วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2548

กีฬา ... พากลุ้ม


กุเป็นนักศึกษาฝึกสอน
ดังนั้นเมื่อมีกิจกรรมอะไรก็ตาม กุก็ต้องเข้าร่วม
เมื่อวันพฤหัสบดี สีแสด ที่ผ่านมา มีการจัดกีฬากลุ่มขึ้น
กีฬากลุ่มก็คือ โรงเรียนในตำบลนั้นๆ มาแข่งกีฬาร่วมกัน
โอ๊ย ... ช่างหัวแม่งเหอะ ขี้เกียจอธิบาย กุเข้าใจคนเดียว พอ!
กุได้ดูสูจิบัตรว่า กุมีหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่อะไรบ้าง
อ้อ ... กุได้เป็นกรรมการวอลเล่ย์บอล วุ้ย
แม่งก่อนวันที่จะแข่งกุเคืองมาก ไม่บอกกุซักคำว่าจะให้กุ
เป็นคนซ้อมวอลเล่ย์ฯ ให้นักเรียน กุก็แม่ง
ไม่ได้เอากางเกงใน เอ้ย! กางเกงวอร์ม มา
กุจะทำงานซักหน่อย ถึงเวลาซ้อมเด็กแม่งก็มาเรียกๆกุ
ให้กุช่วยไปซ้อมให้มัน เชรี่ย มาลากๆกุ ยังกะลากควายไปไถนา
แดดร้อนก็ร้อน ขากุแม่งก็ดำชิบหาย ตั้งแต่ไปซ้อมเชียร์ให้เด็กปี 1
เมื่อปีที่แล้วนู้น แทนที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ก็ดันเสือกมาขี่รถทู้กวันๆๆๆ แร้วต้องซ้อมให้เด็กอีก
จนแม่ง ตอนนี้ ขากุเป็นอีเหนี่ยงแระ
สัด กุเซ็ง
ผ.อ บอกพวกกุว่า ต้องไปช่วยกีฬากลุ่ม 
3 วันแน่ะ เศร้าโคตร เสือกแด๊กเวลาหยุดพักผ่อนในวันเสาร์ของกุอีก
ตอนเช้าวันพฤหัสบดี กุต้องไปแต่เช้า เด็กแม่งมันเดินขบวนกันเช้า
กุต้องแหกขี้ตาตื่นไป พอถึงเวลาแข่ง กุก็ไปถามพวกครูเค้าว่า
"จะให้นู๋ช่วยทำอะไรดีคะ ?"
แล้วเค้าก็บอกกุว่า
"นู๋บลิวช่วยเป็นคนกำกับเส้นก็แล้วกันนะ ช่วยๆกันหน่อยเนาะ"
กุเรยกลายเป็นผู้กำกับเส้น คอยดูว่าลูกมันลงหรือมันออก
อืม ... ธงเหี้ยไรก็ไม่มีให้กุ กุต้องใช้มือชี้เป็นสัญญาณบอก
แดดแรงมาก ร้อนสุดๆ ร้อนจนกุรู้สึกแสบหน้าแสบแขนไปหมด
จริงๆแล้วกุมีหน้าที่แค่ วอลเล่ย์ฯ คู่แรก
... แต่ ...
ต้องแบกรับภาระหน้าที่ กลางแดดเปรี้ยงๆ
ไปอีกหลายคู่
เหตุเพราะว่า ... พวกครูโรงเรียนอื่น
 ไม่รับผิดชอบ
แม่ง ตัวเองมีหน้าที่เป็นกรรมการก็ไม่รู้จักทำหน้าที่
คงคิดว่าพวกเด็กฝึกสอนมี ให้มันทำ ๆๆๆ
เออ ... กุก็ร้อนนะเนี่ย เหนื่อยก็เหนื่อย
แต่ครูบางคนก็ชมว่า
"ผ.อ โรงเรียนนี่ดีนะ ถึงจะไม่มา แต่ก็ยังส่งพวก
น้องๆฝึกสอนมาช่วยงานด้วย ทำให้พี่รู้สึกกระชุ่มกระชวย 
จริงๆนะจ๊ะ"

พวกกุตากแดดเปรี้ยงๆกัน จนแทบเป็นไข้
ครูโรงเรียนกุเป็นกรรมการตัดสินวอลเล่ย์ฯ เป่านกหวีด ปี๊ดๆๆ นั่น
เค้าเห็นพวกกุทำงานเยอะ เค้าเรยมาบอกกับกุว่า
"นู๋บลิว ต่อไปถ้าเห็นครูไม่ได้ตัดสิน ก็ให้ออกมาเรยนะ
ครูพวกนี้นิสัยเสีย เราช่วยเค้าตลอด เค้ามีหน้าที่กลับไม่ทำ"
ในใจกุนี่คิด
กรี๊ดดดด โอ้ว เย่ ดีจริงๆ ดีมากๆเรยค่า นู๋ปวดขาชิบหายแร้วค่า
แต่ปากก็พูดไปว่า
"แล้วมันจะดีเหรอคะ ถ้าพวกนู๋ไม่ทำ เค้าจะว่าหาว่าพวกฝึกสอนไร้น้ำใจ"
ปากดีจริงๆกุ
ฮรี่ๆๆๆๆๆๆ
ครูเค้าก็บอกอีกว่า
"ใครมันจะมาว่า ในเมื่อแบ่งหน้าที่กันแล้ว
ในสูจิบัตรก็บอกรายชื่อคนรับผิดชอบไปแล้ว"
พอกุไม่ได้เป็นกรรมการแล้ว กุจึงไปนั่งกรี๊ด เชียร์เด็กโรงเรียนกุ
แม่ง มันไม่มีใครกรี๊ดเชียร์นี่หว่า กุเรยไป กรี๊ดดดดดดดดด
จนคนอื่นเค้าหันมามอง ก๊ากๆๆ
กุกลัวเด็กไม่มีกำลังใจไง ( มันจะเล่นถดถอยเพราะมึงกรี๊ดเนี่ย )
ใครที่ยืนเชียร์ข้างๆกุ เห็นกุกรี๊ด แม่งมันเรยมายืนกรี๊ดคู่กุ
สะใจชิบหาย!
คงเป็นเพราะกุเก็บกดตั้งแต่เป็นกรรมการแร้ว
จะเชียร์ก็เชียร์ไม่ได้ เป็นกรรมการไง
ตอนกุยืนกำกับเส้นอยู่ ช่วงโรงเรียนอื่นมันแข่งกัน
กุเห็นเด็กผู้หญิงกลุ่มนึง มันกรี๊ดดดดดดด เวลาโรงเรียนมันได้แต้ม
พออีกโรงเรียนนึงได้แต้ม เด็กอีกกลุ่มนึงก็กรี๊ดดดดดด ให้อีก
ทำให้กุเผลอนึกไปว่า
อิดอก กุแสบแก้วหู มดกัดแตะ รึไง แสดดดดดด
แต่พูดไม่ได้ จึงต้องงึมงำๆ อยู่คนเดียว หมั่นไส้จริงๆ
กุได้ยินเด็กกลุ่มที่อยู่ใกล้ๆกุ มันพูดถึงฝั่งตรงข้ามว่า
"เห้ยๆ มีคนมองหน้าพวกเราว่ะ"
กุอยากจะบอกจริงๆว่า
"นี่มึงจะหาเรื่องกันไปถึงไหน ไม่ได้ตบกันนี่ ขี้ไม่ออกรึไง"
คงไม่รู้แร้วว่า ... กุนี่แหละ ผู้หญิงตอแหลรุ่นพี่พวกมึง!
กุเคยเป็นเด็กตอแหลมาก่อน ทำไมกุจะไม่รู้ว่า มันเป็นยังไง
แต่ในคราบของครูสาว กุก็ต้องทำเป็นยิ้มๆ โปรยความใจดี ครอบคลุม
ชิบหาย ถ้ากุอยู่กับเพื่อนๆ แร้วไม่ได้เป็นครูนะมึง!
แต่ก็ต้องทำใจ คิดซะว่า เด็กมันกะลังตื่นเต้นที่จะมีขน
ตอนนี้หน้ากุดำมาก จากเซเลอร์มูน กลายเป็นเปาบุ้นจิ้น ซะงั้น
กุอุตส่าห์ โบ๊ะครีมไปแทบหมดกระปุก ไหนจะใส่แว่นตา
ใส่หมวก ใส่เสื้อคลุม ให้มันปิดไปทั่วทุกอณูรูขุมขน
แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้กุดูดีขึ้นมาได้เรยซักกะนิด
เวลากินข้าว พวกป้าแม่บ้านถามหากุกัน
"บลิวไปไหนอ่ะ ไม่เห็นมันมากินข้าว ป้าอุตส่าห์ทำมา"
ฮั่นแน่ !!! แอบหลงรักกุแร้วล่ะเซ่
เวลากุกรี๊ดเสียงแห้ง ก็เอามะนาวมาให้กุเว้ยเฮ้ย น่ารักจริงๆ
กุกรี๊ดจนมีคนมาถามพวกป้าแม่บ้าน
"ป้าๆ ใครอ่ะที่กรี๊ดเสียงดังๆอ่ะ โห สุดยอด ทำได้ไง"
"อ๋อ เค้าเป็นครูฝึกสอนน่ะ มาเชียร์เด็กโรงเรียนเค้า"
555555555 อิจฉากุล่ะเสะ เอาเสียงเข้าสู้เว้ย
ถึงจะแพ้ก็ตาม
-"-
แม่ง กุเศร้า
วันสุดท้ายกุก็แหกขี้ตาตื่นไปโรงเรียน
ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานอีกเช่นเคย
กุไปด้วยความมึนๆ เบลอๆ ง่าวๆ ง่วงๆ แถมขี่รถหลับในอีก
โอ้ว เย่ เยะเป็ด มากๆค่ะ ทำได้ไงไม่รู้

ขากลับบ้าน กุขี่รถของกุอยู่ดีๆ อิรถเหี้ยคันนึงทำกุรมณ์เสีย
แม่ง กุไม่ได้ทำไรผิด เห็นมันช้า กุกะแซงมัน ถูกกฎจราจรแร้วนะ
พอมันแซงกุ กุก็ไม่ได้คิดไร ทีนี้เห็นแม่งช้าอีก
กุก็แซงมันไปอีก พอกุเข้าทางของกุแล้ว
อิรถที่มีคนขับสันดานควายนี่ แซงกุแร้วแม่ง เกือบเฉี่ยวกุ
ไอ่เหี้ย ไม่ชนกุให้ตายไปเรยเล้า สรัด!
แถมยังบีบแตรใส่กุอีก กุเกลียดชิบหาย อิพวกขับรถ แร้วบีบแตร
หนวกหู ... ขนาดม๋าตัดหน้ากุ กุยังไม่บีบแตรเรย
กุหมั่นไส้เรยรีบบิด แซงหน้ามัน มันก็บีบแตรใส่กุอีก
กุยอมรับว่า กุเป็นคนขี่รถกวนตีน แต่ตอนนั้นกุไม่ได้กวนตีน
กุไม่ผิด! กุขี่มาดีๆอยู่แล้ว กุไม่แน่ใจว่า ที่บีบแตรใส่กุ
เพราะกุเป็นเพศเมีย หรือเพราะว่า ต้องการกวนส้นตรีนกุ
แต่กุแช่งไปหลายร้อยคำแระ ไอ่สาดนี่ เมียไม่ให้ล่อรึไงวะ
เอิ้กๆ
กลับมาบ้าน กุก็นอนขึ้นอืด ก็ยังเสือกเพลียๆอยู่
ผ้าก็ยังไม่ได้ซัก งานก็ยังไม่ได้เคลียร์ โอ๊ย กลุ้มโว้ย
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า เย่ย อ่านว่า เย่ย แปลว่า พี่สาว
แต่งประโยค วันนี่เย่ยย่ะสอนน่องตังย่ะซาลาเปาหนาเจ้า
แปลอีกทีว่ะ วันนี้พี่จะสอนน้องตังทำซาลาเปานะคะ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ตกเย็นกุจึงไปนั่งแด๊กมู๋กะทะสบายใจ สบายพุง
ความกลุ้มจะได้ย่อยลงในพุงปลิ้นๆของกุให้หมด สะใจ!
( กว่าผิวกุจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ไม่หมดครีมเป็นถังๆเรยเหรอวะเนี่ย )
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กุแสบหน้าโว้ย

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2548

รู้ไม๊ ... กุลูกใคร ?

สมัยกุสาวๆช่วงที่อยู่ประมาณ ป. 5 - ป. 6
กุจำได้ว่า เพื่อนๆในห้อง แม่งมันล่อ เอ้ย! ล้อชื่อพ่อชื่อแม่กัน
บางครั้งถ้ามันเบื่อ ชื่อพ่อชื่อแม่ มันก็จะไปสืบเสาะ
หาชื่อของโคตรเหง้าศักราชมาจนได้ ถึงแม้จะตายห่าตายโหงไปแล้ว
แม่งก็ยังเสือกจะขุดมาได้อีก
กุยังจำได้ว่า สมัยกุ ตอนมันฮิตๆ สุดขีดนี่
ก็คงตอนกุอยู่ ป. 6
แรกๆกุก็มึนๆ โง่ๆ เบลอๆ ไปหน่อย
จู่ๆ เพื่อนมันเสือกเดินมาหากุ แระก็แม่ง มาพูดต่อหน้ากุว่า
เพื่อน : อุทัย!
กุ : อ่าว สัดดอก เรียกชื่อพ่อกุทำไม ?
แต่กุก็ไม่ได้สนใจอะไร กุไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เทรนด์ด่าพ่อล่อแม่
มันเสือกฮิตขึ้นมา ในตอนนั้น
จนมันเริ่มจะเข้ามาประทับโสต กุบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น
กุเห็นแม่ง เพื่อนกุโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
( ถ้าเพื่อนคนไหนหน้าดำ เวลาโกรธจะออกเขียวๆ )
เอิ้กๆ
กุว่าใครล้อชื่อพ่อชื่อแม่ มันไม่เห็นจะน่าโกรธตรงไหน
แต่พอเห็นเพื่อนมันเสือกโกรธ กุกะเลยโกรธบ้าง
อ่าว ... ซะงั้น
คือแบบว่า ไม่อยากตกเทรนด์ไง หิหิ
ก็ไม่รู้ทำไมว่ะ ทำไมตัวกุต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นด้วย
ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ไปสะกิดต่อมอะไรภายในร่างกายซักหน่อย
แล้วปฏิบัติการ สืบค้นประวัติ ขนาด google ที่ว่าเจ๋ง
ก็ยังแพ้ราบคาบ นั้น ก็เริ่มขึ้น
กุงงว่า เพื่อนแม่งไปหาชื่อพ่อแม่ คนในห้องมาจากไหน
อาจจะไปหาที่ สมุดเรียกชื่อ หรือสมุดพก หรือประวัติห่าไรก็ช่างแม่ง
แต่โคตรอัจฉริยะจริงๆว่ะ กุว่าเนี่ย เสือกไปหาเจอจนได้
โตไปคงต้องให้ไปเป็นหน่วยพิสูจน์กลิ่นท่าจะดี อนาคตรุ่ง!
เมื่อมีคนเริ่มโกรธ เริ่มแก้แค้น คิดหาชื่อพ่อแม่มาล้อกัน
ทุกอย่าง ก็มันส์พะย่ะค่ะ
การล้อชื่อพ่อชื่อแม่ ถ้าเสือกล้อกันโต้งๆ ก็จะไม่เริ่ด
แม่งก็ต้องหาวิถีทาง ที่จะให้เพื่อนมันแค้นใจให้ได้มากที่สุด
อดีตเพื่อนคนนึง ( ก็เคยเป็นเพื่อนแต่ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันอีก จึงเป็นอดีต )
พ่อมันชื่อ ประสิทธิ์ แม่ชื่อ ยัยน้อย
กุก็ชอบไปล้อมันว่า
กุ : เห้ยๆ มึง เห็นรถคันนั้นป่ะ กุว่าประสิทธิภาพ!ของคนขับรถคงน้อย!อ่ะ
วะฮะๆ กุหัวเราะด้วยความสะใจ ส่วนมัน ถลึงตาใส่กุ จนแทบถลน
น่ากัวมั่ก -"-
แต่มันก็โดนกุซัดซะ 1 ดอก สะใจเหี้ยๆ
อดีตเพื่อนอีกคน ผู้ซึ่งมีชื่อพ่อกับชื่อแม่ สามารถ
นำมาแต่งประโยครวมกันได้ เหมือนอดีต เพื่อนคนแรก
พ่อมันชื่อประโยชน์ แม่ชื่ออำนวย 2 คำ นี้ จะอยู่ในหนังสือหลายๆวิชา
มันก็โดนพวกเพื่อนๆในห้องรวมทั้งกุ ซัดซะ ในเวลาที่อาจารย์
ให้อ่านข้อความในหนังสือ เช่น
"เครื่องปรับอากาศ สามารถ อำนวยประโยชน์! ให้เราคลายร้อน"
ถ้ากุเป็นมัน กุคงช้ำใจตายห่า เพระแม่ง วิชาไหนๆ ก็มีแต่ชื่อพ่อแม่มัน
พ่อแม่อยู่บ้านเฉยๆ คงสำลักชักดิ้นชักงอไปแระมั้ง
ส่วนกุ เวลาโดนล้อชื่อพ่อแม่ ก็จะรู้สึกโกรธชิบหายอยู่เหมือนกัน
( ก็บอกแล้วไง ไม่อยากตกเทรนด์ )
กุจึงต้องหาวิธีปรับเปลี่ยนซะใหม่
จากที่เคยโกรธๆ เคืองๆ ก็เปลี่ยนมาเป็น
เพื่อน : อุทัย!
กุ : อะไรนะ กุหน้าเหมือนสาวแดน อาทิตย์อุทัยเหรอ
ดีจังๆ มึงเป็นเพื่อนที่น่ารักมาก
เพื่อน : สุนันทา!
กุ : อุ๊ยตายแระ สุนันทา นี่เป็นชื่อของเมียพระอินทร์นะมึ๊ง
แสดงว่า ยกให้พ่อกุเป็นเหมือนพระอินทร์ด้วยเหรอ กรี๊ดๆ ขอบใจนะคะ
หน้าด้านมาก !
แก้ไปด้วยน้ำขุ่นๆ สุดๆ แต่ก็สามารถกู้หน้ามาได้นิดหน่อย
เพราะเพื่อนจะรู้สึกอึ้ง และหันกลับมาพิจารณา
ตัวเองว่า นี่กุต้องหาวิธีใหม่ๆมาล้อมัน แร้วเหรอวะเนี่ย
ปล่อยให้มันแป้กไป สมหน้ามึง!
สมัยที่อิโบว์น้องกุเรียนอยู่จุฬาภรณ์ฯ ในช่วง ม.ต้น
( แม่งเรียนเก่งว่ะ สัดนี่ อิจฉา )
มันเคยเล่าให้ฟังว่า เด็กเรียนเค้าก็ล้อชื่อพ่อชื่อแม่เหมือนกัน
ถ้าเพื่อนมันจะล้อชื่อพ่อ มันก็จะทำเสียงไอ
"ไอ ไอ ไอ ไอ ไอ ถุ"
~ อุทัย ~
... หรือเวลา ...
น้องกุมันอยากจะล้อชื่อแม่ของเพื่อนมันก็จะพูด
ประกอบเหตุกาณ์บางอย่าง
"โห่ อย่าทำงี๊สิ มีไรทำไมไม่บอกกัน มันคา คา คา คา คาทะลีแย็ท"
~แคทลียา~
-"-
จำได้ว่าสมัยที่เรียนมัธยม กุกับเพื่อนเคยตั้งชื่อทีมแข่งวอลเล่ย์ฯ
ว่า "ไข่จูเนียร์"
จริงๆแล้ว "ไข่" เป็นชื่อของยายเพื่อนกุ
แล้วพวกกุไม่รู้จะตั้งชื่อทีมว่าไรแล้ว
เรยลงมติเป็นเอกฉันท์กัน
"เอาวะ เอาชื่อยายไข่ ยายมึงเนี่ยแหละ"
เวลาทีมกุได้แต้ม จะมารวมพลังกัน "ไข่จูเนียร์ สู้โว้ย!"
บางทีกุก็เคยเผลอเหี้ยออกมาเหมือนกัน
ตอนที่แม่ของเพื่อนมารับมันกลับบ้านในช่วงเลิกเรียน
เพื่อนกุมันชื่ออิตุ๊ก แม่ชื่อ สายหยุด
ตอนแรกกุจะเรียกมันว่า "เห้ย ตุ๊กๆๆๆๆ พรุ่งนี้เจอกัน" ประมาณนี้
สรัดแม่ง !!!!
กุเสือกไปเรียกด้วยเสียงอันดังว่าต่อหน้าประชาชี
"หยุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พรุ่งนี้เจอกัน"
แว้กกกกกกกกกกกกกกก
กว่ากุจะรู้ตัวก็สายซะแร้ว แม่มันบอกว่า โห่ เล่นงี๊เรยนะ
พลาดอย่างแฮง! กุพลาด แม่ง เชี่ยมาก
ฉะนั้น เวลาจะล้อชื่อพ่อแม่เพื่อน กุต้องระมัดระวัง ระแวง
และทำสมองมีสมาธิที่สุด
( หูยยย อิเว่อร์ )
ไม่งั้น ... อาจพลาด ตายอย่างเขียด เฉียดนรก ( แด๊ก กบาล )
เหมือนตอนล้อชื่อแม่อิตุ๊กได้
บางครั้ง การสืบค้นข้อมูลของเพื่อน กุก็แอบไปถามไถ่คนในครอบครัวมัน
เช่น อดีตเพื่อนกุมันชื่อไอ่หนึ่ง มันมีน้องชาย เรียนอยู่ ป. 1
เสร็จกุ!
"ไนท์ๆๆ พี่ถามไรหน่อยดิ่คับ แม่ไนท์ชื่อไร"
"แม่ชื่อประจบคับพี่บลิว"
นั่นไง
จะเอาเหี้ยไรกะเด็กเล็กๆ ฟันหลอๆได้เล่า
หลังจากนั้น
ยัยประจบก็ต้องนั่งสำลักอยู่ที่บ้านโดยไม่รู้สาเหตุ ซักนิด
เหตุที่กุมารำลึกถึงเรื่องราวในอดีตชาติอันยาวนานนี่ได้
เพราะกุได้ยินเด็ก ป. 2 แม่ง ล้อชื่อพ่อแม่กัน
"ยายแดง แม่ไอ้อั๋น ยายแดงแม่ไอ้อั๋น"
แล้วมันก็วิ่งไล่ตีกัน กุก็เลยคิดในใจว่า
พวกมึงไวไฟกันมากๆเลย ตอนกุล้อนี่
กุอยู่ ป. 6 แต่มึงอยู่กันแค่ ป. 2 นี่มึงเสือกล้อชื่อพ่อแม่กันริ้วเหรอ ?
บางครั้งนึกไปมันก็ตลกดี ที่เคยผ่านเหตุการณ์บ้าๆอย่างนั้นมา
มันคงเป็นช่วงเวลาที่กุเริ่มแก่ หนังหนาปานหนังแร่ด ขึ้นมาทุกทีๆ
จนถึงบัดนี้ กุก็ยังไม่เข้าใจว่า การล้อชื่อพ่อแม่ มันน่าโกรธตรงไหน
หรือคงเป็นเพราะมันดูเหมือนการไม่ให้เกียรติ
หรือรังแกบุพการี ทางอ้อม อันนี้ไม่ทราบได้
( อ้อ ! แล้วก็ไม่ต้องเสือกล้อชื่อพ่อแม่กุเพราะเห็นว่ากุไม่โกรธนะ ครวย )
แต่อย่ามาขึ้น อี ขึ้น ไอ้ กับชื่อพ่อแม่กุแล้วกัน สัด กุจะตบกะโหลกให้
ตอนเด็กๆ นอกจากจะล้อว่าไอ่นั่นแฟนอินี่ แล้ว
เรื่องล้อชื่อพ่อแม่ ก็เป็นเรื่องสุดฮิต ติดเทรนด์ ของเด็กๆกันเลยว่ะ
... ขอบอก ...
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ครัวไฟ อ่านว่า ครัว - ไฟ แปลว่า ห้องครัว
แต่งประโยค บลิวๆ ไปยิ๊บมีดตี้ครัวไฟ ฮื่อแม่กำดุ๊
แปลอีกทีว่ะ บลิวๆ ไปหยิบมีดในห้องครัวมาให้แม่หน่อยซิ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ถึงอิโบว์น้องกุ กุมีไรจะบอกมึงว่ะโบว์
"อุทัย! & สุนันทา!"
วะฮะๆ เป็นไงล่ะมึงๆ ก๊ากๆๆ
( อ่าวเวร พ่อแม่เดียวกัน )
- -!

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2548

ของรัก ... ของข้า!


กุมีผ้าเช็ดตัวอยู่ผืนนึงเก่าแร้ว
สีชมรู เอ้ย! สีชมพู
อิผ้าเช็ดตัวของกุผืนนี้ แม่ง กุโคตรผูกพัน
ไม่รู้ทำไม กุจำไม่ได้ว่า กุเริ่มใช้มันครั้งแรกเมื่อไหร่
เพราะกุความจำสั้น
แต่กุชอบใช้มาก ถึงมากที่สุด
ลักษณะของผ้าแสนรักของกุ คือ
มีแต่คราบเหี้ยไรก็ไม่รู้ววว เต็มไปหมด ทั้งๆที่กุกะว่ากุซักริ้วนะ
เอ๊ะ ... หรือจะเป็นคราบน้ำเหลืองของกุวะ
- -"
สีแม่งกระดำกระด่างอย่างแรง แต่กุก็ยังชอบใช้มัน
พ่อกะแม่ ก็ชอบบอกให้กุเปลี่ยน ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่
แม่บอกว่า แม่ซื้อมาให้ ทำไมไม่เอาไปใช้ ทำไมต้องใช้อิตัวเก่าๆนี่ด้วย
ไม่อายเพื่อนบ้างเหรอ ? เวลาเพื่อนมาบ้านแล้วเห็นเรา
นุ่งผ้าเช็ดตัว โสโครกนี้น่ะ
( แม่แม่งพูดงี๊ได้ไง กุแซ๊ดมาก ว่าผ้ากุ๊ )
กุเคยบอกแม่ว่า
"ไม่ซักนิด ไม่เห็นจะอายซักนิด ลองเพื่อนมาว่ากุเรื่องนี้สิ กุจะถีบให้"
กะกุชอบว้อยยยย ใครจะทำไมกุเล๊า
เวลาเด็กนักเรียนโทรมาหากุ พอกุวางสายจากนักเรียนกุปุ๊บ
พ่อก็จะพูดลอยๆประมาณว่า
"รักครูบลิว โทรหาครูบลิวนัก อยากให้มาเห็นผ้าเช็ดตัวครูบลิวจังเร๊ยยยย"
ดูพ่อกุสิคะ ... ซ้ำเติมกุขนาดหนัก ประจานลูกว่าใช้ของเน่า
แม่ง ผ้าผืนนี้ มันเช็ดตัวได้ดี แร้วมันกะนุ่งสบายเวลากุออกจากห้องน้ำนี่หว่า
พ่อกะแม่กุ เคยจะเอาผ้าผืนนี้ไปทิ้งหลายครั้งแระ
แม่ชอบขู่ว่า "โอ๊ย เห็นแล้วอยากเอาไปทิ้ง ทนใช้ไปได้ไงเนี่ย"
แต่กุเสือกไปเห็นซะก่อน กุนี่ วีนแตก
แม่งก็ผ้าแสนรักของกุนี่ กุไม่ยอมร๊อก เชอะ!
มีอยู่วันนึง พ่อเอาผ้าเช็ดตัวของกุ ไปพาดไว้กับกระโปรงรถ
แม่ง ... กุเคียงมาก พ่อจะเอาไปไว้เช็ดรถ
ทำงี๊ได้ไงวะ กุเจ็บใจมั่ก กุกะบอกว่า
"พ่อออออออออ ห้ามเอาไปทำที่เช็ดรถนะ นั่นมันผ้าที่นู๋รักน๊า
ห้ามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
แร้วพ่อกุก็ทำเป็นเอาพาดไว้อย่างนั้น
แร้วบอกว่า "พ่อเอาไปตากให้ไง๊เห็นมันเปื่อย เน่าอยู่ในบ้านน่ะ"
กร๊ากกกกกกกกกกก ... พ่อหัวเราะเยาะกุ
กุนี่ เซ็งเรย แม่ง ทะมัยต้องให้กุใช้ของใหม่
ถึงมันจะโสโครก มาก แต่กุก็ซักบ่อยๆ และกุไม่ชอบใช้ผ้าผืนอื่น
บอกไม่ถูกเหมือนกัน ... ชะรอยจะเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ปางก่อน ...
กุบอกเค้าไปตั้งหลายครั้งแล้วว่า ไม่ชอบใช้ผืนอื่น
กุชอบใช้ผื้นนี้ๆๆๆๆๆ แม่งก็จะเอาผ้ากุไปซ่อนเว้ย
กุงงมาก เห้ย แร้วจะเอาไปซ่อนทำไมอ่ะ
รังเกียจผ้าของกุขนาดนั้นเชียว ?
เมื่อวันก่อน
ป้ากุมาจากแพร่
ด้วยความที่ป้าเป็นคนที่ชอบจัดนู่นจัดนี่
กุกลับจากสอนเด็ก เข้าบ้านมา
ไอ่เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ป้าตัดผ้าเช็ดตัวกุ๊ ตัดแม่งขาดหมดเรย แร้วเอาไปเป็นผ้าเช็ดตรีน!
โดยให้เหตุผลว่า
"มันเก่าแล้วอ่ะ ป้าไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรนอกจากทำแบบนี้"
"วะฮะๆๆๆๆ"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เวร เวรของกุ โอ๊ยแม่ง กุเศร้ามาก เสียใจอ่ะ แม่ง
กุเดินไปดูเศษเน่าๆ ของผ้าแสนรัก ฮือๆ
ป้านะป้า ทำก่ากุได้
กุอุตส่าห์ ห้ามพ่อ ห้ามแม่ ห้ามใครๆ มาเอาของกุไป
ห้ามไม่ให้ใครเอาไปซ่อน หรือเอาไปทิ้ง
ก็กุรักของกุนี่
สุดท้าย แม่ง มาตายห่า เพราะป้ากุ๊
แง้ อารมณ์เศร้าอย่างรุนแรงสิกุ
ใครไม่มีของที่รัก และผูกพัน คงไม่รู้หรอกว่า
กุเศร้าแค่ไหน บอกไม่ถูกว่ะแม่ง
อิห่า เวลาเค้าบอกว่า ผ้ากุโสโครก หรือผ้ากุเป็นดำเป็นด่าง
กุแม่งก็เอาไปซัก ซักแล้วซักอีก
ไอ่คราบมันก็ไม่หาย แต่ความหอมสะอาดสดชื่น
มันมีนะเฟร้ย
ภายนอกอาจะดูซกมก แต่ขอโทษมันสะอาดนะมึง!
ตอนนี้ ในใจยังถวิลหา แต่ผ้าผืนเก่า
ใช้ผ้าผืนไหน ก็ไม่สุขใจเท่าผืนเก่า
ท่าทางกุจะประสาทแด๊กนะเนี่ย แค่ผ้าผืนเดียว
กุทำไมต้องเป็นขนาดนี้วะ ไอ่สาดดดดดดด
ขอไว้อาลัยแด่ผ้าแสนรักของกุ
รัฐบาลยังมีคำว่า
"จากรากหญ้า ... สู่รากแก้ว" เลย
แร้วทำไมกุจะมีคำว่า
"จากผ้าเช็ดตัว ... สู่ผ้าเช็ดตีน"
บ้างไม่ได้
ไอ่ห่า แม่งเสียดาย ยังใช้ได้ดีๆ ไม่น่าเล๊ย
ของรักของกุ๊ อนาถแท้ๆ
-"-
( กรุณาอ่านออกเสียงชื่อเรื่องตาม เสียงของกอลลั่ม )
แร้วจะได้อรรถรส เหี้ยๆ เรย
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ต้ง อ่านว่า ต้ง แปลว่า นา , ทุ่งนา
แต่งประโยค วันนี่ย่าไปต้งมา อิ๊ดขนาดเจ้า
แปลอีกทีว่ะ วันนี้ย่าไปทุ่งนามา เหนื่อยมากเรยค่า
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล แหยม ยโสธร แม่งอย่างฮา ใครไม่ได้ดูรีบไปดูซะ กวนตีนดี
อ้อ ถ้าใครเส้นลึกเกิน มึงไม่ต้องไปดูหรอก นั่งชักว่าวเล่นที่บ้านดีกว่าค่ะ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2548

วันที่กุ ... ป่วย!

กุป่วย ป่วยจริงๆ ป่วยแบบที่เค้าป่วยกัน
กุเป็นไข้ อย่างหนัก! เป็นมาตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่แล้ว
ที่รู้สึกได้ว่า ร่างกายแม่งโคตรอ่อนเพลียเรย
แระมันก็เป็นติดต่อกันมาเรื่อยๆ ด้วยความที่กุไม่ค่อยได้พักผ่อน
( จริงๆแล้วเวลาพักมีเต็มที่ แต่กุห่วงแร่ดออนไลน์มากไปหน่อย )
แต่ในความรู้สึกกุ กุก็ว่ากุพักผ่อนแล้วนะ แต่แม่ง
ทำไมมันถึงได้ไม่หายซักที อาทิตย์ที่ผ่านมา กุก็ว่า
ตัวกุนอนเร็วแล้วนะ ยากุกะแด่ก แล้วทำไมมันไม่หายซักทีวะ
ไปโรงเรียน ก็ไปกระเสาะกระแสะ น่าถีบตัวเองมาก
ถ้ากุถีบตัวกุได้ กุถีบไปนานแระ หมั่นไส้!
โคตรอ่อนแอ ไปฟุบหลับที่ห้องครูพี่เลี้ยง
เด็ก ป. 2 มันก็พูดๆกัน
"เห้ย อย่าดังๆ ครูบลิวหลับครูบลิวไม่สบาย อย่ากวนครู"
แม่งน่ารักว่ะ มันยังห่วงกุ เห้อ แอบดีใจลึกๆ
พอมาถึงวันกีฬาสี กุก็ไม่เต็มที่เลย มัวแต่ป่วยเนี่ยแหละ
ไอจนปวดหัว คงเป็นเพราะอากาศเปลี่ยน
ชิบหายแม่ง ก็จู่ๆ ฝนก็ตกช่วงนึง แร้วอีกวัน แดดแม่งก็เสือกออก
แดดแรงมาก แรงจนเผาขากุดำเกรียม ทุเรศและอุบาทว์
จนพอถึงวันศุกร์ ตอนกลางคืน กุรีบเข้านอน
ปรากฏว่าไข้แด่กค่ะไข้แด่ก นอนซม ก่อนหน้านั้น
อาบน้ำ ยังไม่พอ เสือกไปสระผม
( แระกุจะรู้แมะ ว่าจะมานอนซม )
จนย่าต้องเช็ดตัวให้กุ แม่งจะว่าไปแระ ก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
ใครมาจับหน้าผาก ก็บอกว่าไม่เห็นร้อนเลย
อีกแระๆ จะว่ากุตอแหลอีกสิ ว่ากุป่วยน่ะ
จริงๆแล้วตัวกุร้อนมาก หายใจออกมาก็ร้อน
ตอนย่าเช็ดตัว ย่าจึงได้รู้ว่า เออ ตัวกุร้อนจริงๆ
แม่ง กะกุบอกริ้วววว ว่ากุบ่ได้ตอแหลๆๆๆๆ
เวลาไอ ก็รู้สึกได้ว่า มันร้อน เจ็บคอก็เจ็บ
ไอ่บิวแนะนำให้กุอม "ซีพาคอล"
กุจึงทอสับบอกแม่ ก่อนแม่กลับบ้านว่า
"แม่จ๋าซื้อซีพาคอลมาด้วยเด้อ"
แร้วแม่ก็ซื้อมาให้กุ มันก็ค่อยยังชั่ว แต่ก็ยังไม่หายไอ อยู่ดี
แม่กุบอกว่า "บลิวไปหาหมอกัน ปล่อยไว้อย่างนี้ มันจะยิ่งไปกันใหญ่"
ตอนนั้นกุกะลังรมณ์เสียเพราะพิษไข้เหี้ยนี่ ทำกุบ่จอย
รู้สึกว่ามันไม่มีเรี่ยวแรง กุจึงไม่ไปหาหมา เอ้ย! หาหมอ
เยะเป็ดเต๊อะค่ะ กุจะเอาแรงที่ไหนเปลี่ยนเสื้อผ้าไปโรงบาลวะ
จนกระทั่งวันเสาร์ ก็ครั่นเนื้อครั่นตัว โอ๊ยแม่ง
โคตรมีความสุขเรยกุ เวงแท้ๆ นอนซมแม่งตลอด
เป็นไข้เหี้ยนี่ ฮึ่มๆๆ ฝากไว้ก่อนเหอะมึง ชิห์
ช่วงบ่ายๆ กุให้แม่พาไปหาหมอที่ รัตนเวช เพราะอยู่แถวๆบ้านกุ
ตอนนี้ครอบครัวกุเซ็งก่าโรงบาล พุทธฯ เพราะรอโคตรช้า
เด๊วเดี้ยงซะก่อน จะได้เจอหน้าหมอ อย่างว่า โรงบาลรัฐบาลนี่หว่า
รอนานชิบหายชัวร์ ถ้ากินควายเข้าไปกว่าจะได้ตรวจ ควายคงย่อยไปแระ
เด๊วนี้กุจึงไปแต่โรงบาลเอกชน ป๊าว ไม่ได้รวยเหี้ยไร
แต่มะต้องรอควายย่อย ก็เจอหน้าหมอริ้วว
ตอนไปก็ไปบอกชื่อ นามสกุล เค้า มะต้องทำบัตรใหม่ เพราะกุเคยมา
แม่งพยาบาลถามกุว่า เป็นอะไรมาคะ
อ่าว ... แร้วกุจะรู้แมะ ว่ากุเป็นอะไร
จริงๆแล้วแม่งก็น่าจะถามว่า มีอาการยังไงคะมากกว่า
หลายทีแระ ที่โรงบาลหรือคลินิกหรือเหี้ยไรพวกนี้
มันถามแนวๆนี้ ว่าเป็นอะไรมา
ถ้ากุรู้ กุคงหายาแด่กเองแระ ไม่ต้องมาง้อโรงบาลหรอกมั้ง
แระกุก็บอกอาการเค้าไปว่า "ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเป็นไร
แต่มันมีอาการไอตลอด แล้วก็ปวดหัวตัวร้อน"
จากนั้นก็ไปวัดความดัน แระก็อมจู๋ เอ้ย! อมปรอทใต้ลิ้น
-"-
แระเค้าก็ให้กุนั่งรอ กุกะนั่งรอก่าแม่ วันนี้คนไข้เยอะมั่ก
มีแต่ไอ ค๊อกๆ แค๊กๆ กันทั้งนั้น ยังกะโรงบาลผู้ป่วยวัณโรค
กุก่าแม่ก็นั่งดูทีวี ของโรงบาลฆ่าเวลาที่เค้าจะเรียกชื่อกุเข้าไปตรวจ
กุก่าแม่นั่งหันหลังให้ทีวี เวลาดูทีวี จึงต้องหันคอดู ชิบหาย ปวดคอ
ดูไปดูมา ไอ่คนข้างหน้ากุ แม่งเสือกหันหน้ามา จ๊ะเอ๋
กุแม่งโตะจายมาก อ่าวไอ่เหี้ย หันมาทำหอกไร ใกล้หน้ากุเรย
เวงแท้ๆ หน้าโคตรหื่น
แร้วแม่ง ก็มองหน้ากุอยู่งั้นอ่ะ กุคิดในใจ ไอ่ห่านี่แม่งไรของมัน
แต่กุไม่ได้สนใจไรมาก เพราะพยาบาลเรียกชื่อกุ ไปรอหน้าห้องตรวจ
ซักพัก ไอ่หน้าหื่นนั่นก็โดนเรียกชื่อ
ไปนั่งรอหน้าห้องตรวจ มันก็มานั่งใกล้ๆกุ๊
ก่อนหน้านั้น มันเดินผ่านหน้ากุไป แม่งก็มองตางี๊เยิ้มมมมม
ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นไข้เหมือนกุ กุคงคิดว่า ห่านี่อ่อยเหยื่อกุแหง
ตาหวานเยิ้ม เพราะพิษไข้ หรือเพราะอะไรไม่อาจเดาได้
แม่งแก่ก็แก่ ขอเหอะว๊า ให้กุรมณ์ดีๆ ตอนเป็นไข้ได้มะ
พอมานั่งใกล้ๆกุ มันก็หันหน้ามามอง แต่กุเห็นทางหางตา
กุไม่กล้ามองหน้ามันเต็มๆ กุเห็นแระ
ในใจแม่งภาวนา เมื่อไหร่มึงจะไป ๆๆๆๆ
กุกะมันรอหมอคนละห้องกัน แต่ที่นั่งมันติดกัน ซวย
ติ๊งงงงงงงงงงงง
เสียงห้องตรวจที่กุรออยู่ดังขึ้น พยาบาลเรียกชื่อกุ
กุจึงได้เข้ามาตรวจก่าหมอ ดีใจจัง ถ้าอยู่นานกว่านี้
ไอ่หื่นนั่นคงต้องข่มขืนกุทางสายตาจนเสร็จหลายรอบแระแน่ๆ
หมอถามอาการกุ กุกะตอบหมอไป
แร้วหมอก็บอกว่ากุมีไข้ เด๊วจะจัดยาให้ไป อู๊ยยย
ตอนแรกกุคิดว่าตัวกุแม่งจะโดนฉีดยาซะริ้ววว
แต่ก็ไม่โดนแฮะ เอิ้ก ดีใจ
จากนั้นก็ไปรับใบเสร็จ แร้วรอรับยา

พอรับยาเสร็จ กุบอกแม่ว่า
กุ : แม่ๆ เห็นเภสัชที่นู๋ไปรับยาเมื่อกี๊ป่ะ
แม่กุ : อืมเห็น ทำไมเหรอ?
กุ : เสียใจอะแม่  เกย์ชัดๆเรยแม่ แง้
แม่กุ : อ่ะหืมมม ฮ่าๆๆๆ ก๊ากๆๆๆๆ ไมน่าเชื่อเนาะ
กุ : แม่ก็คิดดูเด้ นู๋อุตส่าห์หมายตาไว้ แม่งพอได้คุยปุ๊บ เกย์ออกเรยแม่
เซ็งว่ะ แม่ง ทำไมโลกต้องเบี่ยงเบนด้วยวะ แซ้ดด มาก
แร้วกุก่าแม่ก็ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดแระกลับบ้าน
ค่ำๆ กุเริ่มแย่แระ กุกะกินข้าว กินยา กำลังจะอาบน้ำ
ย่าก่าแม่บอกว่า
"เห้ยจะอาบได้ไง เช็ดตัวก็พอมั้งไม่ต้องอาบหรอกเป็นไข้อ่ะ"
โว้ว กุจะทนได้ไงเล๊า แม่งไม่ให้กุอาบน้ำ ก็เน่ากันพอดี
กุไม่ยอมเช็ดตัวอย่างเดียว กุยังยืนยันว่ากุจะอาบน้ำ
ย่าเรยบอกว่า ถ้าจะอาบน้ำต้องผสมน้ำอุ่น
เพราะเค้าว่ากันว่า ถ้าตัวร้อน ห้ามอาบน้ำเย็น ให้อาบน้ำอุ่น
กุเรยต้องเอาน้ำร้อนมาผสมน้ำเย็นอาบ วู้ ไม่ใจ!

อาบน้ำเสร็จ ก็ขึ้นนอน
แม่ง นอนไงก็นอนไม่หลับ ครั่นเนื้อครั่นตัวอีกแระ
ปวดหัว ตัวร้อน เอาอีกสิมึง เอาอี๊กกก ซวยของกุมาก
ย่ากุเรยเช็ดตัวให้ เออนะ ค่อยเบาตัวหน่อย เรยพอหลับได้
ตอนแรกเอาแผ่นเจลคูลฟีเวอร์มาแปะหน้าผาก
แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเรยวะ ห่า ซื้อมาเปลืองเงินชิบหาย
ไม่ได้ช่วยกุเรย เวรจริงๆ
อิไข้หอยหลอดนี่ ก็ยังไม่หายซ๊ากที มันชอบทำให้กุตายใจ
ช่วงกลางวันมันจะดีขึ้น แต่ช่วงกลางคืน แม่งจะต้องตัวร้อนทู๊กที
ครั่นเนื้อครั่นตัว แกล้งไม่ให้กุหลับอีก แม่ง ทรมานสุดๆ
กุต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกทุกคืน ไม่ได้โดนผีหลอก
แต่เพราะพิษไข้ จนถึงวันนี้ วันจันทร์ กุต้องให้แม่
โทรไปลา ผ.อ ให้ ขอลาป่วย เพราะกุคงไปไม่ไหว
ถ้าไป เด็กแม่งคงติดไข้กุเป็นพรวนแน่
แม่ง ไม่ให้ติดได้ไง มันชอบมากอดกุจะตายห่า
มากอดกันทีเป็นพรวนจริงๆ กุเรยต้องเลี่ยง
ไม่ไปแม่งเรย วะฮะๆ ดีใจดีไม๊นี่กุ๊ วู้ เซ็งว้อย

ขอมอบเพลง "วันที่ฉันป่วย" ของอาร์มแชร์ ให้ย่ากุ พ่อกุ แม่กุ
ขอบคุณที่ดูแลกันเจ้า
รักนะ จุ๊บๆ
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ยู อ่านว่า ยู (ออกเสียงนาสิกด้วยว่ะ) แปลว่า ไม้กวาด
แต่งประโยค บลิวไปยิ๊บยูฮื่อแม่กำย่ะเอามากวาดบ้าน
แปลอีกทีว่ะ บลิวไปหยิบไม้กวาดให้แม่หน่อยจะเอามากวาดบ้าน
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล อย่าคิดว่าเป็นไข้แร้วกุยังเสือกมาอัพบล็อก จริงๆแล้วกุตื่นมาแด่กข้าว แด่กยา
นี่กุรอเวลาแด่กยา ครึ่งชั่วโมง จึงมานั่งแร่ดอัพบล็อกพลางๆ
อ้อ ... ลืมไป ไอ่บิว ถ้ามึงมาอ่าน กุจะบอกมึงว่า
ถึงพ่อกุบ่ได้เอากล้องไป กุกะเอาไปให้มึงบ่ได้ เพราะกุเดี้ยงว่ะ
ไงกะขอโทษด้วยนะ ที่รับปากมึงไว้แร้ว แต่กุเสือกไม่ได้เอาไปให้มึง

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2548

ตบะ ... แตก


เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วอินุ่น เพื่อนกุ
มันโทรมาหากุตั้งแต่เช้ามันบอกว่า ให้กุไปหามันที่บ้าน
มันซื้อขนมมาฝาก
( จริงๆแล้วกุรู้ว่ามันอยากให้กุไปหาเพราะจะได้ไปส่งมันขึ้นรถไปตาก )
เชอะ! คิดว่ากุไม่รู้เหรอ แต่กุก็ไปนะ เอิ้ก
อยากได้ขนมไง ฮ่าๆ กุไปบ้านมัน
กุเห็นว่า พี่สาวมันมีสูตรลดน้ำหนักจริงๆแล้ว
ไอ่สูตรลดน้ำหนักเหี้ยไรนี่ กุเคยมีนะแต่กุไม่เคยคิดจะทำ
เพราะแม่ง เมนู ในตารางแต่ละวันนั้น
หายากชิบหายมันคงเป็นสูตรของฝรั่ง
กุจึงขี้เกียจพอกุลองขอสูตรดู มันก็ค้นๆๆให้กุ
พอกุได้มากุก็แวะเอาสูตรลดอ้วนนี่ ไปให้ไอ่บิว ที่บ้าน
ไอ่บิวแม่งก็พิมพ์ๆๆๆ กุนึกว่าแม่งจะเอาจริง อิเวร
ที่ไหนได้ เสือกบอกว่า กุไม่เอาแล้วว่ะ กุทำไม่ได้
สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
งี๊กุก็ฉายเดี่ยว ทำเอง ทดลองเอง คนเดียวดิ่วะ
ก็ด๊ายยยย ... คิดได้ดังนั้น วันอาทิตย์กุแด่กเรียบ!
แด่กทุกอย่างที่ขวางหน้า แด่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วอ้างเหตุผลว่า พรุ่งนี้วันจันทร์ กุจะลดความอ้วนฮรี่ๆๆๆๆ
คนที่บ้านตราหน้ากุไว้ว่า
"จะลดได้เร๊อออออ เห็นว่าจะลดๆๆ ไม่เคยลดซ๊ากที"
แม่ง เหมือนโดนถีบยอดหน้าจนหงายหลัง ยังไงมิรู้ววว
พอวันจันทร์ กุก็มานั่งพินิจพิจารณา
สูตร หรือตารางลดหุ่นนี่
เอ ... วันนี้ กุต้องกินอะไรวะ ?
กุก็นั่งอ่านตารางนี้อย่างพิถีพิถัน
ในใจแม่งก็คิด ชิบหาย กุจะทำได้ไม๊นี่
กุยิ่งอดอะไรมะค่อยได้อยู่ชอบแด่กเป็นชีวิตจิตใจ
วันไหนไม่ได้แด่กจะกระสับกระส่ายเหมือนติดยา
------------------------------------------
ตารางอาหารเพื่อลดน้ำหนักภายใน 1 สัปดาห์
วันที่ 1 ตอนเช้ากิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ไข่ต้ม 2 ฟอง
ตอนเย็นกิน สลัดผัก
วันที่ 2 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ไข่ต้ม 2 ฟอง
ตอนเย็นกิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 3 ตอนเช้ากินกาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
ตอนเย็นกิน สับปะรด 1 ชิ้น
วันที่ 4 ตอนเช้ากินกาแฟดำ + หนมปัง 1 แผ่น
ตอนกลางวันกิน สลัดผัก + ไก่ย่าง 1 ชิ้น
ตอนเย็นกิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
ตอนเย็นกิน สลัดผัก
วันที่ 6 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ปลานึ่งหรือปลาเผาไม่จำกัด
ตอนเย็นกิน นมสด 1 แก้ว
วันที่ 7 ตอนเช้ากิน ข้าว 1 ทัพพี + ไข่ต้ม 1 ฟอง
ตอนกลางวันกิน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
ตอนเย็นกิน สับปะรด 1 ชิ้น
------------------------------------------
น่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง
นี่กุต้องทรมานไปหลายวันเป็นแน่แท้
ไม่เป็นไร ลองดู
ฮึ่มๆ
กุเริ่มทำตั้งแต่วันจันทร์เป็นวันแรก ตามตาราง
วันที่ 1 ผ่านไปอย่างช้าๆ กับท้องที่อุดมไปด้วยไขมัน
ที่ร้องครวญครางตลอดเวลา
วันที่ 2 กุหิวมาก กุแทบจะบ้าตาย แต่กุก็ให้มันผ่านไปได้
วันที่ 3 กุแย่แล้ว ชิบหาย กุหมดแรง เดินเซๆ
อยากกินอะไรหวานๆและกุกำลังช่วยหมออนามัย
กรอกการตรวจสุขภาพเด็กอยู่
กุก็บ่นๆ ว่าอยากกินของหวานๆ ครูที่กุไปช่วยเค้าทำงาน
เค้าก็พูดแบบรู้สึกผิดว่า "อุ๊ย ครูขอโทษนะนู๋บลิว ครูก็ไม่ได้ซื้อขนมมาเลย"
เห้ยแม่ง ป่าวเล๊ย กุรีบบอกว่า
"ป่าวนะคะ นู๋ลดน้ำหนักอยู่ค่ะ แค่บ่นๆค่ะ ไม่เป็นไรๆ"
แล้วก็ผ่านพ้นวันนี้ได้ แต่มันก็ผ่านไปอย่างทุลักทุเล
วันที่ 4 กุเริ่มอ่อนเพลีย ปวดท้อง หิวข้าว
หิวๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพื่อนห่าแด่กก็แม่ง ซื้ออะไรมาแด่กต่อหน้ากุ๊
แถมยังพูดอีกว่า "บลิวอยากกินก็กินเหอะทรมานทำไม"
เยะเป็ด!
กุก็นั่งมองหน้ามันแด่ก
อาการคงประมาณ น้องม๋าหิวข้าว น้ำลายยืด เหมะๆๆๆ
วันที่ 5 กุทำได้แค่ช่วงเช้ากับกลางวัน
ส่วนมื้อเย็น กุตบะแตกแล้วโว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กุไปชั่งน้ำหนัก มันลดมา 4 - 5 โล
ไอ่น้ำหนักมันลดก็จริง แต่หุ่นกุไม่ลดซักนิด ยังอ้วนเตี้ยเหี้ยดำ เหมือนเดิม
แร้วพอกุกิน กุก็คงน้ำหนักเพิ่มพรวดเหมือนเดิมชัวร์
ก่อนที่ตบะจะแตก กุหิวมาก หิวจนคิดว่า
กุแย่มากๆแล้ว กุไม่อยากลดแล้ว กุทนไม่ไหวแล้ววววววว
วันที่ 5 มันตรงกะวันศุกร์พอดี เพราะกุเริ่มทำวันจันทร์เป็นวันที่ 1
ช่วงเย็นแทนที่กุจะแด่กสลัดผัก ไม่ร๊อกกกก
โน่นเลย กุไปแร่ดบิ๊กซี โน่น
ซัด mk ซะ ฮู๊ย สบายใจชิบหาย กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
อดอยากมานาน เป็นม๋าหิวข้าวเรย เหอๆๆๆ
คำแรกที่กุได้ลิ้มลอง "เป็ดย่าง" โอ้วววววววว
มันเป็นสวรรค์น้อยๆ ที่เกิดขึ้นใน ร้าน mk เรยแม่ง
โอ๊ย ... กุไม่เสียใจซักนิด อร่อยมาก ในวินาทีนั้น
กุรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหมือนตัวลอยๆ ลองคิดสภาพคนหิวโซ
แล้วได้กินอาหาร สิ ไอ่เหี้ยยยยย เป็นใครก็ต้องเหมือนกุ๊
ตอนที่กุบำเพ็ญตบะ เอ้ย! ควบคุมน้ำหนักอยู่นั้น
กุแม่ง เห็นอะไรก็อยากกิน ไปหมดทุกอย่าง
ท่องไว้ว่า มึ๊ง วันจันทร์หน้าเมื่อไหร่นะมึ๊ง กุจะฟาดให้เรียบ!
จะแดกแม่งทุกอย่างที่มันขวางหน้ากุ วะฮะๆๆๆๆๆๆๆ
กุพยายามท่องกับตัวเองไว้ว่า บลิว มึงต้องทนให้ได้
มึงต้องผ่านวิกฤติเหี้ยนี่ ไปให้ได้นะมึ๊งงงงงงงงงงงงงง
แต่กุก็ทำไม่ได้ กุแย่ กุแย่แร้วจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้กุใกล้เป็นเมนส์ ไม่ได้เว่อร์
แต่เรื่องจริง ผู้ชายอาจจะเข้าใจยากส์ ซักกะหน่อย
แต่จงเชื่อกุเหอะว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ ก่อนเป็นเมนส์
จะแด่กกระจายมาก แระตัวกุก็ด้วยเช่นกัน
กุคงเก็บกดจากการใกล้จะเป็นเมนส์ มันจะหิวๆๆๆๆ
ทำให้กุปัญญาอ่อนรับอาการความหิวนี่ไม่ไหว
แต่ถ้ากุหายเป็นเมนส์ กุจะไม่ค่อยหิวอะไร
กุน่าจะไปลดอิช่วงนั้นคงเวิร์คกว่านี้เป็นแน่
หุ้ย ... จริงๆแร้ว น้ำหนักลดหรือไม่ลดกุไม่ได้แคร์หรอก
แต่กุอยากให้หุ่นกุมันลด ว่ะ แม่ง อันนี้น้ำหนักลด แต่หุ่นไม่ลด
น่าดีใจตรงไหนวะ ไอ่ห่า
ตอนแด่ก mk อยู่คนเดียวนั้น แม่งพนักงานมองหน้ากุเลิ่กลั่ก
โต๊ะข้างๆก็มองหน้ากุ มันคงสงสัย อินี่อดอยากจากไหนมาวะ
ก๊าก แต่กุไม่เคยแคร์ กุจะแด่ก เพราะกุอดอยากมาจริงๆ เหอๆ
กุไม่ต้องกลับมาบ้าน แร้วมานอนดิ้นๆๆ หงุดหงิดกะชีวิต
หรือมานั่งบ่นใน msn ว่า กุหิววววววววววววววว อีกต่อไป
ไม่มีอะไรที่จะทำให้กุมีความสุขเท่ากับการกินอีกแล้ว ในเวลานั้น
... กุคิดแบบนี้ ...
กุก็คิดอีก ว่า กุจะซัด จนหมดหม้อ แต่ก็ไม่ไหวว่ะ
แด่กยังกะห่าลงแบบนี้ สั่งมาโคตรเยอะ แต่ก็ไม่หมด
กุยังคิดในใจต่อว่า แด่กเสร็จ กุจะซื้อ แดรี่ควีนมายัดห่าอีก
แต่แม่ง เสือกปวดขี้กะทันหัน หลังจากที่ไม่ขี้มา 2 - 3 วัน
หงุดหงิดสัด แม่ง นี่กุว่า ในเมนูตามตาราง มีแต่ผักๆๆๆๆๆๆ นะนี่
ก็ไม่ขี้ พอได้ยัดอะไรเต็มๆพุง แม่งเสือกปวดขี้
กุเรยไม่ได้แด่ก แดรี่ควีน ให้หนำใจ
แต่เสือกรีบกลับบ้าน ไปขี้อย่างสบายอารมณ์

กลับมาบ้าน พอได้เล่น msn คืนนั้นทั้งคืน ( ฝนตกด้วย โอววว ชอบ )
กุจะพูดเพราะ แระคึกอย่างแรง!
มันคงเป็นเพราะ กุมีความสุข นี่กุมีความสุขจริงๆนะ
สมแล้ว กับคำว่า เอ็นจอย อีทติ้ง กุเข้าใจก็วันนี้แหละ
คนเรา ไม่ต้องการอะไรมากมายเลยจริงๆ ในชีวิตนี้
นอกจากได้กิน ได้ขี้ ได้เยี่ยว ได้ทำไรที่มันเป็นชีวิตจริงๆ
ส่วนไอ่การได้ความสุขจากอย่างอื่น น่ะ ล้วนแต่เป็นเหมือน
อุปกรณ์เสริม ไว้สร้างความสุข ให้กับตัวเองท้างน้าน
เมื่อกุเสือกเป็นไข้ ในช่วงเวลานั้น กุอยากให้มันหาย เพราะมันทรมาน
พอกุหายไข้ กุคิดได้แล้วว่า แม่ง มันประเสริฐจริงๆ กับการหายป่วยไข้
เมื่อกุปวดขี้ พอกุได้กินขี้ เอ้ย! ได้ขี้ กุก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกุหิวขี้ โว้ย! ไม่ใช่ จะพิมพ์ผิดเหี้ยไรบ่อยๆวะกุ
-"-
เมื่อกุหิว แล้วได้สัมผัสรสชาติอาหารนั้น กุคิดว่าได้ขึ้นสวรรค์
แล้วชีวิตคนเรา มันต้องการเหี้ยไรนักหนาวะ สัด กุไม่เข้าใจ
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า สะโต้ด อ่านว่า สะ - โต้ด แปลว่า กล่าวหา , โทษ
แต่งประโยค เขาสะโต้ดหาว่าปี้มาจุ๊ละอ่อน
แปลอีกทีว่ะ เค้ามากล่าวหาพี่ว่า พี่มาหลอกลวงเด็กๆ

บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ไว้กุครึ้มอกครึ้มใจ หรือ หายเป็นเมนส์แล้ว
กุอาจจะกลับมาทำอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ ขอกุเอ็นจอย อีทติ้งไปก่อนแร้วกัลล์
อ้อ วันนี้ กุไปชั่งน้ำหนักมาอีกแล้ว จริงด้วย! จ๊วยเอ๊ย
น้ำหนักกุพุ่งพรวดขึ้นมาอีกจริงๆ สร้นตรีนมากๆค่ะ
ใครรักกุ มันต้องรักพุงกุด๊วยยยย ก๊ากๆๆ
กุจะอ้วน แร้วมึงจะทำไม?

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2548

ให้แก ... ซักวัน


วันนี้กุไปทำกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียนมา ( ไม่ทำพรุ่งนี้ เพราะหยุดไง อย่าโง่ )
บรรยากาศในงาน เต็มไปด้วยความรัก สีชมพู ที่บริสุทธิ์
( เหมือนเด็กสาวที่ยังไม่เสียเยื่อพรหมจรรย์ )
- -!
เด็กๆ พาแม่ๆ ของตัวเองมา บางคน ที่ไม่มีแม่
ก็จะพาแม่ที่เป็นผู้เลี้ยง แต่ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดมาด้วย
เป็นย่า เป็นน้า เป็นอา เป็นยาย เป็นป้า ฯลฯ
ก็แล้วแต่ แต่เด็กๆก็เห็นว่าเป็นแม่สำหรับเค้าเหมือนกัน
เด็กบางคนมันเห็นคนอื่นเค้ามีแม่ไปให้ไหว้ ให้กราบ
มันไม่เห็นแม่มันมา มันก็ร้องไห้กระจอ งอแง
กุเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ บางคนแม่งก็ไหว้ครูประจำชั้นแทน
ก็น่ารักดี มีการประกวดร้องเพลง ประกวดนั่นประกวดนี่ หลากหลาย
บางทีกุก็อยากร้องไห้นะ กุเห็นเด็กๆไหว้แม่ ก็อยากร้องไห้
แต่กุก็ต้องอดทน "เป็นเมียแดงต้องอดทน" แดงไบเล่ย์ เคยบอกเมียมันแบบนี้
กุก็ต้องคิดไว้ว่า "เป็นอิบลิว ก็ต้องอดทน" เก็บความรู้สึกไว้ลึกๆสุดตรีน
เด๊วแม่งเด็กเห็นกุน้ำตาซึมเป็นส้วม จะล้อกุได้ง่ายๆ
ระหว่างที่กุร่วมกิจกรรมวันแม่อยู่ กุคิดถึงแม่กุ
ป่านนี้ โรงเรียนของแม่ก็คงกำลังทำกิจกรรมไหว้แม่เหมือนโรงเรียนกุ
วันนี้แม่กะพ่อกุใส่ชุดสวยเชียว ใส่สี โอโรส ฮิ้ววววววว
ผ้าไหมๆ จ๊าบว่ะ คู่นี้แม่ง ทำไมต้องใส่สีเดียวกันวะ
ดีนะ ที่พ่อย้ายโรงเรียนแล้ว ถ้ายังอยู่โรงเรียนเดียวกัน
จะทำให้ต่อมอิจฉาของครูหลายๆคน สั่นคลอนได้

ส่วนใหญ่แม่กุไม่ใช่คนแต่งตัวอะไร
กุชอบบอกกับแม่บ่อยๆว่า
กุ : แม่ๆ เด๊วแต่งหน้าให้เอาป๊าววว เอาแบบว่า สาวอินเทรนด์ วัยรุ่นเล๊ย
แม่ : โอ๊ย ไม่เอาอ่ะ กัวเป็นกระเทย
กุ : อ่าว ( ว่ากุเหยอ ? ) - -!
หรือบางครั้ง
กุ : แม่ๆ ทำผมให้เอาป๊าวววววว จาหนีบ หรือจา ดราย ได้หมดๆ
แม่ : ไม่เอาอ่ะ เด๊วจะไปร้านทำผม ย้อมผมซะหน่อย
กุ : อ่าว ( ไม่ไว้ใจกุ ? ) - -!
แต่แม่กุ !!!!
ทำกับข้าวอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กุชอบกินกับข้าวฝีมือแม่ กุอยากให้แม่ทำกับข้าวให้กินเหมือนเมื่อก่อน
แต่ตอนนี้ แม่กุป่วยบ่อยๆ แม่กุเหนื่อย อิดโรย
แม่เครียดหลายๆเรื่อง เข้าโรงพยาบาลบ่อยมั่ก
ไปคลิกนิกประจำ จนหมา เอ้ย หมอ จำหน้าได้
ก็เลยไม่ได้ทำกับข้าวให้กุกินอีก ( แร้วทำไมมึงไม่ทำเอง )
กุชอบอ้อนให้แม่ทำกับข้าวให้ แม่ก็ไม่ยอมทำ เห้อ เซ็งว่ะ
ชีวิตแม่งแด่กแต่แกงถุงๆๆ น่าเบื่อมาก
ครั้นกุจะทำแด่กเอง ก็ห่วยแตก ฝีมือเหี้ยมากๆ จึงคิดว่า ซื้อก็ได้วะ
เมื่อก่อน สมัยกุยังสาวๆ
แม่ซักผ้าให้กุ ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องซักผ้า
แม่ก็ซักผ้าด้วยแรงมือ ซักๆๆๆๆๆ ปรากฎว่า แม่กุโดนตะขอกระโปรงนักเรียน
เกี่ยวโดนมือ เลือดไหลเต็มมือ แม่ไม่ร้องซักคำ
แม่ยื่นมือให้กุดู ตามประสาเด็กๆ กุก็ไม่ได้คิดไรมาก
รู้แค่ว่า แม่โดนตะขอเกี่ยวมือ เลือดไหล
แต่ภาพนั้นยังจำติดตากุอยู่จนถึงทุกวันนี้ กุยังนึกได้เสมอ
กุคิดได้ว่า กะอิแค่ กุเล็บฉีก โดนผงซักฟอกแม่งก็เจ็บชิบหายแล้ว
แระนี่แม่ง โดนตะขอเกี่ยวจนเลือดไหลเต็ม
... แม่กุจะไม่เจ็บ ? ...

แม่เป็นคนมีน้ำใจกับพี่ๆน้องๆ เสมอ
ถึงแม่กุจะเป็นข้าราชการครูจนๆ ( กุ confirm ว่าจนจริงๆ )
แต่แม่ก็ไม่เคยบ่น เวลาน้ากุต้องรักษาตัว
( เป็นโรคเยอะ แม่งทำไมตระกูลนี้ขี้โรคจังวะ )
แม่ก็ต้องกู้เงิน แล้วเอาเงินไปให้น้าใช้รักษาตัว
แม่กุไม่เคยบ่น เต็มใจ และช่วยเหลือพี่น้องของแม่ตลอด
ตอนยายตาย แม่กุเป็นลม แม่ช่วยงานทุกอย่าง
ช่วยงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน กุไม่ได้อยู่ดูแลแม่ในเวลานั้น
กุต้องสอบ เรื่องสอบเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าไม่สอบ ก็จะเรียนทำเหี้ยไร
เหนื่อยเปล่าๆ
กุมางานวันเผายาย ได้ทันพอดี เพราะเป็นวันสอบวันสุดท้าย
กุก็ได้ข่าวว่าแม่เป็นลม กุก็ใจหาย กุบอกกับแม่ว่า
"ทำงานน่ะพักบ้างนะ คนอื่นก็มี อยากเป็นนางเอกรึง๊ายย"
จริงๆแล้ว ไม่ได้พูดน้ำเสียงด่า แต่พูดน้ำเสียงเล่นๆ ให้แม่ขำขำ

ตอนอยู่ม.6 กุเป็นไวรัสในเม็ดเลือดขาว เอ๊ะ หรือเม็ดเลือดแดงวะ
ช่างหัวแม่ง! กุลืม
กุอ่อนระโหยโรยแรง ไม่มีแรงทำสร้นตรีนไรทั้งสิ้น
แม่กุบอกกุว่า "บลิว ไปหาหมอกัน ไปเจาะเลือดดู แม่กลัวเป็นไข้เลือดออก"
แต่พอกุไปที่คลิกนิค หมอก็เอาเลือดกุไปตรวจ เค้าบอกว่า
กุเป็นเอดส์ เอ้ย! แหะๆ กุเป็น ไวรัสลงเม็ดเลือด ( ขาว หรือ แดง วะ )
แม่พากุเข้าโรง'บาล บอกหมอที่คลินิกให้ส่งตัวกุ
เพื่อไปใส่น้ำเกลือ ... บอกตรงๆ ตั้งแต่กุเกิดมา
กุเพิ่งเคยได้รับรสชาติน้ำเกลือก็คราวนี้ เพราะกุไม่เคยเป็นโรคเหี้ยไร
ที่ต้องใส่น้ำเกลือเลย ดีใจจัง เป็นประสบการณ์ เอิ้กๆ
( น่าดีใจตรงไหนวะ )
แม่ไม่ได้หลับไม่ได้นอน นั่งเฝ้ากุอยู่ที่เตียง กุขยับไม่ได้มันเหนื่อย
ไอ่โรคห่านี่ ก็แม่ง ทรมานชิบหาย อย่าให้กุได้เป็นอีกเล๊ย
แค่หายใจยังเหนื่อย !
ทำไรไม่ได้ เหนื่อยไปหมด ถ้าใครเคยเป็นก็อาจจะรู้
ถ้าใครอยากเป็น ก็ไปถามหมอว่าต้องทำยังไง ถึงจะได้เป็น
... มึงจะได้รู้ววววว ...

เวลากุเป็นไข้ กุประทับใจแม่กุม้าก
แม่มาเช็ดตัวให้กุ แม่มาทำทุกอย่างให้กุ
มานอนเป็นเพื่อน ต้มข้าวต้ม เอาอกเอาใจ
หุย ... กุล่ะอยากเป็นไข้แม่งทุกวัน กร๊ากกก
แต่ก็สงสารแม่ เพราะแม่นอนไม่เคยเต็มอิ่มซักครั้ง
แม่กุเป็นคนที่เสียสละมากๆ ว่าไปแล้ว แม่กุแม่งเก่งชิบหาย
ที่สามารถเป็นแม่คนเหี้ยๆอย่างกุ และน้องกุ
( น้องกุไม่เหี้ย กุเหี้ยคนเดียวก็ได้วะ สัดเอ้ย )
และสามารถเป็นเมียของพ่อกุ อดทนกับลูก แล้วก็อดทนกับผัว
( พ่อกุไม่ได้เหี้ย แต่กุพูดไปงั้นๆ ให้แม่ดูดี )
พ่อกุเคยอำแม่ว่า ถ้าไม่พูดภาษาเหนือให้ได้
จะไม่ได้แต่งงานกันนะ เพราะคนที่แพร่จะไม่ยอมรับ
เท่านั้นแหละ แม่กุด้วยความที่อยากได้ผัว เอ้ย !
ด้วยความที่รักพ่อกุ จึงยอมหัดภาษาเหนือ ( แม่กุคนคอนหวัน )
พ่อกุมาเฉลยทีหลังว่า จริงๆแล้ว ไม่ใช่หรอก พ่อกุอยากให้แม่พูดเหนือเป็น
เยะเป็ด! เพราะอย่างนี้ แม่กุจึงพูดเหนือคล่องชิบหาย
คล่องกว่าคนเหนือบางคนที่เสือกโดนสอนให้
พูดภาษาไทยตั้งแต่วัยกระเตาะ ตอแหลมั่ก

เวลากลับแพร่ แม่กุไม่ได้ไปวัดกับเค้าหรอก
แม่กุจะชอบปิดทองหลังพระซำเหมอ แม่ทำกับข้าวไว้รอคนที่บ้าน
หลังจากที่กลับจากวัดมาแล้ว
จริงๆแล้ว กุไม่คิดจะเขียนบล็อกวันแม่ ซักเท่าไหร่
เพราะคิดว่า แม่งใครๆก็ต้องเขียนวะ กุขี้เกียจไปเหมือนชาวบ้านเค้า
แต่ว่า ... เพื่อแม่แล้ว กุยังต้องห่วงอีกเหรอ ? ว่าบล็อกนี้จะเหมือนใคร
ในเมื่อใครๆก็ต้องรักแม่ และกุ ... ก็รักแม่ ! เหมือนกัลล์
สมัยสาวๆ ( อีกแระ สาวบ่อยเหลือเกินนะมึง )
กุเรียนมานี มานะ ปิติ วีระ เหี้ยไรนั่น
กุจำได้ว่า มีอยู่ตอนนึง ที่แม่ของเพชรตายเพราะโดนงูสัดม๋ากัดเอา
กุเศร้าตามไปเลย แล้วมานี หรือใครวะ ที่แต่งกาพย์ยานี 11 ให้อ่ะ
น่านแหละ กุจำได้แค่ว่า
"แม่จ๋าดวงใจลูก ยังพันผูก ไม่เสื่อมคลาย"
"รักแม่แน่ใจหมาย มุ่งกตเวที นิรันดร"
ฯลฯ

ตอนนี้กุหาหนังสือเล่มนั้นไม่ได้แล้ว คงเน่าไปเพราะปลวกเหี้ยแด่ก
... หมดแล้ว ...
อ้อนใครไม่ได้ ลองอ้อนแม่เด่ะ แม่กุอ่ะถ้ากุอ้อนนะ ใจล๊าลัย อิ๊อิ๊อิ๊
*******************
แม่ นู๋มีไรจะสารภาพอ่ะ แหะๆๆๆๆ
คือว่า ... วันนั้นอ่ะนะ คือว่า ที่ผ่านมา ไม่กี่วัน
"นู๋ไปเจาะสะดือที่บิ๊กซีม้าาาา"
เอิ๊กๆๆๆ แม่ไม่ว่าหรอกเนาะ ฮิ้ววว เริ่ด
เย้ๆ ขอบคุณน้าาาา ที่บ่ว่า เอิ๊กๆๆๆ
แต่ในชีวิตจริง กุคงโดนอะไรมั่งก็ไม่รู้ววว
บอกในนี้แหละ สบายใจริ้ววว เคิ้กๆๆๆ
*******************
"แม่เจ้า น่องฮักแม่หนาเจ้า ฮักตี้ซุ๊ดในโลกถึงบ่ได้เลี่ยงต๋อนเป๋นละอ่อนกะฮัก"
สำหรับแม่ที่ 2 คงเป็นย่ากับป้า ที่เลี้ยงดูกุมาตั้งแต่กุเล็กๆ
"ย่าเจ้าป้าเจ้า น่องฮักตึง 2 คน เลยเน่อ ฮักอย่างแม่คนนึ่งเลยเจ้า"
@^_^@
สัญญา ถ้าได้งาน จะหาเลี้ยง !!!!!
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ตะวา อ่านว่า ตะ - วา แปลว่า เมื่อวาน
แต่งประโยค ตะวานี่น่องเป๋นไข้ บ่สบายใจ๋บ่สบายตั๋วเลย
แปลอีกทีว่ะ เมื่อวานนี้แม่งเป็นไข้ ไม่สบายใจไม่สบายตัวเล๊ย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล ถึงอิโบน้องกุ ถ้ามึงได้เสร่อเข้ามาอ่านบล็อกกุบล็อกนี้
ห้ามโทรบอกแม่นะมึง! ว่ากุเจาะสะดือ กุสารภาพในนี้แร้วนะโว้ย สาดดดดดดดด
โทรบอกแม่ กุเคืองแน่ มะต้องคุยกะกุอีกเรย เยะเป็ด!!!