วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2550

กุว่าจะไม่เล่นแล้วนะ

คือบังเอิ๊ญ ... บังเอิญ น่ะค่ะ ที่กุชอบไปเสือกเรื่องชาวบ้านจนเจอดีก็ไม่อะไรมากมายหรอกนะคะ ไปอ่านเรื่องของเค้าที่เค้าโดน แท็ก มา
คือคุณ วิกขี้ ซึ่งกุไปพบเข้าโดยการ search google
เกิดติดใจ เลยเข้าไปอ่านบ่อยๆ เพราะน่าจะเป็นคนนิสัยเดียวกัน
และคุณวิกขี้นี่เองที่แท็กกุมา ซวยที่สุด

ตอนแรกกุว่ากุจะไม่เล่นเหี้ยไรอย่างนี้แล้ว
แต่กุรู้สึกเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เหงา ๆ เศร้า ๆ
( กุเป็นงี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ใช่เหรอวะ )
เอาวะ ... ยอมกินขี้ตัวเอง ( เป็นญาติกับกลืนน้ำลายตัวเองน่ะ )
สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา
กุจะโชว์จ้ำบ๊ะกระเป๋าของกุ๊
กรี๊ดดดดดดดด
( เหมือนจะอายถึงความซกมกนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร กุชินแระ )

แต่น ... แตน ... แต๊น


นี่ไงคะกระเป๋ากุ สาบานว่าคือกระเป๋า
บางท่านที่แอบเข้ามาเสือกอ่านบล็อกกุอาจจะเถียงว่า
มันไม่ใช่กระเป๋า มันคือถังขยะกลับชาติมาเกิด !
ไม่เป็นไรค่ะ เพราะกุก็คิด !
สวยนะคะ ตอนแรกที่เห็น กุว่ามันดูแนว sport ๆ ดี
กาลเวลาก็ทำให้เปลี่ยนแปลงกันบ้างเซ่
100 บาท ค่ะ หน้าราม ไม่ใช่เงินกุ กุไม่ได้ซื้อเอง มีคนซื้อให้ งิงิ

นี่ไงคะ โฉมหน้าของทุกอย่างภายในกระเป๋า กุน่ะไม่เคยสร้างภาพอยู่แล้ว
เป็นยังไงก็ออกมาเป็นอย่างนั้นไม่เอาออกก่อน โฮะ ๆ ๆ
( จริง ๆ มึงขี้เกียจล่ะสิ )

1. นาฬิกาคาสิโอ้ สีชมพู กรี๊ดดดด สีโปรดค่า ถูกใจมั่ก ... มาก
พี่เบียร์ซื้อให้เป็นของขวัญวันรับปริญญา และด้วยเหตุผลที่ว่า
" พี่เห็นหนูไม่มีนาฬิกาข้อมือ "
( จริง ๆ แล้วกุไม่ได้อะไรมากมายกะนาฬิกาเท่าไหร่
กุชอบกำไลหรือสร้อยข้อมือมากกว่า )
แต่กุชอบนะค้า โปรดมาก ๆ ไงก็ขอบคุณค่า ถูกใจ ๆ
2. handy drive 128 เอาน่า ของเค้าให้มา ไม่ได้ซื้อเอง ฟรี อย่าบ่น
3. สมุดนี่ได้ฟรีมา เค้าแจกตอนที่กุไปเป็นอาสาสมัคร
( รู้สึกมึงจะมีแต่ของฟรีทั้งนั้นเลยนะ )
สีโปรดอีกแล้วค่ะ สีดำก็เป็นสีที่กุชอบเช่นกัน อุ๊ย มีความสุข สวยเริ่ด
4. มือถือ ( สาก ) แม่เพิ่งซื้อให้ค่ะ เนื่องจากว่าอันเก่าหาย
ช่วงที่กุรับปริญญา ไอ่เหี้ย หายไปไหนวะ !
อันนี้ถูกใจกุอีกแล้ว สีชมพู กรี๊ด ๆ ๆ ๆ
แระอิรุ่นเหี้ยนี่สวยแต่รูปจูบไม่หอม เล่นอะไรแม่งก็ไม่ได้
แต่กุชอบ และโดนใจกุนี่คะ ใครจะทำไมกุ ?
5. น้องคูน สัญลักษณ์ของงานราชพฤกษ์เชียงใหม่
ได้มาพร้อมกับซองเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ( อย่าถามถึงเงิน มันคงอยู่หรอก )
เนื่องจากเป็นขวัญถุงวันรับปริญญา ญาติกุให้มา
น้องคูนยังอยู่ในกระเป๋ากุเรื่อยมา หาที่ลงไม่ได้ว่างั้นเหอะ
6. ใบโปรโมชั่นของเชสเตอร์กริลล์ ก็กุสงสารเค้า ยืนแจกก็ไม่มีใครรับ
กุก็เลยรับมา เห็นมั้ยว่ากุน่ะนางเอกแค่ไหน
ว่าแต่ว่า กุยังไม่เคยแด่กเชสเตอร์กริลล์เลยว่ะ เวร
7. ฮิ้ววววว นี่คือปากกาไฟฉาย ได้ฟรีมาอีกแล้วค่า
ก็ได้มาพร้อมกับสมุดสีดำ นั่นแหละ
เข้ากั๊นเข้ากัน โดนใจอย่างแรง ! เพราะเป็นสีชมพู สีโปรดค่า
8. กระเป๋าตังค์ คิบลิ้ง ( เขียนงี้ป้ะวะ )
ตั้งแต่เกิดมากุยังไม่เคยใช้ยี่ห้อนี้เลย
ได้มีบุญใช้เพราะพี่เบียร์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้ว
พี่เบียร์บอกว่า พอเห็นกระเป๋าใบนี้ปุ๊บ
ก็คิดทันทีเลยว่า มันเกิดมาเพื่อกุจริงๆ แหม ... ก็สีโปรดกุนี่คะ งิงิ
ดีจริงๆ รู้จาย ๆ ๆ อย่าคิดว่ามีเงินค่ะ ไอ่ที่เห็นตุง ๆ นั่น
เอกสาร บัตรห่าไรนักหนาไม่ทราบ พกทำไม บ้ารึเปล่า
1. เศษเหรียญหลายๆชนิด เป็นเพราะกุชอบใช้แบงค์
เวลาเค้าทอนตังค์กุก็ไม่เอาใส่กระเป๋าตังค์ ด้วยสันดานตัวกุ
กุก็จะโยนเหรียญใส่ในกระเป๋าอันใหญ่เนี่ยแหละ ไม่รู้ทำไม
อิงแอบแนบชิดมาด้วยชิ้นส่วนของที่ดัดขนตา ( จริง ๆ ลืมใส่หมายเลขให้มัน หุ ๆ )
2. อันนี้เหรียญสำคัญ กุมีอยู่เหรียญเดียว จำไม่ได้ว่าเนื่องในโอกาสอะไร
แต่กุตื่นเต้นมาก กุเป็นโรคตื่นเต้นกำเริบตลอดเวลา
เพื่อนกุแม่งได้บ่อยชิบหาย กุเจอแค่เหรียญเดียวเนี่ยแหละ
ไม่ใช้หรอก เก็บไว้เป็นขวัญถุง ถ้าหายไปนี่กุคงนั่งร้องไห้
3. ตราของมหาวิยาลัยของกุเอง ติดในกระเป๋าตั้งแต่รับปริญญายังไม่ได้เอาออก
รักสถาบันสุด ๆ
4. นกหวีด พี่เบียร์ให้มาติดตัวไว้ แอบเสียใจลึก ๆ ที่มันไม่ใช่สีชมพูของกุ
แต่ไม่เป็นไร หยวนได้ ยามมีภัยก็ให้ เอาไว้เป่า
( แหงล่ะ ใครจะให้เอาไว้แด่ก )
แต่กุคิดว่าคงไม่มีใครมาช่วยหรอก
จะให้ได้ผลจริงๆคงต้องตะโกนว่า
" ไฟไหม้ !!!! "
5. ตุ้มหูอันเก่า จริง ๆ ไปซื้ออันใหม่มา แล้ววันนั้นก็เลยถอดอันเก่าออก
ใส่อันใหม่แทน เปล่านะคะ กุไม่ได้บ้าเห่อ ไม่เค้ยยยย
6. แป้งฝุ่นทาหน้า จอห์นสัน เพียว ไม่ใช่ของกุ
แต่มันเป็นสมบัติของน้องชายญาติ ๆ กุเนี่ยแหละ เสือกเอามาฝากกุไว้
เวลาเจอสาวๆแม่งก็จะขอกุไปทาทุกที
เมื่อก่อนกุก็มีสีชมพู แต่แม่งหมด กุจึงแฮปเก็บไว้ไม่บอกมัน
เด๊วแม่งรู้จะมาเอาคืน ไม่ได้ ๆ ของฟรีอย่างนี้ ต้องเม้ม !
7. ตั๋วรถทัวร์ กรุงเทพฯ - พิษณุโลก มันยังอยู่ เพราะกุไม่ได้เอาออก
ประกาศให้โลกรู้ว่า กุขึ้นรถทัวร์กลับบ้าน แพงชิบหาย
อิรถเหี้ยนี่เสือกไม่มีผ้าห่มวันที่กุกลับบ้าน ดันลืม ได้ใจมาก แถมกุตากฝนด้วย
สัด ตากฝนก็เย็นดีหรอกนะ แต่กุต้องนั่งรถกลับบ้าน 5 ชั่วโมงนะมึง
ลืมได้ไงเนี่ย อิ ดอก !!
8. ตั๋วหนังเรื่อง me myself ยังเก็บไว้ เช่นกัน แหม ... หนังมันประทับใจ
กุเลยเก็บไว้ เป็นความทรงจำอันแสนหวาน
( จริง ๆ มึงลืมและขี้เกียจที่จะเอาออกล่ะเสะ อย่ามาเนียน ! )
9. บัตรแลกอาหารกลางวัน และอาหารว่าง วันซ้อมรับปริญญา
วันแรก ๆ ก็ฉีกบัตรให้เค้าหรอก แต่ขี้เกียจควานหาในกระเป๋าแม่งของเยอะจัด
กุเลยไม่ให้เค้าซะงั้น ก็แหม ... รู้ๆกันอยู่ว่ากุก็มาซ้อมอ้ะเนอะ
กุคงไม่มาเนียนแดกฟรีหรอกมั้ง จึงได้ซากของบัตรมาขึ้นอืดในกระเป๋าซะงั้น
10. บัตร happy 90 บาท เติมแล้ว หมดแล้ว แม่งจะแพงเหี้ยไรนักหนา
ขอโปรฯถูก ๆ หน่อยได้มั้ยวะ เอาใจลูกค้าหน่อยเซ่
กุไม่ได้เยี่ยวเป็นน้ำมัน ขี้เป็นออโต้ลูปนะโว้ย จะได้รวยอย่างชาวบ้านเค้า
มึง happy ส่วนกุ sadly มาก ๆ เออ แต่กุก็ยังเสร่อเป็นลูกค้ามึงอย่างเหนียวแน่น
11. รูปถ่ายครึ่งโหล ต้องเอาไปให้อาจารย์คุมแถววันซ้อมรับปริญญา
( แม่งเอาแค่ 2 ใบ แต่กุถ่ายไปตั้ง 6 )
สงสัยอาจารย์จะเอาไปดูน้ำหน้าว่า คนอย่างมึงน่ะเหรอเรียนจบ
จนได้รับปริญญาได้น่ะ โฮะ ๆ ๆ ๆ ไม่น่าเชื่อ
วันนั้นพอซ้อมเสร็จกุรีบกลับบ้านมาตักน้ำใส่ขัน
ชะโงกดูเงาตัวเอง แอบรำพึงในใจว่า จบจนได้สิมึง จบแล้วนะมึง เหมือนอิบ้า
อนาถว่ะ !!!
1. กระดาษทิชชู่ที่คาดว่าจะน่าจะตายมาหลายวันแล้ว
กุไปดึงมาจาก ห้องน้ำ เซนจู่รี่ เอ่อ ... ก็โรงหนังที่กุไปดูเรื่อง me myself แหละ
จนตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่ากุจะเอามาทำหอกไร ในเมื่อจะเข้าห้องน้ำอีก
เค้าก็มีไว้ให้ อาจจะเป็นเพราะสันดาน ของกุ ขอให้ฟรี กุเอาหมด
และมันก็ยังคงอยู่ในกระเป๋ากุจนถึงวันนี้ บอกแล้วกุไม่เคยสร้างภาพ
( จริง ๆ เค้าเรียก ซกมก )
2. ไหมขัดฟัน เอาไว้กระชากเหงือกและฟันให้หลุดจากกัน
ไม่ใช่ของกุ๊ ของฟรี้ ฟรีอีกแล้วค่า กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ
ของอิโบหัวจุก แม่งให้กุมา อะไรเนี่ย รับเดนคนอื่น ( ดีกว่ามันไม่ให้วะ )
3. ลิปมัน ไม่ใช่ลิปกุ ( โหย มุขเหี้ยมาก ไม่น่าเล่นเลย )
จริง ๆ มันมีฝาแฝดของมันอีกด้านนึง เป็นลิปด้าน ๆ
แต่มันโบกมือลากันไปแล้ว เพราะกุไม่ได้ทากาวให้มันติดกันใหม่
อิด้านนี้ก็เลยสบายไป กลายเป็นลิปกลอสกลิ่นเน่า ๆ ติดกระเป๋ากุไป
4. อะฮ้า ... นี่แหละตัวกุ
จริง ๆ มันคือกระเป๋าใส่เครื่องสำออย เอ๊ย เครื่องสำอาง
ที่เป็นรูปเซเลอร์มูน ขวัญใจกุ กุได้มาจากงานวันเด็กตอนกุอยู่ปี 4
เค้าเอามาแจกเด็ก แต่กุตาไวกุแอบเล็งไว้อันนึง
เพราะมันเป็นรูปขวัญใจกุ กุก็เลยหน้าด้านที่จะเอามาซะ 1 อัน
อ่า ... เรียกว่า แฮป มา ก็ไม่ผิดนะคะ หุ ๆ ๆ
จริง ๆ เน่ากว่านี้ แต่นี่เพิ่งซัก ถ้าไม่เปียกฝน คงไม่มีโอกาสได้โดนน้ำ
5. กิ๊บติดผม 2 - 3 ตัว ตามติดมาด้วย อายไลน์เนอร์ของลอรีอัล
ไม่ได้ซื้อเองอีกแล้ว ( เอ๊ะ ทำไมกุจึงมีของฟรีเยอะ หรือหน้าด้าน )
ไอ่ห่า เขียนทีไรแม่งเลอะทุกที ใช้ไม่ค่อยเป็น
แต่กระแดะ อยากสวย อยากมี อยากใช้
เอาน่า ... เด๊วหัด ๆ ไป ลอง ๆ ไป กุก็ใช้เป็นเองแหละ ( เมื่อไหร่วะ )
6. กระดาษซับมัน พี่เบียร์ซื้อให้ และกุอยากได้ ฮ่า ๆ
เอาไว้ซับความมันบนใบหน้า
( จริง ๆ จะบอกให้รู้เป็นนัย ๆ ล่ะสิว่า ซับไปเหอะมึง ไงก็เอาไม่อยู่ )
7. มาสคาร์ล่า ของลอรีอัล เอ่า อินี่ไม่ได้ซื้อเองอีกแล้วค่า
ระริก ระรี้เหมือนกระดี่ได้น้ำ พอเห็นของฟรีแม่งก็กรี๊ดกร๊าด
นี่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกัน ไม่รู้จะเอามาปัดอะไร ขนตาก็สั้นเหลือเกิน
คงเป็นเพราะ ... ถูกต้องค่ะ
... กระแดะ !!! ...
8. หวีสับค่ะ ซื้อมาจากตลาดนัด ที่ ม. ศิลปากร
หวีสับอันเก่าลืมทิ้งไว้ที่ร้านแต่งหน้าตอนซ้อมรับปริญญา
จึงไปถอยอันนี้มา ในราคา 5 บาท แม่งไม่ใจ !
9. แป้งพัฟ โบ๊ะหน้า เบนเซ่ แป้งเหี้ยไรแพงขนาดนี้
สำหรับกุ กุว่าแม่งแพง เพราะกุยังไม่ได้ทำงาน ยังเกาะพ่อแม่แดกอยู่
อย่าหมดเร็วนะมึง เด๊วกุไม่มีแต่งสวย ก็ของมันดีจริง ๆ นี่หว่า
ใช้อันอื่น ทุเรศ หน้าเหี้ย ไม่สวย สีเปลี่ยน
( จริง ๆ คาดว่าน่าจะตัดหัวทิ้งไปเลยดีกว่า )
10. ลิปกลอสสีชมพู กรี๊ด ๆ สีโปรดอีกแว้ว ติดตัวไว้ใช้อุ่นใจค่ะ
ปากจะชมพู ออกแดงระเรื่อ ๆ เป็นตูดลิง มีไว้ไม่เสียหาย
เผื่อโรคกระแดะกำเริบก็รีบปาดให้สวยงาม
11. ที่ดัดขนตา ไม่รู้ซื้อมาทำไมเหมือนกัน จะเอามาดัดอะไร
ขนตาก็ยังกะขนตาวัว มันช่างมีน้อยซะจริงๆ
ถ้ามันดัดแล้วไม่สวย เห็นทีกุคงต้องเอาไปดัดจริตเป็นแน่ ท่าจะไปได้สวยกว่า
เพราะความคล่องตัว และปราดเปรียวอยู่แล้ว เอิ้ก ๆ ๆ ๆ
12. กระจกสีชมพู เย้ ๆ ๆ สีโปรดอีกแล้วค่า
จริง ๆ มันก็มีแฝดของมันอีกอันนึง แถมมาด้วยหวีอันน้อย ๆ
ซึ่งตอนนี้มันหายไปแล้ว
หวีหาย = หวาย ... ใครให้ผวน ? อิบ้า ลามก
ไอ่ฝาแฝดของมันก็หลุดไปด้วย
กระจกอันนี้กุใช้มานานมากแล้ว ต้องหยิบขึ้นมาส่องทุกๆ 1 นาที
จะไม่ยอมวางเลยก็ว่าได้ หลอนตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้
และที่โดนทับอยู่จนเกือบมองไม่เห็นนั่น หวีสีชมพูค่า อีกแล้ว กรี๊ดดดด
สีโปรดค่ะ เพิ่งเปิดซิงใหม่ เพราะหวีอันเก่า แม่งจู่ ๆ ก็หักซะงั้น
กุไม่ได้กระชากแรงเลย อิห่านี่ก็เปราะซะเหลือเกิน สำออยมาก
หวีหัก = หวัก ... อีกแระ ผวนทำไมวะ ลามก

1. ยาพอนสแตน ไม่ได้เป็นอะไรกับพอลล่า แต่มันคือยาแก้ปวดท้องเมนส์
กุนี่เป็นบ่อยจนต้องพก ไม่พกไม่ได้ ปวดท้องขึ้นมาทีไร
อ้วกแตก เป็นลม ไปดื้อ ๆ จริง ๆไม่อยากแดกยาเล้ยกุ กลัวต่อไปมีผลข้างเคียง
หรือกุจะตายก่อนมีผลข้างเคียงก็ไม่รู้ เหอ ๆ ๆ
เอาน่า ผู้หญิงควรมีไว้ ฉุกเฉินเมื่อไหร่ ซัดเข้าไป 1 เม็ด ก็อยู่ริ้ววว ค่า
2. ชาขี้แตก ชื่อชาอะไรจำไม่ได้แล้ว ซื้อไว้นานมาก
แต่เมื่อท่านชงแล้วแด่กเมื่อไหร่ อีกซักพักขี้แตกทันทีค่ะ
กุก็ไม่ได้ชื่นชมยินดีกับอาการท้องผูกหรอกนะ
แต่กุสยองเวลาที่ท้องผูกแล้วกุต้องฝืนกินชา ที่แบบกลิ่นแรง ๆ แบบนี้ไป
กุเคยอ้วกมาแล้วทีนึงตอนกินชาฟิตเน่ คงเป็นเพราะกินบ่อยเกินไป
เวลาได้กลิ่นชาแบบนี้ทีไร กุจะอ้วกทุกที ฝืนมาก ๆ
แต่ไม่ได้กินบ่อย ๆ วันไหนอึดอัดเมื่อไหร่ก็นั่งคิดนานเหมือนกัน
แต่ติดตัวไว้ เผื่อว่า ... ต้องพึ่งมัน คงไม่เสียหาย
3. หมากฝรั่งยอดฮิต สีโปรดกุ๊ กุแม่งกินแต่ยี่ห้อนี้
มันบอกว่า มีสาร ไซลิทอล ไม่ทำให้ฟันผุ แต่ตอนนี้ กุแด่กไรไปเยอะ
ฟันกุเริ่มจะมีแมงมาอยู่กันเป็นสังคมขนาดย่อมแล้ว
ต่อไปมันคงเลือกตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านกันในฟันกุเนี่ยแหละ
อันนี้ซื้อไว้ตั้งแต่อยู่หมอชิต แต่ก็ไม่ได้กิน มัวแต่หลับ
เคี้ยวไปเคี้ยวมา แม่งปวดกรามชิบหาย
นี่กุก็เพิ่งมานึกได้ว่ามี ก็หลังจากที่เทกระเป๋าเนี่ยแหละ แด่กซะ 2 เม็ด วะฮะๆ
4. ยาดม อันนี้ก็สีชมพู ไม่ใช่ของกุ๊ ของใครไม่รู้ อยู่ในห้องกุเฉยเลย
แต่เดาว่าอาจจะเป็นของย่ากุ ตอนมาเที่ยวพิดโลก
กุก็เลยหยิบเอามาติดตัวไว้ แต่ไม่ได้ใช้ค่ะ
เอามาเฉย ๆ อย่างนั้นแหละ คงเป็นสีชมพูด้วยมั้ง
เลยอยากพกอะไรที่เป็นสีที่กุชอบ ดูแล้วเจริญตา
เออ ... กุได้ใช้นิดหน่อย ตอนเอามาทาส้นตีนน่ะค่ะ
จริง ๆ นะเว้ย ก็ตอนกุรับปริญญาอ้ะ
ส้นตีนกุถลอกเพราะคัชชูกัด กุก็เอาพลาสเตอร์มาแปะไว้
แล้วมันก็เป็นกาวเหนียว ๆ กุเห็นเพื่อนกุเอาน้ำยาจากยาดมเนี่ยแหละ
มาทา ๆ ถู ๆ ตรงที่เป็นกาวเหนียว ๆ เออ แม่งหายจริง ๆ อ้ะ
กุเลยเอาบ้าง ไอ่ห่าเสือกโง่ เสือกไปทาตอนแผลยังไม่แห้ง
เจ็บสิคะ เจ็บตัว เจ็บใจ แถมได้โง่มาอีก
แต่ตอนนี้เอาออกได้แระ แผลกุเริ่มแห้ง ๆ ตกสะเก็ด ไม่โง่แล้วค่า เย้ ๆ
ขอขอบคุณไอ่บิวกินมูนเพื่อนกุเอง
ที่ช่วยถ่ายรูป หามุม หาแสง หาตัวช่วยหลาย ๆ อย่างมาตกแต่ง
แถมยังนั่งทำโฟโต้ช็อปให้กุด้วย ตอนแรกกุว่าจะลงมือทำเอง
แต่ก็นะ เง้อ ก็ต้องพึ่งไอ่บิวจนได้สิน่า
ไว้นู๋บลิวจะลองเองโอกาสหน้านะคะ
ถ้ามัวแต่คิดว่าใช้ไม่เป็น ทำไม่ได้
ไม่คิดจะลงมือทำ อาจจะโง่อยู่อย่างนี้เรื่อย ๆ
ดีใจค่ะที่ได้เพื่อนดี ฉลาด งิงิ ขอบใจว่ะ
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ก๋าย อ่านว่า ก๋าย แปลว่า แว้บมา , ผ่าน , เลย
แต่งประโยค ป้อจายตี้ก๋ายไปตะกี้ฮู้จั๊กกั๋นกั๊บเขาก่อเจ้า
แปลอีกทีว่ะ ผู้ชายที่ผ่านไปมะกี๊รู้จักกับเค้ารึเปล่าคะ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล กุคงไม่แท็กชาวบ้านที่ไหนแล้ว ขอให้แม่งจบที่กุเหอะ
สงสารคนอื่นว่ะ ตัวเองโดนแล้วแม่งเศร้า
ใครอยากทำก็ทำไป กุไม่มีรายชื่อในส้วมกุให้หรอก
เอ้อ ... คนเปิดเผยเค้าว่าจริงใจนะเว้ย
ว่าแต่ว่า ... ใครจะเปิดเผยก่ากุบ้างมั้ยคะเนี่ย งิงิ

เรื่องของกุ ... ในรอบปี '49

โย่ว ในที่สุดก็ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงหนังหน้ากันอีกแล้ว
จากหน้าอ่อนเหมือนก้นเด็ก คราวนี้ก็เริ่มนับรอยตีนกากันไป
ตอนแรกกุไม่ได้จองตั๋วรถเอาไว้ กุคิดมากสุด ๆ กลัวไม่ได้กลับบ้าน
เลยโทรไปหาอิโบหัวจุก น้องสาวของกุ
มันก็เรยไปจองตั๋วเผื่อกุด้วย โฮะ ๆ ๆ สบายจริง ๆ เรยกุเนี่ย
เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ บล็อกกุก็ต้องมารวมเรื่องของกุไว้เช่นเคย
คงจะรวมเรื่องของคนอื่นไปไม่ได้ เพราะนี่บล็อกกุ ส้วมกุ
ใครปวดขี้ ไปขี้ที่อื่น อย่ามาขี้บล็อกกุ งิงิ
ภูมิใจที่สุด
กุเรียนจบแล้ว ฮิฮิ้ววววว ในที่สุดน้ำหน้าอย่างกุก็เรียนจบจนได้
ไม่น่าเชื่อค่ะ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะกุเรียนจบแล้วจริงๆ
พ่อแม่บอกว่า ภูมิใจกับลูกมาก แต่ต้องหางานทำให้ได้นะ
กุยังรู้สึกว่า กุจบแบบไม่มีความรู้ห่าไรเลย
ทำไมงี้วะ เจ็บใจว่ะ แต่ก็นะ ... มันต้องมีอะไรติดหัวมาซักนิดเหอะน่า
เอ๊ะ ... นี่กุกำลังพูดถึงเรื่องน่าภูมิใจอยู่นะเนี่ย ทำไมมาดูเหี้ย ๆ ทีหลังวะ
ดีใจที่สุด
กุสอบเข้าเรียนเพิ่มเติม ณ ที่แห่งหนึ่งได้
หลังจากมอง ๆ ไว้ก่อนจบ ป.ตรี แต่ไม่ใช่ ป.โท หรอก เรียนเพิ่มเติมน่ะ
นี่คือสิ่งที่กุเคยหวังไว้ตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 แล้ว
กุจะต้องมาเรียนให้ได้ ตอนนี้คือความหวัง
แต่ไม่รู้จะบรรลุถึงความฝันรึเปล่า
เมื่อก่อนไม่เคยตั้งใจเรียน มัวแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง
( กุไม่เชื่อโว้ยว่ามันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่งั้นมึงจะคิดมากเหรอ )
เอ๊ะอิห่า ใครตะโกนด่ากุ ประชดกุเหรอ เออ
กุยอมรับ ว่ามันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่กุชอบเอามันมาเป็นเรื่องจนได้สิน่า
ถ้าให้ย้อนกลับไปกุคงไม่แก้ไขมันเพราะไม่งั้นกุคงไม่ได้รู้
จนเก็บไว้เป็นประสบการณ์ชีวิตหรอก
ไม่เคยล้ม ก็ไม่รู้วิธีลุกขึ้นยืน
ไม่เคยร้องไห้ ก็ไม่รู้วิธีปาดน้ำตาล่ะวะ
อุ๊ย ... เป็นการเป็นงานจนไม่คิดว่าจะเป็นบล็อกกุเลยนะเนี่ย โฮะ ๆ
เศร้าใจที่สุด
เรื่องของหัวใจซะมากกว่า เรื่องนี้มันแย่เอามาก ๆ สำหรับกุ
เพราะไม่ว่าจะเจอเรื่องส้นตีน ๆ อะไรมากมายเท่าไหร่
กุทนได้ หนังหนา สู้ยิบตา
แต่กุยอมแพ้ ถ้าเป็นเรื่องความรักว่ะ
กุไม่อยากเป็นของเล่น รักกุก็ใส่ใจกุมาก ๆ
ถึงเวลาที่ไม่มีกุ อย่าให้กุกลับไป
ไม่ใช่ไม่เสียใจ ไม่เศร้าใจ แต่ต้องตัดใจและทำใจ
คนอย่างกุไม่ได้เข้มแข็งมากนัก กุสู้ความเป็นจริงไม่ไหว
กุอ่อนไหว และอ่อนแอพอสมควร ใครอยากเอาชนะกุ
ทำให้กุรักสิ มึงชนะแน่ๆ กุฟันธงค่ะ สัด !
น่ายินดีที่สุด
เพื่อน ๆ ที่เรียน อีกมหาวิทยาลัยนึง กำลังจะรับปริญญากัน
กุยินดีกับพวกมันมาก ๆ ส่วนตัวกุนั้นหรือ
จะรับก็เดือนเมษา 2550 นี้แหละ จะลดอ้วนได้ทันเปล่าวะแม่ง
หน้าบานเป็นกระด้ง แต่งหน้าคงเหมือนศพขึ้นอืด เดี๊ยนทนบ่ได้ อะปิ๊ด อะปิ๊ด
กุไม่มีปัญญาไปถ่ายรูปหรือแสดงความยินดีกับพวกมันได้
เพราะติดเรียน ถ้าขาดเรียนไปก็จะเรียนไม่ทัน
มันต้องได้เรียนรู้ทุกวัน ๆ เฮ้อ ... โทษทีว่ะเพื่อน ๆ
กุไปไม่ได้จริง ๆ นะคะ อย่าโกรธกุ ไว้กุรับ มึงก็มาถ่ายรูปกะกุก็ได้
วะฮะ ๆ
( แต่กุก็ฝากของชำร่วยไปให้พวกมึงแล้วนะคะ ชอบกันมั้ย ? ตอบกุที้ )
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสี่ยงตายที่สุด
ไอ่เหี้ย ! งูเหี้ยตัวนั้นที่แม่งกัดกุ๊
ไอ่ที่มันกัดน่ะ ไม่เท่าไหร่นะกุว่า
แต่หัวใจกุจะวายตายห่านี่สิ มันทำให้กุโกรธ กุกลัวตายด้วยแหละเรื่องของเรื่อง
แล้วตัวของมันน่าขยะแขยงแค่ไหน แหวะ
นึกแล้วสยอง เสียวตูดอย่างแรง
( เกี่ยวเหรอวะ ? )
ถ้าในใบสมัครงานมีให้กรอกว่า
มีประสบการณ์อะไรบ้าง
กุกรอกไปว่า " โดนงูกัดแต่ไม่ตาย " ได้มั้ยวะ
- -!
sensitive ที่สุด
ทุกครั้งที่กุหายใจ อารมณ์ sensitive จะเข้ามาก่อกวนกุตลอดแหละ
ไม่ว่ากุจะนั่งซักผ้า นั่งเรียน หรือนั่งขี้
มันก็ทำให้กุคิดมาก หวั่นไหว ได้เสมอ
กุเหงามาก เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างซี ( บอกใคร ? )
ถึงมีคนเข้าใจว่ากุเหงา แต่ไม่ทำให้กุหายเหงาได้ มันก็เท่านั้นแหละวะ
ระดับเลเวลความเหงา ของกุ มันวัดค่าไม่ได้
แต่กุรู้สึกได้ว่า มันเพิ่มและแสดงอภินิหารได้ทุกวัน
จนบางทีกุก็ท้อใจ ไม่เป็นอันทำอะไร มัวแต่นั่งเหงา
จะเหงาทำซากอะไรมากมาย กุคิดอย่างนี้
ใคร ๆ ที่คุยกะกุก็บอกกุอย่างนี้
แล้วกุจะทำไงดี ในเมื่อกุไม่ได้ตั้งใจเหงา
มันเหงาของมันเอง อยากร้องไห้ แต่บางทีน้ำตาไม่ไหลก็อึดอัดนะ
อึดอัดพอ ๆ กับปวดขี้ แต่ขี้ไม่ออกเลย ทั้งอึดอัดและทรมาน
จะนอนก็นอนไม่หลับ ทำอะไรก็ขัดลูกตา สับสนวุ่นวายใจไปหมด
ความเหงากับกุ เป็นมิตรกันไม่ได้ อยู่ร่วมโลกกับกุไม่ได้
นอนห้องเดียวกับกุไม่ได้ มีกุต้องไม่มีความเหงา
แต่มันเหมือนชอบมาง้อกุทุกที ทำให้กุใจอ่อน รับมันมาใส่ใจทุกครั้งสิวะ
กุอยากเป็นเซเลอร์มูน แต่เซเลอร์มูน นี่มันต้องพิทักษ์ช่วยเหลือคนอื่น
กุก็เป็นบ้าง แต่ช่วยเหลือไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่ๆ ไม่เคยได้เลย
ทฤษฎีพึ่งพาตนเองของกุล้มเหลว
จะมีใครทำให้กุหายเหงาได้บ้างวะ ที่ไม่ใช่ให้หายเหงาชั่วคราว แต่เป็นแบบตลอดไป
หวังไว้ที่สุด
อยากผอมว้อยยยยย
ไม่มีอะไรหวังมากกว่านี้อีกแล้ว
แทนที่จะหวังเรื่องงาน หวังเรื่องเงินเดือน
กุเสือกมาหวังเรื่องห่าอะไรเนี่ย
กุหวังไว้มานานมากแล้ว เรื่องนี้ ไม่เคยทำได้ซักที
ทำไมไม่รู้จักรักตัวเองมากกว่านี้วะ
สาธู้ สมหวังซักทีเหอะ ไม่หวังชาติหน้า กุจะเอาชาติเน้ !
เคืองที่สุด
ตัดผมมา ตอนแรกก็แค่ไปทำสี เปิดหนังสืออ่านไปมา
ดันเจอทรงผมที่อยากทำ กุถามช่างทำผมแล้ว
" พี่คะ ทรงนี้หน้าอย่างนู๋ทำได้มั้ยคะ ? "
" ทำได้สิ จะทำมั้ยพี่จะได้ตัดเลย "
ด้วยความมั่นใจในตัวเองเกินไป คิดว่าจะสวยเหมือนในรูป
ลืมตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูน้ำหน้าตัวเอง
กุตัดสินใจให้เค้าทำผมกุซะงั้น
พอเสร็จแล้วแทบกรี๊ด ไม่ใช่สวยเริ่ด
แต่มันหน้าบาน สั้นเต่อ น่าอนาถใจโคตร
เคืองค่ะเคือง แต่ไม่อยากบอกที่ร้าน เพราะแก้ไขห่าไรไม่ได้อีกแล้ว
มันคือกรรมของกุโดยแท้จริง โทษใครไม่ได้ ด่าตัวเองแล้วกันกุ
ร้องไห้ดีมั้ยวะ ?
เวร
เหี้ยที่สุด
อิพวกวางระเบิด คนอื่นเค้าจะรื่นเริงกัน พวกมึงนี่ระยำสัดหมาจริง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่างหัวมึง แต่กุสงสารครอบครัวมึงมาก
เสียเงินเสียทองเลี้ยงพวกมึงให้เป็นคน มีมันสมองมากกว่าสัตว์
ยังเสือกฆ่ากันเองได้ลงคอ ไม่คิดบ้างว่าครอบครัวคนอื่นเค้าจะเป็นยังไง
สัตว์ฆ่ากันเองเพราะประทังชีวิต
แต่คนมีปัญญามากกว่านั้น คงไม่ได้แดกคนกันเอง
แต่จิตใจนี่ทรามชิบหาย ว่าจะไม่ด่าวันปีใหม่ ก็อดไมได้ค่ะ
นู๋บลิว ทนไม่ไหวจริง ๆ
ชาติบ้านเมืองเดือดร้อนไม่นึกกันบ้างเลย
เก่งแต่เรื่องเหี้ย ๆ ไม่เอาเรื่องดี ๆ มาทำให้ชาติเจริญกัน
ไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลย
ปีใหม่นี้ ใครทุกข์ใจ เศร้าใจ หรือเจอเหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหนมาก็ตาม
กุขอภาวนาให้เรื่องร้ายเหล่านั้น หายไปนะคะ
ถ้าเจอเรื่องร้ายๆมาเยอะ ๆ ก็ท้ามันแม่งเลย
เอาสิวะ กุจะเจออะไรร้าย ๆ ให้หมดเลย มีอะไรร้ายอีกมั้ย ร้ายมาให้พอ
เด๊วมันเบื่อ มันก็จะหนีจากเราไปเอง
อย่าเชื่อกุมาก ถ้าไม่ได้ลองทำเอง งิงิ
ส่วนกุก็จะพยายามทำให้ได้ เหมือนที่บอกคนอื่น ๆ ไป
( เอ๊ะ ยังไง อินี่ไม่น่าเชื่อถือ )
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ย่าม อ่านว่า ย่าม ( ออกเสียงนาสิก )
แปลว่า ได้ใจ , เคยตัว , ชิน , เนียน
แต่งประโยค ป้อจายถ้าฮักเขานัก เขากะย่ะย่ามบ่ดูแลเฮาเหมือนตะก่อน
แปลอีกทีว่ะ ผู้ชายถ้ารักเค้าเยอะ เค้าก็จะได้ใจไม่ดูแลเราเหมือนเคย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล. ขอบใจนะเว้ย สำหรับคนที่เข้ามาอ่าน นี่กุไม่รู้หรอกว่าใครมาอ่านบ้าง
แต่บางครั้งก็ทำให้กุได้รู้ว่า กุก็มีคุณค่าอยู่นิดหน่อยแฮะ
แอบดีใจ อุวะ ไม่แอบดีกว่า กุดีใจให้เห็นเลยดีกว่า
กรี๊ด ๆ ๆ ดีใจนะค้า

งอ สระอู = เหี้ย

กุมาเรียนเพิ่มเติมหลังจากจบ ป.ตรี ได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ไม่ได้กลับบ้านเลย
มีอยู่ครั้งนึงเค้าอบรมกันกุอบรมไปแล้วรุ่นแรก
มีเวลาว่างที่ไม่ต้องเรียน 1 อาทิตย์ไม่รู้จะไปสิงสถิตย์ที่ไหน
บ้านจึงเป็นที่ที่กุห่วงหาและโหยหามากที่สุด
กุตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า อยู่ไปก็เหงาชิบหาย
แล้วกุจึงกลับมาเรียนอีก ด้วยความอาลัยอาวรณ์บ้านโคตร ๆ
และแล้วก็ถึงวันปิดเทอม ฮิ้ววววว นึกถึงสมัยสาวๆช่วงเรียนปริญญาตรี
จบปริญญาตรี กุก็มีปิดเทอมซะด้วย โฮะ ๆ เริ่ดค่า
กลับบ้านก็ไม่ทำห่าอะไรเลย แร่ดออนไลน์แม่งทั้งวัน
ชีวิตมีความสุขแบบสัด ๆ เหมือนตัวเองหายใจทิ้งไปวัน ๆ
แต่ทุกวันกุก็เล่นเน็ตไปด้วย ซักผ้าไปด้วย
กว่าจะได้ตากผ้าแม่งก็ปาไปบ่ายแก่ ๆ แระ แก่เหมือนกุเล้ยยยย
เยะเป็ด !
ชีวิตกุก็เป็นอย่างนี้ตลอด บางทีก็ไปแพร่
แล้วก็กลับมาอยู่พิดโลกเหมือนเดิม หลังจากที่กุย้ายบ้านใหม่
มาอยู่อีก อำเภอนึง ด้วยเหตุผลที่ว่าพ่อกับแม่ของกุ
อยากมีบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนที่สอน จึงมาซื้อบ้านอยู่อีกอำเภอนึง
อำเภอที่น้ำแม่งท่วมมันทุกปีแหละ แต่ขอโทษค่ะ
บ้านกุอยู่สูงหน่อย น้ำจึงไม่ท่วม
เอ่อ ... อย่ากระนั้นเลยค่ะพี่น้อง ถึงน้ำไม่ท่วมบ้าน
ก็ยังเสือกมีเหล่าสิ่งมีชีวิตสัดหมาที่ไม่อยากจะเจอแม่ง
มาปรากฎให้เห็นอยู่เนือง ๆ เช่น งู ตะขาบ ฯลฯ
แต่ไอ่ที่กุเห็นมันบ่อยๆก็คือ " งู "
มันคือตัวอันตรายที่กุกลัวชิบหายวายป่วง
พอ ๆ กับที่กุกลัวผี สัตว์ห่าอะไรก็ไม่รู้ ตัวยาว ๆ ผิวเลื่อม ๆ มีเกล็ด ๆ
แหวะ น่ากลัวชิบหาย หยะแหยง ๆ อี๋ ๆ ๆ
( รู้สึกตัวเองจะออกอาการกระแดะ ๆ แฮะ แต่ไม่เป็นไร เพราะกุชินกะตัวเองแระ งิงิ )
แม่กุเคยเล่าให้ฟังว่า
แม่ : เออ วันนั้นงูเห่าเข้าบ้านด้วยนะ แม่กลัวแทบตาย
กุ : แล้วแม่ทำไง
แม่ : แม่ก็ไม่ทำไง อยากเข้าก็ให้มันเข้า แต่แม่ก็แทบจะเป็นลมแหละ
แล้วมันก็ออกไป พอพ่อมาแม่ก็เล่าให้พ่อฟัง
พ่อก็เลยเอาไม้มากั้น ๆ ไม่ให้งูเข้าได้แระ
กุ : เป็นหนูนะแม่ หนูคงกรี๊ดไปสามบ้านแปดบ้านแระ
ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะกลัวจะตายห่าาาา
-"-
บางที กุออกไปเดินแร่ด เอ๊ย เดินเล่นหน้าบ้าน
( เพื่อนบ้านเป็นนายร้อยห้อยกระหรี่ เอ๊ย ห้อยกระบี่ )
กะว่าจะไปเดินอ่อยเค้าซักหน่อย อิงูเหี้ยมันก็เลื้อยตัดหน้ากุเฉยเลย
นรก !
กุแทบกรี๊ด หมดกัน หน้าเหวอ เอ๋อ มาก ๆ
ดีนะ ที่พี่นายร้อยเค้าไม่ทันสังเกตกุ งิงิ แต๊บหลุดค่ะ อุตส่าห์เก๊กสวย
ถ้าเค้าเห็นกุแสดงอาการเหวอสุดขีด
เค้าคงไม่กล้าที่จะออกมาเดินหน้าบ้านอีกต่อไป
ดีนะไม่เห็น หุ ๆ
กุมีธุระต้องขี่รถเข้าในเมือง
( แม่งเอ๊ยอนาถว่ะอยู่ในเมืองดี ๆ อยู่แล้วไปไหนมาไหนสะดวกจะตาย
ดั๊นย้ายบ้านมาอีกอำเภอนึง ซวย )
ขาไปก็ไม่มีอะไร เพราะออกจากบ้านก็ยังเป็นช่วงกลางวันอยู่
นัดเพื่อนแร่ด ๆ กันเสร็จแล้ว ถึงเวลากลับบ้านแม่งก็เริ่มค่ำ
ต้องขี่รถกลับบ้าน ช่วงที่ผ่านถนนสองข้างทางมันก็น้ำท่วมหมด
กุก็กลัว ๆ ว่าจะขี่รถตกข้างทางซะจริงๆ มืดก็มืด
แต่ก็ทำเป็นเก๊กขี่รถไปเรื่อยๆทั้งๆที่ใจนี่โคตรปอดเรย
กลัวนั่นกลัวนี่สารพัด
( แต่ไม่ยักกะกลัวหน้าตาตัวเองนะมึง )
แสงไฟสาดกระทบตา ต้องคอยหยีๆตาทั้งๆที่ตากุมันก็ตี่จนจะปิดอยู่แระ
ระหว่างทางนั้นเอง กุเห็นตัวอะไรไม่รู้ขยุกขยิกอยู่บนถนน
ชิบหาย ! อิงูเหี้ยนั่นเอง งูเลื้อยมากลางถนนแบบแร่ด ๆ
เฉื่อย ๆ นวยนาด อิ ดอก !!!!!
กุกลัวมึงจะตายอยู่แล้ว กลัวจนเยี่ยวแทบราด
มึงยังเสือกไม่รีบเลื้อยไปอีก
มึงคิดว่ามึงเป็นนางแบบที่เลื้อยอยู่บนแคตวอล์ครึไงวะ
รถราก็เยอะแยะ อยากตายเหรอ อิแสด
กุแค่บ่น ๆ ในใจ ไม่สามารถด่ามันได้กลัวก็กลัว
ต้องรอให้มันผ่านไปก่อน กุถึงจะไปได้
คนกลัวงู ดันมาเจองู แล้วกุขี่มอไซค์ด้วย ไม่ได้อยู่บนรถยนต์
มันสามารถที่จะเลื้อยมาหากุได้ทุกเมื่อ
กุภาวนาในใจ มึงไปเหอะ รีบๆป๊ายยย กุจะตายแล้ว
ด้วยความที่กุไม่สามารถจะด่ามันได้ เพราะไม่รู้จะเอาผิดกะใคร
รู้สึกหงุดหงิดมากกลัวก็กลัว ร้องไห้แม่งเลย
ขี่รถไป ร้องไห้ไป น่าอายมาก ทุเรศตัวเองสุด ๆ
แระกุไม่ได้ร้องไห้แบบที่นางเอกเค้าร้องกัน
จะร้องแต่ละทีต้องเก๊กสวย ร้องไห้ไม่มีเสียง เพื่อไม่ให้น่าเกลียดเวลาเข้ากล้อง
ส่วนกุ ตอนนั้นไม่สนใจเหี้ยอะไรอีกแล้วเพราะกุกลัว
ฮื้อออออออออออออ โฮ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮื้ออ ๆ ๆ ๆ เสียงร้องไห้ออกมาดังมาก
ปากก็บ่น ฮื้อ ๆ ๆ ๆ ไอ่เหี้ย กุกลั๊ว ฮือ ๆ ๆ มึงจะออกมาทำห่าไรเนี่ย ฮือ ๆ ๆ กุกลั๊ววว
ไม่รู้จะด่าใครดี ไม่มีจำเลย ให้พิพากษา
ด่าแม่งกะตัวเองนี่แหละ ทำไงได้วะกุเป็นอิบ้าแบบนี้ ไปจนถึงบ้าน
หลายต่อหลายครั้งที่กุเข้าในเมืองทีไร กลับบ้านค่ำ
เอาแระ เจออิงูเหี้ยอีกแระ จะพิศวาสถนนทำหอกไรนักหนา
ไม่เห็นรึไงว่า นางแบบรุ่นพี่ของพวกมันโดนรถเหยียบไส้ปลิ้น
แบนตายติดถนนไปตะหลายตัวแระ
แระกุก็ตามฟอร์ม ขี่รถไปด่างูไปร้องไห้ไป บางทีกลัวแทบเป็นลม
แม่งเซ็ง ปกติถ้ากุแร่ดออนไลน์จนหิว
( แม่บอกว่าถ้าทำงานหนักแล้วหิวแม่จะรีบทำกับข้าวให้กินเลย
แต่กุไม่ได้ทำงาน มีแต่สร้างความรำคาญมากกว่า แม่จึงไม่ทำให้ 55 )
กุขอแม่ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่หน้าปากซอย
นั่งกินคนเดียวอ่อยหนุ่มๆไป โฮะ ๆ ไงล่ะแผนของกุ
ทำเป็นไม่กินข้าวที่บ้าน จริง ๆ อยากไปนั่งอ่อย
เอ๊ย นั่งรับบรรยากาศนอกบ้านน่ะ ว่าแล้วจึงเตรียมเปิดประตูรั้วบ้าน
แล้วขี่มอไซค์ออกไปกำลังจะจอดรถ เพื่อที่จะมาปิดประตูรั้วบ้าน
เวลาจะจอดรถมันต้องเอาตีนลงก่อน
ถึงจะเหยียบขาตั้งมาตั้งไว้ได้ ขณะที่ตีนขาว ๆ นิ่ม ๆ ยิ่งกว่าหน้าของกุ
กำลังจะเหยียบสู่พื้นดินกุรู้สึกว่า
เอ๊ะ ทำไมตีนกุมันเหมือนมีอะไรมาตวัด ๆ วน ๆ ตรงตีนวะ
แล้วรู้สึกเจ็บ ๆ จิ๊ด ๆ อีก หลาย ๆ ที่ พอก้มลงไปดูเท่านั้นแหละ
อิหอกหักสากกระเบือโยกเอ๊ยยยยยยยย
งู้ งูเหี้ยตัวนึง มันกะลังกัดเข้าที่ตีนกุเล้ย
โอ๊ย กัดด้วยความสะใจของแม่งแหละ กุเห็นเช่นนั้น
กุจึงกรี๊ดออกมาสุดเสียง " แว้กกกก กรี๊ด ๆ ๆ ๆ อ้ากกก งูกัด กรี๊ด ๆ ๆ ๆ "
พ่อกับแม่ได้ยินเลยวิ่งออกมาดู มันจึงเลื้อยไปตรงประตูรั้วบ้านกุ
แล้วเลื้อยไปตรงหน้าพ่อกุ พ่อกุใส่รองเท้าบู้ทอยู่
พ่อกุก็จ้องมัน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมัน ปล่อยให้มันเลื้อยไปอย่างนิ่มนวล
แร่ด !
กุสงสัยมากทำไมพ่อไม่เหยียบมันวะ ใส่รองเท้าบูทอยู่แท้ ๆ
เหยียบเต็ม ๆ ตีนหน่อยก็เน่าแล้ว
แล้วพ่อกะแม่ก็ให้กุมาทำแผลที่หน้าบ้าน กุกลัวตายก็กลัว
แม่งมีพิษเปล่าวะ คิดนั่นคิดนี่สารพัด
พ่อรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นงูไม่มีพิษ แต่ก็แกล้งบอกว่า
จะมีพิษมั้ยเนี่ย ทำไงดีน่ะ จะรอดเปล่าเนี่ย
กุก็โวยวาย ๆ เรียกร้องให้พาไปหาหมอ อารมณ์น้อยใจ
อะไรวะ ลูกโดนงูกัดแทนที่จะพาไปหาหมอ
พ่อกุก็ยิ้มๆกริ่ม ๆ เออ ! แกล้งกันเข้าไป
กุจะหัวใจวายตายห่าอยู่แล้ว ยังแกล้งกุอีก
ในใจตอนนั้นคิดเรื่องตายแม่งอย่างเดียวเลย ห่าเอ๊ย
กุยังไม่ทันได้ทำงานเลยจะตายห่าแล้วเหรอ
จะไม่ได้กลับไปเรียนต่อแล้วเหรอวะ
กุยังไม่ได้แต่งงานมีลูกมีผัวเลย ฯลฯ
คิดไปสารพัดสารเพ งูเหี้ยนี่กัดกุหลายแผลอยู่เหมือนกัน
เลือดออกแบบซิบ ๆ พ่อกุก็ทายาให้พ่อบอกว่า
" เออน่ามันไม่มีพิษซะหน่อยถ้ามีป่านนี้ไม่ได้มานั่งคุยกันขนาดนี้หรอก "
เอ๊า กะกุจะไปรู้เรอะ งูบางตัวพิษมันกว่าจะออกฤทธิ์ก็ 5-6 ชั่วโมงนู่น
พ่อพูดต่ออีกว่า " บลิวคงไปเหยียบมันนั่นแหละ
มันก็เลยกัดเพราะความตกใจมันคงเจ็บมันด้วยแหละ
นี่ถ้ามันมีพิษป่านนี้พ่อก็เหยียบมันไปแล้วสิ
เพราะพ่อใส่รองเท้าบู้ทถ้าเหยียบ มันก็คงไม่รอดร้อก "
เออ พ่อให้โอกาสมันซะงั้น พ่อให้โอกาสงู แต่พ่อไม่ให้โอกาสกุ !
ถึงรู้ว่ามันไม่มีพิษยังไง คืนนั้นทั้งคืนกุไม่กล้านอนเลย
กลัวตาย แม่งป๊อดว่ะวิตกจริตมันทั้งคืน ไม่กล้าหลับตา
กลัวหลับยาว หลับแล้วเผาอะไรประมาณนั้น
แต่เป็นใครก็ต้องคิดแบบกุแหละ แม่ง งูกัดอ้ะ
ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ กุไม่เคยด้วยและไม่คิดอยากจะมีซ้ำหลาย ๆ รอบ
มันไม่ได้เป็นเรื่องสนุกเลย ฮือ ๆ กุแค้นมาก แล้วกุก็กลัวมากเช่นกัน
หลอนว่ะ เรื่องงูเหี้ย ๆ พวกนี้กุเบื่อมากตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงตอนนี้
กุฝันถึงงูบ่อยมาก เอาไปเล่าให้ใครฟังก็โดนแซว
"เห้ยย แบบนี้จะมีคู่นะเว้ย ฝันถึงงู ดีออก กรี๊ด ๆ ๆ "
กรี๊ดหาพ่อง !
สัด กุไม่ได้อยากฝันถึง กุฝันตั้งแต่เด็กยันโต
ถ้าจะมีคู่จริง ๆ กุคงได้ผัวตั้งแต่อายุ 3 ขวบแล้ว
ป่านนี้ผัวกุคงเต็มประเทศแล้วค่ะ
บางทีฝันว่าเดินไปไหนก็เจอแต่งู ให้ยั้วเยี้ยเต็มทางเดินไปหมด
มึงจะยั้วเยี้ยทำเหี้ยไรเยอะแยะ กุกรี๊ดลั่นเลยในฝันน่ะ
สะดุ้งตื่นนี่ยังคิดเลยว่ามีงูมานอนข้าง ๆ รึเปล่า
อารมณ์ไม่อยากข่มตาหลับอีกเลย ตาค้างยังกะได้แดกกาแฟ
จริง ๆ แล้วง่วง แต่ใจมันหลับไม่ลง อี๋ สยิวกริ้ววว บรื๊อออ
บางครั้งก็ฝันว่าโดนงูฉก ฝันว่างูมันจะมารัด หรืออะไรแบบนี้
ในฝันมันเหมือนจริงมาก ๆ บางทีกรี๊ดไม่ออก
พยายามคิดกะตัวเอง นี่กุฝัน ๆ ๆ รีบตื่นสิวะตื่นสิวะ เห้ยแม่งตื่นเด้
ทะเลาะกะตัวเองอีก บ้าชิบเลยกุนี่
- -"
บางทีในฝันร้องไห้ พอตื่นขึ้นมา ทำไรไม่ได้นั่งร้องไห้แม่งเลย
เอาสิวะ กุทำไรไม่ได้นี่ ร้องไห้นี่แหละ เป็นวิธีที่เวิร์คสุดแล้ว
ถ้าการฝันถึงงูมันหมาควายว่ากุจะเจอคู่ล่ะก็
กุขอเป็นโสด อยู่คนเดียว ของกุจะดีกว่ากุไม่ชอบ
แม่ง ฝันห่าไรบ่อยเหลือเกิน จนกุมาคิดว่าชาติหน้ากุจะเกิดเป็นงูเปล่าวะ
( เริ่มฟุ้งซ่านแระ )
จะฝันอะไรก็ฝัน แต่อย่าให้กุฝันว่า ตกจากที่สูง หรือ เจองูเลย
ฮือ ๆ แง้ ๆ ๆ ๆ มันกลัวจริง ๆ นะโว้ย แม่ง
หลังจากนั้นกุจะหลับไม่ลง เพราะกุกลัวที่สุดของที่สุดของที่สุดที่สุด
เฮ้อ ... ลำบากจริง เกิดเป็นอิบลิวเนี่ย ...
ถึงกุจะถ่อย แต่ถ้าเจออิงูเหี้ยนี่กุก็ถ่อยไม่ออกจริงๆ
คงจะ ถอย ดีกว่า เคยคิดสมน้ำหน้าแม่งเหมือนกัน
เวลาเห็นซากของพวกมันแบนติดถนน อยู่อย่างนั้น
ดันเสร่อเลื้อยนวยนาดอวดโฉมคิดว่าตัวเองดูดี ถรุ้ย !
สมหน้ามึงดับอนาถไปเลยเหมือนมีใครได้แก้แค้นให้กุ โฮะ ๆ ๆ ๆ
( บาปว่ะแต่ยอม แค่สะใจนี่หว่า )
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า จิ้นส้ม อ่านว่า จิ้น - ส้ม แปลว่า แหนม
แต่งประโยค แม่เจ้าน่องบลิวอยากกิ๋นไข่ทอดใส่จิ้นส้มเจ้า
แปลอีกทีว่ะ แม่จ๋านู๋บลิวอยากกินไข่ทอดใส่แหนมค่า
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ว่าจะอัพนานแล้วแต่ต้องดองไว้เพราะกุเรียนหนักจริง ๆ
( + ขี้เกียจ ) ค่ะพี่น้องแฟนบล็อก
เร่งกุอยู่ได้ ชิบหายยย ใจเย็น ! กุบอกแร้วไงว่าอยากอัพกุก็จะอัพ
ไม่อยากอัพกุก็ไม่อัพ ไม่ได้อัพบล็อกขายตลาดนะโว้ย



ส้วมเต็ม ... สูบครั้งที่ 2

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
ได้เข้ามาอัพบล็อกซะทีนะกุหลังจากที่หักโหมจากการเรียนเพิ่มเติมมาพักใหญ่ ๆ
( เปล่าหรอกค่ะ กุแค่พูดให้ตัวเองดูดีเฉยๆ
จริง ๆ กุไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ กุมัวแต่ฝักใฝ่เรื่องไร้สาระ )
ผ่านพ้นวันเกิดบล็อกกุไปตั้งหลายเดือนแล้ว
แต่กุก็ไม่เคยจะสนใจสูบส้วมซักครั้ง
จริง ๆ กุใส่ใจ สนใจที่จะอัพนะ กุไม่ได้อ้างนะคะ
แต่ว่า กุไม่มีอารมณ์จะเขียนบล็อกเลย ไม่รู้ตัวเองเป็นเหี้ยอะไร
( อาจจะเป็นเหี้ยจริง ๆ )
กุคิดแล้วคิดอีก
... อิบลิว เมื่อไหร่มึงจะสูบส้วมของมึงซักที
ไปอวยพรวันเกิดบล็อกมึงซักทีสิ
อุ๊ย ๆ ยังดีกว่า วันนี้ไม่มีเวลา แค่วันเดียว เด๊วพรุ่งนี้กุค่อยอัพ
โอ๊ย วันนี้กุไม่ว่างอีกแระ ไว้วันเสาร์ดีกว่า
เอ๊ะ ฯลฯ ...
กุเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยมา ศัพท์แถวบ้านเรียกว่า "อ้าง"
ซึ่งกุหน้าด้านที่จะใช้คำนี้
สำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่ได้สำคัญเหี้ยไรมาก
แต่สำหรับตัวกุเองแล้วกุเป็นคนที่ชอบตื่นเต้นกับวันสำคัญต่าง ๆ
อย่างที่สัด เอ๊ย ที่สุด !
ไม่รู้ได้รับโครโมโซม อย่างนี้มาจากไหน
แต่กุตื่นเต้นจริง ๆ นะ กุเคยคิดจะไม่สนใจพวกวันสำคัญหลาย ๆ วัน
แล้วบางทีกุคิดไว้ว่า กุอยากเป็นนางเอกที่จำวันเกิดตัวเองไม่ได้
จะมาจำได้ ก็ตอนเพื่อนอวยพรให้ หรืออะไรแนว ๆ นี้
กุก็ทำเป็นลืม ๆ ๆ แต่ยิ่งกุทำลืมเท่าไหร่
สันดานความจำส้นตีนนี่ก็เสือกทำงานดีซะงั้น
จำได้ยังไม่พอ ยังจะต้อง ตีฆ้องร้องป่าว ประโคมข่าวประกาศให้ชาวบ้านเค้ารู้
... นี่ ๆ วันนี้วันเกิดกุนะ
กรี๊ด ๆ ๆ ๆ วันนี้ครบรอบที่เราคบกันนะตัวเอง
เฮ้ย ๆ ๆ เด๊วอาทิตย์หน้ากุรับปริญญานะ ห้ามลืม ถ้ามึงลืม กุจะร้องไห้ !
ฯลฯ ...
แต่การตื่นเต้นมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ?
เพราะมันได้จำในสิ่งที่ควรจดจำ
กุว่าวันพวกนี้ สำคัญว่ะบางครั้งกว่าจะครบรอบก็รอตั้งนาน
ประมาณว่านานทีปีหน กว่าแม่งจะมาครบรอบอีก
หรือบางครั้ง วันสำคัญนั้นก็ไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว
กุจึงเชื่อมั่นและรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
น้ำลายหกแล้วหกอีก ( นี่มึงรอหรือมึงกะลังมองผู้ชาย อิบ้า ! )
ครั้งนี้ มันถึงเวลาแล้ว ที่กุจะต้องสูบส้วม
ถึงแม้ว่าแม่งจะผ่านข้ามปีแล้วแต่ยังไม่ครบรอบ ปีที่ 3 นี่หว่า
โฮะ ๆ ๆ
เอาน่ะ ช้านิดช้าหน่อย อย่าเสือกบ่นกุมากเด๊วกุไม่สูบซะนี่ งิงิ
บล็อกสีชมพูจ๋า วันนี้กุเข้ามาอวยพรวันเกิดแล้วนะคะ
ขอบคุณบล็อกมาก ๆ นะจ๊ะ ที่เวลากุมีเรื่องอะไร บล็อกก็ยังอยู่กับกุซำเหมอมา
เรื่องเศร้า เคล้าน้ำตา เรื่องสนุกสนาน เรื่องน่าปวดหัว
แต่บล็อกก็ยังอยู่ให้กุเขียนเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ตลอด
ขอบคุณฝรั่งดั้งขอ ที่เสือกให้กำเนิด blogger ขึ้นมา
แม่งน่าประทับใจจริงๆ อย่าให้กุรู้นะว่าฝรั่งคนไหน
กุจะ จะ จะ จะ ... จะจีบลูกชายมัน !!!
นี่กุปิดเทอมอยู่ จะรับปริญญาอยู่แล้ว กรี๊ดดดดดด
หวังว่าบล็อกก็จะยังอยู่กับกุ อยู่กับวันสำคัญของกุอีกนาน ๆ
( อย่าโดนปิดเลย ๆ ๆ ๆ )
ไอ่ห่า ... รู้สึกนางเอกๆ ไงมะรู้
แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตกุ กุก็เป็นนางเอกของชีวิตแหละวะ งิงิ
ขอบคุณทุกคนที่ยังเสือกตามอ่านบล็อกกุอยู่นะคะ
ดูสิ ครบ 2 ขวบแระ
( มันครบตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย 2549 แล้ว อิถ่อย ! ถ่อยจริง ๆ นะ )
ส้วมของกุยังน่ารักน่าชัง อยู่เหมือนเดิม
คงเป็นเพราะเจ้าของน่ารัก กร๊าก ๆ ๆ
... ถรุ้ยยยย !!! ...
ไอ่เหี้ย ! ใครแซว ?

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ไน่ อ่านว่า ไน่ แปลว่า ละลาย
แต่งประโยค บลิวขะไจ๋เอาน่ำแข็งมาใส่กระติก เดวน่ำแข็งมันย่ะไน่
แปลอีกทีว่ะ บลิวรีบ ๆ เอาน้ำแข็งมาใส่กระติกสิ เดี๋ยวน้ำแข็งมันก็ละลายหรอก
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล อันนี้ไม่เกี่ยวกะบล็อก แต่กุอยากบอกว่า
... ช่วงชีวิตของคน ๆ นึง จะมีรักแท้ได้กี่ครั้งก็ไม่รู้
บางคนอาจจะมีแค่ครั้งเดียว บางคนมีหลาย ๆ ครั้ง
และบางคนก็อาจจะไม่มีเลยทั้งชีวิต เมื่อเจอ ควรดูแลรักษา
ทะนุถนอมให้ดี ถ้าไม่เคยเจอ
จงให้รักแท้ของตัวมึงเองกับคนอื่น
( แต่ถ้ามันเกินพอดีก็จงใช้สมองคิดว่าควรให้แค่ไหน )
เอ๊า ... อิเหี้ย
กุจะอ่อนไหวบ้าง ใครจะทำม้ายยยยย กรี๊ดดดดดดดด

... จบ ... แต่ไม่เห่

กุตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ... นอนคิดอะไรเพลิน ๆ
ไม่ต้องรีบต้องร้อน ไม่ทะเลาะกับนาฬิกาปลุก อีกต่อไป
จะนอนกลิ้งซักสามสี่ตลบหรือจะตีลังกาม้วนหน้าม้วนหลังบนที่นอนก็ยังได้
เหตุผลน่ะเหรอ เก๊าะกุเรียนจบแร้วน่ะเซ่
โฮะ ๆ ๆ ๆ กรี๊ด ๆ ๆ ในที่สุดกุก็เรียนจบ โดยไม่ได้จบเห่กลางคัน
แม่บอกว่าหมอดูทักว่ากุจะเรียนไม่จบ กุก็กล้ำกลืนอย่างแฮง
เพราะเชื่อคำทำนายหัวควย ๆ ไม่เป็นเรื่องเป็นราวมาโดยตลอด
จิตใจก็ย่ำแย่ เพราะเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ครอบครัวกุก็คิดมากเป็นทุนเดิม
ยิ่งเจอคนทักแบบนี้ กุก็เครียด พ่อแม่ก็เครียด แต่กุก็คิดว่า
เฮ้ย ทำไมกุจะไม่จบวะ ในเมื่อกุก็เรียนๆของกุอยู่แบบเนี้ยะ
ไม่ได้ไปตอแหลที่ไหน เอ่อ ... แต่ก็อาจจะมีตอแหลบ้าง คริคริ
แต่ก็ไม่ได้เกเรเรื่องเรียน
แม้เกรดจะออกมาได้อุบาทว์ ทุเรศไปบ้าง แต่ก็ไม่เชิงว่าน่าเกลียด
( พูดปลอบใจตัวเองไปงั้นว่าเกรดไม่น่าเกลียด จริง ๆ แล้วห่วยชิบหาย )
กุดั้นด้นและแข่งขันกับสิ่งที่ตัวเองคิดมาก
ใจนึงก็เรียน อีกใจก็คิด กุจะจบมั้ย ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่อย่างนี้ตลอด
มันคอยมากวนใจ กวนตีน กุอยู่ทุกครั้ง ทำให้กุนอนไม่หลับ
แทบเอาตีนก่ายหน้าผาก
นี่คือความเหี้ยของคนที่คิดมาก มักจะเป็นแบบนี้
กุคิดว่าคงเข้าข่ายเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง วิตกจริต กังวล ประมาณนั้น
บางครั้งจะออกบ้านไปไหนกลางคืน พ่อกุชอบพูดว่า
" ระวังนะ ที่หมอดูทายว่าเรียนไม่จบ อาจจะเกิดอุบัติเหตุก็ได้ ระวังด้วยล่ะ รถรา "
โอ๊ย ... เครียดกันต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้ถึงกะเครียดแบบออกหน้าออกตามาก
คือ พ่อแม่กุคงแอบเครียดในใจ ประมาณหวังอยากให้กุจบ
อยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ เค้าคงลุ้นกุอยู่ในใจล่ะมั้ง
แต่กุก็นะ ... อดทน บางทีงานที่โง่ ๆ ควาย ๆ กุก็โวยวายไว้ก่อน
แล้วก็มาถามเพื่อน แก้ไขปัญหา เฉพาะหน้าไป
แต่เทอมนี้กุหวังชิบหาย เพราะกุทำงานส่งตลอด ไม่ค่อยจะหมก
( ทุกทีกุก็หมกเป็นเรื่องปกติและสม่ำเสมอ งิงิ )
จารย์สั่งปุ๊บ รีบทำส่งปั๊บ แต่ผลที่ได้ออกมาก็ไม่เป็นดังหวัง
งี้แหละ เวลาหวังเหี้ยไร ก็จะไม่ค่อยเป็นตามที่คาดหวัง
อย่างเวลากุเรียนเหมือนกัน ถ้ากุไม่หวังนะ จะได้ผลลัพธ์ที่แม่งคาดไม่ถึง
จะคิดกับตัวเอง " อ่าวเฮ้ย นี่กุได้เกรด 4 คณิตศาสตร์ได้ไงวะเนี่ย กรี๊ด "
ซึ่งไม่คาดฝันว่าจะมีวันนั้น สุดยอด !!!!
แต่ถ้าหวังว่า เอออยากได้เกรด A วิชานั้นวิชานี้ แล้วก็ทำเต็มที่
แต่ก็เสือกไม่ได้ นี่แหละทำให้กุรู้สึกไม่อยากตั้งใจเรียน
ถึงแม้ใคร ๆ อาจจะเห็นกุเล่นเน็ต แร่ดออนไลน์อยู่ตลอดเวลา
แต่แหม ... ใครเล่าจะรู้ ว่ากุก็ซุ่มเรียนอยู่ไม่น้อย
ไอ่ซุ่มเรียนเหี้ยไรนี่ มันไม่ส่งผลให้กุดีใจเลยว่ะ
ทำให้กุยิ่งบอบช้ำ เจ็บปวดใจ รวดร้าวทรวงใน ได้กุแล้วก็ทิ้ง
( อ๊ะ ไม่ใช่แระ )
กุหวังมาก ๆ ว่าเทอมนี้กุจะต้องได้ A 2 - 3 ตัว เพราะคะแนนเก็บกุดี
ตอนสอบกุก็ว่ากุทำได้ แม่งเอ๊ย ผลออกมา เสือกได้แค่ B+ ไม่ก็ B
ส่วนเพื่อน ๆ ที่หมกงานนั่นเหรอคะ แม่งเสือกได้ A กุไม่เข้าใจเล้ย
หน้าอย่างกุ จะไม่มีปัญญาจะได้ A เยอะๆกะเค้าบ้างรึไงวะ สรัด เยะเป็ด !
หน้าเหี้ย ๆ ถ้าได้เกรด A เยอะๆ อาจจะเสริมบารมีทำให้หน้าตาดูดีขึ้น
กุคิดงั้นนะ เผื่อว่ากุจะได้ดูเป็นคนมีแววตาฉลาด ๆ กะคนอื่นเค้าบ้าง
ฝันเฟื่องอีกสิกุ ใช่ กุฝัน เพราะตอนนี้ก็กลับไปแก้ไข อะไรไม่ได้
ช่างหัวกุแม่งเหอะวะ เสือกทำตัวเองนี่ แต่แอบเจ็บใจลึก ๆ
กุอุตส่าห์เปลี่ยนแปลงตัวเอง จากส้นตีน เป็นหน้ามือ ทำไมต้องเป็นงี้ทุกที
สงสัยคนหน้าเหี้ยแบบกุ คงไม่เหมาะกับเกรดดี ๆ ล่ะมั้ง ถ้าได้เกรด ห่วย ๆ ถึงจะเหมาะ
ฮือ ๆ โลกบ่ยุติธรรม ทักษิณไม่ลาออก หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหล่อ
( อ๊ะ มีแววเข้าคุกก่อนรับใบทรานสคริป ตงิด ๆ )
กุไปตัดชุดครุยมาแระ ในวงเงิน 650 บาท แม่งแพงว่ะ
ตอนแรกพวกกุจะไม่ตัดกัน แต่มันต้องถ่ายรูปกันทั้งคณะ
จะไปเช่าแม่งก็หลายตังค์
เลยตัดสินใจตัดกันเกือบทั้งห้อง แล้วไงล่ะ สถาบันที่จบมาจะเปลี่ยนคำนำหน้า
ให้มีคำว่า มหาวิทยาลัย นำหน้า พอตัดชุดมา
พวกกุจึงหวั่น ๆ ว่า แม่งจะเปลี่ยนชุดครุยกุเปล่าวะ
ถ้าเปลี่ยนนะ พวกกุต้องตัดกันใหม่อีกแน่ ๆ เว้ย คิดแล้วเซ็งว่ะแม่ง
อาจารย์ก็บอกพวกกุว่า
" คงไม่เปลี่ยนหรอก เพราะกว่าจะเปลี่ยนได้มันนาน
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ครูว่าไม่น่าเปลี่ยนนะ
ครูคิดว่าอย่างนั้น เพราะครูถามพวก
กองกิจการนักศึกษาแล้ว เค้าว่ามาว่ามันไม่ได้เปลี่ยนกันง่าย ๆ
คงเปลี่ยนแค่เข็มแหละ "
เออ กุก็จะคอยดู ถ้าเปลี่ยนนะ กุว่าต้องมีคนด่าเยอะเลย
เพราะตัดกันเกือบทั้งคณะ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
น่าเบื่อสุด ๆ
พอได้ชุดครุยกลับมาแขวนไว้ที่บ้าน รอวันถ่ายรูป
ก่อนไปเรียน กุเห็นแม่เขียนข้อความฝากไว้ตรงหน้าคอม
เพราะแม่รู้ว่ากุต้องเปิดคอมฟังเพลงก่อนไปเรียนอยู่แล้ว
" บลิวลูกรักของพ่อและแม่ พ่อและแม่ ได้เห็นชุดครุยของลูกแล้ว
รู้สึกดีใจและปลื้มใจกับลูกเป็นอย่างยิ่ง เพราะคิดว่าลูกต้องเรียนจบแน่ ๆ
รักลูกนะ พ่อ + แม่ "
โอ้ว ... มันเป็นลายมือแม่กุ โดยพ่อเป็นคนคิดบอกให้แม่เขียน

-"-

( แม่มาบอกกุทีหลัง )

อ่านแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่ ไม่ได้สยิวกิ้ว เพราะโดนน้ำแข็งลูบหลังแต่อย่างใด
แต่ขนลุกที่พ่อแม่ชื่นใจที่กุเรียนจบ
เห็นแมะ กุก็แอบเป็นคนดีบ้างแหละว้า ทำให้พ่อแม่มีความสุข
กุก็มีความสุขไปด้วย วะฮะ ๆ
จากเกรดดี ๆ ตอนปี 1 ได้ 3 กว่า ๆ พอเรียนเยอะเข้า เกรดก็มาทบ ๆ กัน
ในแต่ละเทอม ทำให้เกรดเฉลี่ยกุลดลงเรื่อย ๆ เพิ่งจะมาเพิ่มขึ้น
ก็เทอมนี้ แม่ง เสือกไม่ตั้งใจเรียน มัวแต่สนใจเรื่องอื่น
เรยได้ เกรด 2.94 มาแดก ซะงั้น ใครอยากสมน้ำหน้ากุ
เชิญขากถุยได้ตามสันดาน
ไม่เป็นไร หน้ากุด้าน กุมั่นใจ
ประสบการณ์ชีวิตของการเรียน ป.ตรี ครั้งนี้สอนให้กุรู้ว่า
การสปีดตัวเองทีหลังไม่ได้ช่วยเหี้ยไรให้กุได้เกรดดีขึ้นมาเลย
เพราะเกรดมันทบกัน ไม่ได้เหมือนตอนเรียนมัธยมที่เรียนเทอมไหน
เกรดเทอมนั้นก็จะออก แต่นี่มันรวมเฉลี่ยกัน โคตรเซ็ง ! เรย
บางเทอมวิชาที่เรียนก็ไม่ออก มาออกเอาตอนใกล้จบปี 4
ทำให้พวกกุหวั่น ๆ ใจ ชิบหายแม่งกุจะจบกันมั้ยว้า ไม่ออกซักทีว้า
เดือดร้อน ต้องให้อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยอีกแรง
ไม่รู้จะยังไง ในที่สุดก็ออกมาจนได้ เย้ ๆ
กุว่าจะยังไม่ทำงาน เพราะตอนนี้กุเพิ่งส่งใบสมัครไปที่ ที่กุอยากไปเรียนต่อ
ไม่ได้อยู่พิดโลกหรอก อยู่ตั้งนครปฐม แน่ะ
แต่ก็นั่นแหละ สมองควาย ๆ กลวง ๆ อย่างกุ จะสอบเข้าได้เปล่าไม่รู้ววว
โปรดติดตามตอนต่อไป อนาคตกุจะเป็นอย่างไร
พวกชอบเสือกเรื่องของชาวบ้าน โปรดรออีกนิดค่ะ
แร้วกุจะมาขี้ใส่บล็อกไว้ให้คุณๆท่านๆ ที่แอบมาเสือก
ให้ได้รู้เองค่ะ ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้เสือกเรื่องของกุนะคะ งิงิ
ไว้กุเข้าสอบก่อนเหอะ ได้ไม่ได้ก็ไม่รู้ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
( แต่กุอยากเรียนใจจะขาด สนุกดีแต่ท่าทางจะยากส์ )
สู้ๆ สู้ตาย สาธู้ ขอให้สอบเข้าได้ ได้เรียน สาธู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เพี้ยง ๆ ๆ ๆ

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า แว่น อ่านว่า แว่น แปลว่า กระจก
แต่งประโยค บลิวไปซื้อแว่นอันน้อย ๆ ฮื่อย่ากำ ย่าย่ะป๊กใส่กระเป๋าไ่ว่
แปลอีกทีว่ะ บลิวไปซื้อกระจกอันเล็กๆให้ย่าหน่อยสิ ย่าจะพกใส่กระเป๋าไว้

บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล รับปริญญาปีหน้า เย่ ๆ สาธู้ อย่าเปลี่ยนชุดครุยกุเรย กุบ่อยากเสียตังค์อีก
ลุ้น ๆ อยู่ว่าจะรับที่ไหน ไม่รู้จะเชียงใหม่หรือพิดโลกกันแน่ สาธู้ พิดโลกเหอะ