดือนละ ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหา ปี 59 
เฟซแม่งเป็นส้นตีนไรไม่รู้ มันบอกกุว่าเซสชั่นหมดอายุ
แล้วให้กุยืนยันตัวตน ให้ส่งชื่อจริง นามสกุลจริง และหลักฐานต่าง  ๆ
ไปยืนยันกะแม่ง ก็คงเหมือนที่คนอื่น ๆ โดนกันนั่นแหละ
ซึ่งกุคิดว่ากุคงไม่โดนไง เพราะมันก็ผ่านมานานแล้ว ช่วงที่เค้าโดนกัน
ละพอกุโดน ก็ อ้าว อีห่า หมดกัน ! กุก็เงิบนิดหน่อย
เพราะกุเสียดายรูป เสียดายเรื่องราว เสียดายเพื่อน ๆ บางคน ที่อยู่ในนั้น
ยังไม่ทันได้ร่ำลา หรือเข้าไปบอกใครได้ว่าโดนอะไร 
ตอนแรกกุให้เพื่อนเข้าไปในโปรไฟล์กุ ให้ไปบอกคนอื่น ๆ ให้หน่อยว่ากุเข้าไม่ได้
แต่ปรากฏว่ามันติดสแปมกุไว้ ไม่ให้ใครเห็นชื่อกุปรากฏเลยเว้ย
บางคนคงคิดว่ากุ Block เค้า หรือลบเค้า หรืออะไรงี้รึเปล่า
คือ กุเปล่าไง กุไม่ได้ทำเหี้ยไรทั้งนั้นแหละ แค่มันเข้าไม่ได้ แล้วเหมือนไร้ตัวตนไปเลย
ถามว่ามีทางแก้มั้ย ? ก็มี ก็แค่กุส่งหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตนอย่างที่มันต้องการก็จบ
แต่กุไม่ ไง เพราะกุไม่ชอบ กะอีแค่เล่นเฟซ ทำยังกะเรื่องใหญ่ เรื่องโต
กุเลยตั้งใจว่า กุไม่เล่นแม่ง ! อี ดอก เรื่องมากชิบหาย !
อันที่จริง กุเคยตั้งใจไว้นานแล้วว่า ถ้ากุหมดภาระหน้าที่กับอะไรบางอย่าง
กุจะเลิกเล่นแม่งละ กุก็พูด ๆ อยู่งั้น บางทีกุไม่เข้าไปเลยก็มี
แต่มันก็คงอดใจไม่ได้ไง สันดานมันชอบคลิกเข้าไปดู
เอาล่ะสิ ทีนี้ ! พอไม่มี กุก็รู้สึกโหวง ๆ เหมือนกันนะ
ช่วงนั้นกุก็แย่ ๆ ด้วย สภาพจิตใจแม่งเหี้ยมาก 
( เห็นเหี้ยแม่งตลอดแหละ กี่ปีมาละ ! )

ละแม่งเหลือแต่ไลน์ไง ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไลน์แม่งก็ไม่ได้คุยกะใครมาก
กุก็เลยเข้าทวิตเตอร์แม่ง ! และจริง ๆ ทวิตเตอร์นี่กุก็สมัครไว้เป็นชาติละนะ
แต่กุแม่งง่าวไง กุเล่นไม่เป๊นนน เล่นเป็นที่หนายยยยยย
สมัครไว้งั้นแหละ ! ละไงล่ะ กุก็เข้าไปสิ แรก ๆ ก็เอ๋อ ๆ เด๋อ ๆ ด๋า ๆ
หลัง ๆ ก็พอเข้าใจบ้าง แต่มันก็ไม่ได้สนุกอะไรมาก
มันต้องโพสต์อะไรสั้น ๆ แล้วคนอย่างกุ แม่งสั้นเป็นที่ไหน
มันก็ไม่ใช่ไง 
ที่กุรู้สึกย่ำแย่ที่สุดก็คือ กุมีร้านหนังสือมือสองที่แบบดีลกันมาตลอด
กุซื้อ เค้าขาย ไรงี้ หลายร้านเหมือนกัน
กุก็ไม่แน่ใจว่า กุได้สั่งหนังสือไว้ที่ร้านไหนบ้างรึเปล่า
ก็เลยให้เพื่อนช่วยเข้าไปคุยกับร้านหนังสือ ไรงี้ ก็ไม่เห็นเค้าตอบมา
แม่ง ไม่มีนิสัยชิ่งหนีแบบนี้ด้วย กุก็กลัวเค้าเข้าใจผิดกุไปอีก
ว่ากุสั่งของ แล้วแม่งไม่จ่ายเงิน บลา บลา บลา
กุก็นึกถึงบล็อกนะ แบบ อยากเขียน อยากอะไร แต่มันไม่มีอารมณ์
มันเหมือนนึกถึง คิดอยากจะพิมพ์ อยากจะอะไร แต่ยังไงก็ไม่ได้เข้ามาซักที
ช่วงนั้นแม่งดูซีรีส์เลยจ้าาาา หนังสืบสวนแม่งหาในเน็ตเอา
ดูแบบออนไลน์ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง บางทีถูกใจหนังเรื่องนี้ 
ดูไปดูมา เอ้าอีห่า ซีซั่นต่อไปไม่มี 
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ! แม่มึงเด้ !
ก็อดทน ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวหาเรื่องใหม่ดู กุก็ทำงี้วนลูป
อึดอัดใจชิบหาย ไม่มีหนังสืออ่าน ไปซื้อจากงานสัปดาห์หนังสือใน ม.
แม่งก็ไม่ค่อยมีอะไรดี ๆ ( ขนาดไม่มีอะไรดี ๆ ก็เสียเป็นพันอะอี ดอก )
คือปีก่อน ๆ ที่กุเคยไปซื้อ ไปเดินอะ มันมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
แต่ปี 59 แม่งไม่ค่อยโอเคไง สำหรับกุอะนะ แล้วร้านรวงก็น้อยด้วย
เข้าไปช็อปในเฟซก็ไม่ได้ งานสัปดาห์หนังสือ น้อยมากที่จะขายมือสอง
มันไม่ถูกใจเหมือนตอนซื้อจากในเฟซ ไง 
บางทีกุก็เข้าไปดูรายการนั่นนี่จากยูทิวบ์บ้าง อะไรบ้าง
ช่วงนั้นก็เยียวยาหัวใจอะไรไปด้วย หลับ ๆ ตื่น ๆ เป็นบางคืน
แบบว่าซึมเศร้าไปนานเหมือนกัน

ณ ตอนที่แม่งสแปมกุอะนะ ตอนนั้นกุลองกดสมัครใหม่ 
มันก็ให้ยืนยันชื่อ และส่งหลักฐานเหมือนเดิมเว้ย 
กุเลยแบบ เออ เรื่องของมึงเลยจ้าาาาาาาา ! กุไม่เล่น !!!
ชีวิตกุเลยวนลูปแบบนี้ไปหลายเดือนมวากกกกกกกกกกกก
มีวันนึงกุลองโหลดโปรแกรมเฟซเข้าเครื่องใหม่ 
( คือพอรู้ว่ายังไงก็เล่นไม่ได้แล้ว กุเลยลบแม่ง ! )
คือก็ทำไปงั้นอะนะ ลองดูเฉย ๆ ว่าลองดูซิ ไม่ได้คิดไรมาก
พอโหลดมา กุเลยลองกดสมัครใหม่ อ้าว เหี้ย เสือกได้เฉย !
กุก็เลยใช้รูปโปรไฟล์เดิม ชื่อเดิม ( ซึ่งกุผูกพันไง กุใช้มาแต่ไหนแต่ไร )
จนได้เจอกับร้านหนังสือมือสองบางร้าน ซึ่งก็โอเคกับกุมาก ๆ 
เพราะเป็นร้านที่เหมือนรู้ใจกันไปแล้ว เลยบอกเหตุผลเค้า
ละขอไลน์เค้ามาเก็บไว้ เผื่อเฟซกุแม่งเป็นอีก กุจะได้ไลน์คุยกะเค้าได้
แล้วกุก็จะเข้าไปถามแต่ละร้านว่า กุเคยสั่งของแล้วติดเค้าไว้รึเปล่า
โชคดีที่แต่ละร้านบอกกุว่า ไม่มี โล่งมวากกก ค่าาาาา
แต่ด้วยความที่กุแม่งจำชื่อร้านบางร้าน เฟรนด์บางคน ไม่ได้
กุนึกไม่ออก ! มันเลยกลายเป็นว่า กุแทบไม่ได้ทักใครเลย
บางครั้งมีคนมากด Like ให้กุ เวลากุไปเม้นต์ในเพจต่าง ๆ งี้
กุก็ อ้าว ! คนนี้เป็นเฟรนด์ที่อยู่ในเฟซเก่ากุนี่หว่า 
คือถ้าคนไหนกุจำได้ กุก็เข้าไปบอกในข้อความของเค้า ว่ากุมาแล้ว
และเหตุผลอะไรที่กุเพิ่งมา ก็ว่าไป
แล้วปุ่ม เปิ่ม อะไรก็ไม่รู้ แม่งเพิ่มมาตอนที่กุไม่ได้เข้ามาเล่นอะ
กลายเป็นว่าเหมือนกับตอนที่กุเรียนรู้เรื่องทวิตเตอร์แรก ๆ เลยว่ะ

บางทีกุอาจจะนึกชื่อบางคนออกนะ แต่กุก็คิดแล้วว่า ช่างเหอะ
บางทีโชคชะตาอาจจะทำให้เฟซเข้าไม่ได้นั้น เป็นการยุติการพบเจอ
หรือรู้จัก กับคนนั้นคนนี้ ที่อยู่ในเฟซเก่า แค่นั้น แค่ช่วงเวลานั้น 
กุเลยหยุดตามหาคนอื่น คือก็ไม่ได้ตามตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
บางทีแม่งแอดมา ถามว่าคุยกันมั้ย ก็ไม่ได้คุย แล้วไม่รู้จักกันด้วย
สงสัยจะเห็นตอนแนะนำเพื่อนหน้าฟีด หรือไงนี่ปะวะ ?
เพื่อนที่มีในเฟซใหม่ มีไม่ถึงร้อย ซึ่งกุรู้สึกดีมาก 
สมัยเฟซเก่าแม่งมีเป็นพัน ๆ กี่พันจำไม่ได้ ซึ่งบางคนก็ไม่ได้มาคุยมาห่าอะไรเลย
แล้วไอ่เฟซใหม่นี่ ก็อย่างที่บอก จำนวนมันเพิ่มมาหลายคนได้ เพราะมันแอดมา
แต่มันไม่คุยกะเรา ซึ่งหลัง ๆ มา กุไม่รับเลย 
เหมือนเฟซเก่ากุอะ ช่วงหลังกุแทบไม่ได้รับใครเป็นเฟรนด์เลย

กุได้ทบทวนว่า เออ จริง ๆ แล้ว ก็ให้เฟซมันอยู่อย่างนี้ก็ได้นะ
กุไม่ได้มีความรู้สึกว่าต้องการตัวตน ต้องการค้นหา 
หรือป่าวประกาศความเป็นกุ และอะไรต่าง ๆ นานากับคนอื่นอีกแล้ว
กุรู้สึกเฉยมาก เฉยจนแบบ รู้สึกว่าเฟซมันน่าเบื่อด้วยซ้ำ
มันเหมือนกับว่า เออ เล่นไปแกน ๆ เอาไว้เสพข่าวที่ฉับไว 
เค้าคุยเรื่องอะไรกันตอนนี้ หรือมีข่าวอะไรที่ต้องรู้บ้าง
หรือเข้าไปในเพจที่เราชอบ เช่น ดนตรี เพลง หนัง ศิลปะ
เวลาเข้าไปอ่านเม้นต์ในเพจที่แม่งมีแต่ด่ากัน ๆๆๆ ก็หงุดหงิด
เพราะมันไม่อ่าน ไม่ห่าอะไรกันเท่าไหร่ ข่าวอะไรเข้ามา
ขอให้ได้ด่าไว้ก่อน จะผิดจะถูก กุไม่สนใจ กุเอาประสบการณ์ที่เคยเจอเข้าว่า
พอใครแสดงความเห็น ก็ด่ากราดกันไปอีก ยกพวกกันไปด่า 
เฮ้ย ! ไอ่ห่า กุเลยรู้สึกว่า เวลากุอ่านอะไรอย่างนี้มาก ๆ กุจะรู้สึกไม่ค่อยดี
มันแรงขึ้น มันเหมือนมีอิสระจนเกินขอบเขต 
หรือเกินกฎเกณฑ์ทางสังคมมากเกินไปแล้ว
บางทีกุไปเม้นต์อะไรงี้ กุไม่แน่ใจว่าอาจจะมีคนสแปมกุ
รีพอร์ตกุ หรืออาจเพราะกุตอบเม้นต์รัว ๆ ในเพจต่าง ๆ 
( คิดว่าเป็นเพราะกุจิ้มตอบเร็วมั้ง เดาเอา เห็นเพื่อนว่างั้น )
แม่งกุก็เสือกโดนแบน ไม่ให้เม้นต์เป็นเวลานาน ๆ ด้วยนะ
แต่ยังเข้าไปอ่านอะไรได้ แค่เม้นต์ไม่ได้เท่านั้น
คือเป็นงี้ตั้งหลายครั้ง สามสี่ครั้งได้ จนกุแบบ เออ มึงจะทำเหี้ยไรก็ทำเหอะ
เผลอ ๆ กุก็จะไม่เล่นแม่งละ 
จนล่าสุด เมื่อเดือนที่แล้ว เฟซแม่งเตือนกุว่า เซสชั่นหมดอายุ อีกรอบ
กุก็อ้าว ! เชี่ยไรเนี่ย ! ก็นั่นแหละ กุว่าคงมีคนรีพอร์ต หรือสแปมกุ
แล้วมันก็เตือนว่า ให้กุยืนยัน ส่งหลักฐาน ฯลฯ 
คือเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ เดิม ๆ น่าเบื่อ ๆ 
มันบอกว่า ถ้ากุไม่ทำ อีก 7 วันมันจะไม่ให้กุเข้าเฟซ
คราวนี้กุตั้งสเตตัสบอกไว้หน้าวอลล์กุเลยว่า 
เกิดอะไรขึ้นกับกุ และจะเกิดอะไรขึ้นอีก ถ้ากุไม่ทำตาม
กุเลยถือโอกาสลาทุกคนไว้ ณ ตรงนั้น 
คือกุไม่รู้หรอกว่า ใครจะอ่าน หรือไม่อ่านบ้าง แต่เอาเป็นว่า
คราวนี้กุได้แปะไว้แล้ว จากนั้นกุก็ยังเล่นเฟซต่อได้อีก
พอถึงเวลาที่มันตัด แบบกุไม่รู้ตัว กุก็อ้าว ! ไอ่ห่า นึกว่าไม่ตัดแล้ว
เห็นเล่นได้ปกติ หลังจากไม่ให้เข้าทั้งวันในวันที่มันเตือนอะนะ
กุเลย เออ ช่างมึง ไม่เล่นก็ไม่เล่น เพราะกุก็ปวดหัว และรู้สึกเครียด
ถ้ากุยังอยู่ในเฟซ มันคงอดไม่ได้หรอกว่ะ ที่จะไม่เสพ ไม่อ่านอะไร
พูดถึงทวิตเตอร์ และเฟซ มันก็เหมือนกันนะ ตรงที่ ด่าคนเหมือนกัน
ทวิตเตอร์ในความรู้สึกของกุ กุว่าแรงกว่าเฟซด้วย
มันเหมือนแบ่งลักษณะของคนด้วยนะ เฟซนี่จะเกือบทุกคนจะใช้
แต่ทวิตเตอร์แม่งบางคน เท่าที่กุสังเกตน่ะนะ 
แต่นิสัย สันดาน ก็ไม่ได้ต่างกันมาก วิธีการมอง ความคิด ทัศนคติต่าง ๆ 
จนกุก็ไม่อยากจะเสพทวิตเตอร์แล้วเหมือนกัน 
ทวิตเตอร์นี่ข่าวเร็วนะ แต่มันเข้าใจกันเอง แล้วติด แฮชแท็ก เหมือนกันไปหมด
ถ้าเฟซ ข่าวเร็วไม่เท่าทวิตเตอร์ แต่กุหาต้นสายปลายเหตุได้ว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ! ไรงี้
ส่วนไลน์ แม่งข่าวช้าชิบหาย เป็นข่าวที่แบบเก็บตกมาแล้วด้วยนะ
แต่ก็ช่างเถอะ ณ ตอนนี้ กุคิดว่ากุโอเคกว่าตอนเสพอะไรในเฟซว่ะ
ที่กุเสียดายเฟซเก่ามีอีกสาเหตุนึงก็คือ กุเคยโพสต์เกี่ยวกับเรื่องเด็ก ๆ 
หรือเวลากุสอนอะไรเด็ก ๆ แล้วมีรูปมีการบรรยายอะไรไว้ 
อืม ตรงนี้แหละที่กุเสียดาย และกุสามารถปากหมาได้ไง
ส่วนในไลน์กุถือว่ากุไม่อยากหยาบคาย เพราะมันก็อิ่มตัวสำหรับกุแล้วด้วย
กุหยาบคายมามากแล้ว แม้กระทั่งในบล็อกนี้ 
ที่กุหยาบคายมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครหยาบคายแบบนี้บนโลกออน์ไลน์
แล้วก็มีแต่คนแอนตี้ว่า แม่ง หยาบคาย นิสัยเสีย สันดานเลว ฯลฯ
ซึ่งก็แล้วแต่ ! เพราะกุคิดเสมอมาว่า กุจะคอยดู
ถ้า ณ ตอนที่กุเขียนบล็อกวันแรก ไปจนถึงอนาคต ( แม่งก็คือปัจจุบันนี้ เวลานี้ )
จะมีใครที่หยาบคายบนโลกออนไลน์มั้ย หรือกุจะถ่อย อยู่ตรงนี้คนเดียว
ซึ่ง ก็เป็นจริงอย่างที่กุคาดไว้ คนแม่งถ่อยกันชิบหาย หยาบคายชิบหายจริง ๆ 
เรื่องบางเรื่องกุยังไม่กล้าที่จะเขียนเลย กระดากมือ จะพูดก็กระดากปาก
แต่ในเฟซแม่งพูดกันเฉย ! 

ทุกอย่างบนโลกออนไลน์ตอนนี้ สำหรับกุมันไม่มีเสน่ห์อีกแล้ว
ทุกคนหยาบคาย จนกลบสิ่งที่กุเขียนไว้ในบล็อกนี้ไปหมด
แต่คือกุไม่ได้คิดว่าจะแข่งขันอะไรนะ ความหยาบคายสำหรับบล็อกที่กุเขียน
มันไม่ได้ต้องการเท่ หรือเอาชนะอะไร กุมีตัวอักษร 
ที่เอาไว้ร้อยเรียงความหมายทุก  ๆ อย่างสำหรับความคิด
ความรู้สึกของกุ อะไรงี้ คือใครจะอ่าน ก็อ่านไป 
ถ้าไม่มีใครเข้ามาอ่าน กุก็อ่านของกุ ซึ่งไม่ได้เดือดร้อนอยู่แล้ว
และกุก็เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ไหนแต่ไร 
เคยชอบอะไร เคยเกลียดอะไร เคยเป็นแบบไหน กุก็ยังยืนที่เก่า
บางทีกลับมาอ่านโพสต์เก่า ๆ ถึงขั้นต้องไปคุยกับพี่บางคน
ที่แบบว่า พี่ ตอนนั้นบลิวเหี้ยมากเลย บลิวขอโทษนะพี่ 
บลิวไม่น่าพูดเหี้ย ๆ อย่างนั้นกับพี่เลยอะ ทุเรศชิบหาย ขอโทษค่ะ 
อะไรประมาณนี้
ถึงตอนนี้กุว่า ปากกุก็ยังคงหมาเหมือนเดิม 
แต่บางสิ่งบางอย่างมันละมุนมากกว่าเดิม 
และกุก็รู้สึกรักตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม
ถ้าเทียบจากโพสต์เก่า ๆ ของกุอะนะ 

เอ้า อีเหี้ย ! เขียนมาแม่งเยอะชิบหาย !
ถึงว่า ปวดสะบักสัด ๆ 
ละเพิ่งจะมานึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันวิสาขบูชา ฃ
เออนะ ผรุสวาทออกมาเยอะแยะ
ในวันพระใหญ่เช่นนี้ - -"

อุ๊ย แอบเห็นว่าการเขียนบล็อกดูเหมือนง่ายขึ้น มีฟอร์มอะไรให้กดดูเหมือนง่ายเลยอะ
ไม่แน่ใจว่าจะง่ายมั้ย แต่ฟอร์ม หรือเครื่องมือมันคล้าย ๆ กับเวลาพิมพ์ในเวิร์ดอะ
ซึ่งเมื่อก่อนคือยากมาก จะแปะรูป แปะ Link อะไร 
ก็นู่น ต้องไปฝากไว้กับเว็บอื่น คือกุก็ไม่รู้นะว่ามันทำอะไรได้บ้าง
กุยังไม่เคยลอง แต่เดี๋ยวพอพิมพ์เสร็จ ก็คงรู้กันว่า มันเป็นไง

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า เป้ก อ่านว่า เป้ก ( ควรอ่านแบบเน้น ๆ ว่า เป้ก ! งี้นะ )
แปลว่า การบวชเป็นพระเมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ 
หรือ ถึงเวลาบวชเป็นพระเมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์

แต่งประโยค สงกรานต์นี้บ่ได้ไปแอ่วไหนหนาครับ เพราะผมย่ะเป้กปี๋นี้แล้วครับ 
แปลอีกทีว่ะ สงกรานต์นี้คงไม่ได้ไปเที่ยวไหนนะครับ
เพราะว่าผมจะบวช ( เป็นพระ ) ปีนี้แล้วครับ 

บ๊าย ... บาย

นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ปล. นี่ก็อยากจะไปเวียนเทียนที่วัด 
เพราะหลายปีละที่ไม่ค่อยได้เวียนเทียนเท่าไหร่
แม่เรียกแระ แวร้ปปปปปปปปปปปปปปปปป !