เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วอินุ่น เพื่อนกุ
มันโทรมาหากุตั้งแต่เช้ามันบอกว่า ให้กุไปหามันที่บ้าน
มันซื้อขนมมาฝาก
( จริงๆแล้วกุรู้ว่ามันอยากให้กุไปหาเพราะจะได้ไปส่งมันขึ้นรถไปตาก )
เชอะ! คิดว่ากุไม่รู้เหรอ แต่กุก็ไปนะ เอิ้ก
อยากได้ขนมไง ฮ่าๆ กุไปบ้านมัน
กุเห็นว่า พี่สาวมันมีสูตรลดน้ำหนักจริงๆแล้ว
ไอ่สูตรลดน้ำหนักเหี้ยไรนี่ กุเคยมีนะแต่กุไม่เคยคิดจะทำ
เพราะแม่ง เมนู ในตารางแต่ละวันนั้น
หายากชิบหายมันคงเป็นสูตรของฝรั่ง
กุจึงขี้เกียจพอกุลองขอสูตรดู มันก็ค้นๆๆให้กุ
พอกุได้มากุก็แวะเอาสูตรลดอ้วนนี่ ไปให้ไอ่บิว ที่บ้าน
ไอ่บิวแม่งก็พิมพ์ๆๆๆ กุนึกว่าแม่งจะเอาจริง อิเวร
ที่ไหนได้ เสือกบอกว่า กุไม่เอาแล้วว่ะ กุทำไม่ได้
สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
งี๊กุก็ฉายเดี่ยว ทำเอง ทดลองเอง คนเดียวดิ่วะ
ก็ด๊ายยยย ... คิดได้ดังนั้น วันอาทิตย์กุแด่กเรียบ!
แด่กทุกอย่างที่ขวางหน้า แด่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วอ้างเหตุผลว่า พรุ่งนี้วันจันทร์ กุจะลดความอ้วนฮรี่ๆๆๆๆ
คนที่บ้านตราหน้ากุไว้ว่า
"จะลดได้เร๊อออออ เห็นว่าจะลดๆๆ ไม่เคยลดซ๊ากที"
แม่ง เหมือนโดนถีบยอดหน้าจนหงายหลัง ยังไงมิรู้ววว
พอวันจันทร์ กุก็มานั่งพินิจพิจารณา
สูตร หรือตารางลดหุ่นนี่
เอ ... วันนี้ กุต้องกินอะไรวะ ?
กุก็นั่งอ่านตารางนี้อย่างพิถีพิถัน
ในใจแม่งก็คิด ชิบหาย กุจะทำได้ไม๊นี่
กุยิ่งอดอะไรมะค่อยได้อยู่ชอบแด่กเป็นชีวิตจิตใจ
วันไหนไม่ได้แด่กจะกระสับกระส่ายเหมือนติดยา
------------------------------------------
ตารางอาหารเพื่อลดน้ำหนักภายใน 1 สัปดาห์
วันที่ 1 ตอนเช้ากิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ไข่ต้ม 2 ฟอง
ตอนเย็นกิน สลัดผัก
วันที่ 2 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ไข่ต้ม 2 ฟอง
ตอนเย็นกิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 3 ตอนเช้ากินกาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
ตอนเย็นกิน สับปะรด 1 ชิ้น
วันที่ 4 ตอนเช้ากินกาแฟดำ + หนมปัง 1 แผ่น
ตอนกลางวันกิน สลัดผัก + ไก่ย่าง 1 ชิ้น
ตอนเย็นกิน โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
ตอนเย็นกิน สลัดผัก
วันที่ 6 ตอนเช้ากิน กาแฟดำ 1 ถ้วย
ตอนกลางวันกิน ปลานึ่งหรือปลาเผาไม่จำกัด
ตอนเย็นกิน นมสด 1 แก้ว
วันที่ 7 ตอนเช้ากิน ข้าว 1 ทัพพี + ไข่ต้ม 1 ฟอง
ตอนกลางวันกิน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
ตอนเย็นกิน สับปะรด 1 ชิ้น
------------------------------------------
น่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง
นี่กุต้องทรมานไปหลายวันเป็นแน่แท้
ไม่เป็นไร ลองดู
ฮึ่มๆ
กุเริ่มทำตั้งแต่วันจันทร์เป็นวันแรก ตามตาราง
วันที่ 1 ผ่านไปอย่างช้าๆ กับท้องที่อุดมไปด้วยไขมัน
ที่ร้องครวญครางตลอดเวลา
วันที่ 2 กุหิวมาก กุแทบจะบ้าตาย แต่กุก็ให้มันผ่านไปได้
วันที่ 3 กุแย่แล้ว ชิบหาย กุหมดแรง เดินเซๆ
อยากกินอะไรหวานๆและกุกำลังช่วยหมออนามัย
กรอกการตรวจสุขภาพเด็กอยู่
กุก็บ่นๆ ว่าอยากกินของหวานๆ ครูที่กุไปช่วยเค้าทำงาน
เค้าก็พูดแบบรู้สึกผิดว่า "อุ๊ย ครูขอโทษนะนู๋บลิว ครูก็ไม่ได้ซื้อขนมมาเลย"
เห้ยแม่ง ป่าวเล๊ย กุรีบบอกว่า
"ป่าวนะคะ นู๋ลดน้ำหนักอยู่ค่ะ แค่บ่นๆค่ะ ไม่เป็นไรๆ"
แล้วก็ผ่านพ้นวันนี้ได้ แต่มันก็ผ่านไปอย่างทุลักทุเล
วันที่ 4 กุเริ่มอ่อนเพลีย ปวดท้อง หิวข้าว
หิวๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพื่อนห่าแด่กก็แม่ง ซื้ออะไรมาแด่กต่อหน้ากุ๊
แถมยังพูดอีกว่า "บลิวอยากกินก็กินเหอะทรมานทำไม"
เยะเป็ด!
กุก็นั่งมองหน้ามันแด่ก
อาการคงประมาณ น้องม๋าหิวข้าว น้ำลายยืด เหมะๆๆๆ
วันที่ 5 กุทำได้แค่ช่วงเช้ากับกลางวัน
ส่วนมื้อเย็น กุตบะแตกแล้วโว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กุไปชั่งน้ำหนัก มันลดมา 4 - 5 โล
ไอ่น้ำหนักมันลดก็จริง แต่หุ่นกุไม่ลดซักนิด ยังอ้วนเตี้ยเหี้ยดำ เหมือนเดิม
แร้วพอกุกิน กุก็คงน้ำหนักเพิ่มพรวดเหมือนเดิมชัวร์
ก่อนที่ตบะจะแตก กุหิวมาก หิวจนคิดว่า
กุแย่มากๆแล้ว กุไม่อยากลดแล้ว กุทนไม่ไหวแล้ววววววว
วันที่ 5 มันตรงกะวันศุกร์พอดี เพราะกุเริ่มทำวันจันทร์เป็นวันที่ 1
ช่วงเย็นแทนที่กุจะแด่กสลัดผัก ไม่ร๊อกกกก
โน่นเลย กุไปแร่ดบิ๊กซี โน่น
ซัด mk ซะ ฮู๊ย สบายใจชิบหาย กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
อดอยากมานาน เป็นม๋าหิวข้าวเรย เหอๆๆๆ
คำแรกที่กุได้ลิ้มลอง "เป็ดย่าง" โอ้วววววววว
มันเป็นสวรรค์น้อยๆ ที่เกิดขึ้นใน ร้าน mk เรยแม่ง
โอ๊ย ... กุไม่เสียใจซักนิด อร่อยมาก ในวินาทีนั้น
กุรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหมือนตัวลอยๆ ลองคิดสภาพคนหิวโซ
แล้วได้กินอาหาร สิ ไอ่เหี้ยยยยย เป็นใครก็ต้องเหมือนกุ๊
ตอนที่กุบำเพ็ญตบะ เอ้ย! ควบคุมน้ำหนักอยู่นั้น
กุแม่ง เห็นอะไรก็อยากกิน ไปหมดทุกอย่าง
ท่องไว้ว่า มึ๊ง วันจันทร์หน้าเมื่อไหร่นะมึ๊ง กุจะฟาดให้เรียบ!
จะแดกแม่งทุกอย่างที่มันขวางหน้ากุ วะฮะๆๆๆๆๆๆๆ
กุพยายามท่องกับตัวเองไว้ว่า บลิว มึงต้องทนให้ได้
มึงต้องผ่านวิกฤติเหี้ยนี่ ไปให้ได้นะมึ๊งงงงงงงงงงงงงง
แต่กุก็ทำไม่ได้ กุแย่ กุแย่แร้วจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้กุใกล้เป็นเมนส์ ไม่ได้เว่อร์
แต่เรื่องจริง ผู้ชายอาจจะเข้าใจยากส์ ซักกะหน่อย
แต่จงเชื่อกุเหอะว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ ก่อนเป็นเมนส์
จะแด่กกระจายมาก แระตัวกุก็ด้วยเช่นกัน
กุคงเก็บกดจากการใกล้จะเป็นเมนส์ มันจะหิวๆๆๆๆ
ทำให้กุปัญญาอ่อนรับอาการความหิวนี่ไม่ไหว
แต่ถ้ากุหายเป็นเมนส์ กุจะไม่ค่อยหิวอะไร
กุน่าจะไปลดอิช่วงนั้นคงเวิร์คกว่านี้เป็นแน่
หุ้ย ... จริงๆแร้ว น้ำหนักลดหรือไม่ลดกุไม่ได้แคร์หรอก
แต่กุอยากให้หุ่นกุมันลด ว่ะ แม่ง อันนี้น้ำหนักลด แต่หุ่นไม่ลด
น่าดีใจตรงไหนวะ ไอ่ห่า
ตอนแด่ก mk อยู่คนเดียวนั้น แม่งพนักงานมองหน้ากุเลิ่กลั่ก
โต๊ะข้างๆก็มองหน้ากุ มันคงสงสัย อินี่อดอยากจากไหนมาวะ
ก๊าก แต่กุไม่เคยแคร์ กุจะแด่ก เพราะกุอดอยากมาจริงๆ เหอๆ
กุไม่ต้องกลับมาบ้าน แร้วมานอนดิ้นๆๆ หงุดหงิดกะชีวิต
หรือมานั่งบ่นใน msn ว่า กุหิววววววววววววววว อีกต่อไป
ไม่มีอะไรที่จะทำให้กุมีความสุขเท่ากับการกินอีกแล้ว ในเวลานั้น
... กุคิดแบบนี้ ...
กุก็คิดอีก ว่า กุจะซัด จนหมดหม้อ แต่ก็ไม่ไหวว่ะ
แด่กยังกะห่าลงแบบนี้ สั่งมาโคตรเยอะ แต่ก็ไม่หมด
กุยังคิดในใจต่อว่า แด่กเสร็จ กุจะซื้อ แดรี่ควีนมายัดห่าอีก
แต่แม่ง เสือกปวดขี้กะทันหัน หลังจากที่ไม่ขี้มา 2 - 3 วัน
หงุดหงิดสัด แม่ง นี่กุว่า ในเมนูตามตาราง มีแต่ผักๆๆๆๆๆๆ นะนี่
ก็ไม่ขี้ พอได้ยัดอะไรเต็มๆพุง แม่งเสือกปวดขี้
กุเรยไม่ได้แด่ก แดรี่ควีน ให้หนำใจ
แต่เสือกรีบกลับบ้าน ไปขี้อย่างสบายอารมณ์
กลับมาบ้าน พอได้เล่น msn คืนนั้นทั้งคืน ( ฝนตกด้วย โอววว ชอบ )
กุจะพูดเพราะ แระคึกอย่างแรง!
มันคงเป็นเพราะ กุมีความสุข นี่กุมีความสุขจริงๆนะ
สมแล้ว กับคำว่า เอ็นจอย อีทติ้ง กุเข้าใจก็วันนี้แหละ
คนเรา ไม่ต้องการอะไรมากมายเลยจริงๆ ในชีวิตนี้
นอกจากได้กิน ได้ขี้ ได้เยี่ยว ได้ทำไรที่มันเป็นชีวิตจริงๆ
ส่วนไอ่การได้ความสุขจากอย่างอื่น น่ะ ล้วนแต่เป็นเหมือน
อุปกรณ์เสริม ไว้สร้างความสุข ให้กับตัวเองท้างน้าน
เมื่อกุเสือกเป็นไข้ ในช่วงเวลานั้น กุอยากให้มันหาย เพราะมันทรมาน
พอกุหายไข้ กุคิดได้แล้วว่า แม่ง มันประเสริฐจริงๆ กับการหายป่วยไข้
เมื่อกุปวดขี้ พอกุได้กินขี้ เอ้ย! ได้ขี้ กุก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกุหิวขี้ โว้ย! ไม่ใช่ จะพิมพ์ผิดเหี้ยไรบ่อยๆวะกุ
-"-
เมื่อกุหิว แล้วได้สัมผัสรสชาติอาหารนั้น กุคิดว่าได้ขึ้นสวรรค์
แล้วชีวิตคนเรา มันต้องการเหี้ยไรนักหนาวะ สัด กุไม่เข้าใจ
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า สะโต้ด อ่านว่า สะ - โต้ด แปลว่า กล่าวหา , โทษ
แต่งประโยค เขาสะโต้ดหาว่าปี้มาจุ๊ละอ่อน
แปลอีกทีว่ะ เค้ามากล่าวหาพี่ว่า พี่มาหลอกลวงเด็กๆ
บ๊าย...บาย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ไว้กุครึ้มอกครึ้มใจ หรือ หายเป็นเมนส์แล้ว
กุอาจจะกลับมาทำอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ ขอกุเอ็นจอย อีทติ้งไปก่อนแร้วกัลล์
อ้อ วันนี้ กุไปชั่งน้ำหนักมาอีกแล้ว จริงด้วย! จ๊วยเอ๊ย
น้ำหนักกุพุ่งพรวดขึ้นมาอีกจริงๆ สร้นตรีนมากๆค่ะ
ใครรักกุ มันต้องรักพุงกุด๊วยยยย ก๊ากๆๆ
กุจะอ้วน แร้วมึงจะทำไม?
9 ความคิดเห็น:
ไอ่พวกอดอาหารลดความอ้วน
ให้เป็นโรคกะเพาะตายไปซะ
ปล. อดอาหาร กับลดอาหาร ไม่เหมือนกันนะ
สู้ตาย!
โธ่ พี่ไอ ให้ไอ่บลิวไว้คนละกัน
ร่างกายมันไม่เหมือนชาวบ้านเขา
ปล ถ้ามันไม่โกหก(ตัวเอง)
ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปครับ...ถ้ามีกำลังใจอยากจะลดก็ลด ถ้าทนไม่ไหว มันทรมานก็เลิกได้...ไม่ต้องไปกะเกณฑ์อะไรมันหรอก...แต่ถ้าน้ำหนักมากไปมันอึดอัด พอลดลงบ้างถึงแม้ว่าหุ่นจะไม่ลด ผมก็ว่าน่าจะรู้สึกดีขึ้น...เช่นกันได้ไปกิน MK แบบพนักงานเสิร์ฟไมไว้ใจว่าอีนี่มันไปอดมาจากไหน ก็มีความสุขใช่ไหม...ทำดีแล้วครับ มีความสุขแล้ว แต่สุขกันคนละแบบ ดีกว่ากินก็ไม่ได้กิน อ้วนก็อ้วน เซ็งเลยวุ้ย
เชื่อตู...ไปติดเกมออนไลน์ซักเกมส์ น้ำหนักลดแน่
แม่งลดแล้วทรมาณแทบตายแล้วกลับมาอ้วนใหม่เนี่ยนะ ลดไปเพื่ออะไรวะ(หรือว่าจุดประสงค์ของการลดเพื่อทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของอาหาร)
อันนี้แนะนำจริงๆนะ ออกกำลังกายดิ...ไม่หิวด้วย สุขภาพดีอีกต่างหาก ตีบงตีแบดก็ได้...เห็นเพื่อนมันใช้ไอ้จานหมุนๆบิดเอวนี่ก็ใช้ได้..
ดูจากเมนูอาหารแล้วแม่งโครตทรมานเลยว่ะ
แดกแต่โยเกิร์ต, กาแฟดำ, ไข่ต้ม กับสลัดผัก
เป็นกรูคงยอมตั้งแต่วันแรก..
แต่กรูก็ลุ้นให้มึงลดน้ำหนักได้
แต่มาเสียไอ้วันที่แดก MK นี่แหล่ะ
ตอนแรกนึกว่าไปแดกกะเพื่อนมึง
ใจเด็ดว่ะ..ไปแดกเดี่ยว..นับถือๆๆ
ถ้าไม่มีเพื่อนไปก็โทรมาชวนกันก็ได้นะ
มีคนบอกว่า การลดน้ำหนักน่ะ มันทรมานร่างกาย
การควบคุมน้ำหนักที่ถูกต้อง คือ
ใช้พลังงานให้มากกว่าที่กินในแต่ละวัน
แปลเป็นไทยก็คือ
กินอาหารที่พลังงานน้อยๆ เช่น พวกผักและผลไม้ แล้วก็ใช้พลังงานให้มากๆ
เพื่อเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ให้ออกไป โดยการออกกำลังกาย
หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็ให้กินแต่พออิ่ม อย่าตามใจปากมากนักนะ
และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่เค้าวิจัยกันแล้วว่า ทำให้อ้วน ก็คือ
แป้ง และ น้ำตาล ควรกินให้น้อยที่สุด
เพราะสองอย่างนี้ มันจะสะสมในร่างกายได้ พอๆกับไขมันเลยทีเดียว
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะไอ้น้อง ขอให้หุ่นเพรียวสวยวันสวยคืนล่ะ
^_^
อุปมาดั่ง ช้างอดอาหารซัก3ปี ก็มิอาจเป็นม้าได้ฉันใด...
แวะมาให้กำลังใจนะ หะหะ *-*
หุๆ ก็กินแต่พอเหมาะพอควร แล้วก็อย่านอนดึก เพราะมันยิ่งเปลืองพลังงานเยอะ นอนจำศีลไวๆหุๆ
เกิดมากินเท่าไร ก็ไม่เคยอ้วนสักทีแฮะเรา
ยาก
อีอ้วน!
แสดงความคิดเห็น