วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2549

มันมากับมือถือ

กุไปอยู่บางกอกมา เนื่องจากอยากผอม
และคิดว่าไปบางกอกกุคงผอม บอกแม่ไว้ว่า
อย่าส่งเงินมาให้ใช้โดยไม่จำเป็น เพราะไม่เช่นนั้น
เงินที่แม่ส่งมา จะโดนแปลงเป็นอาหารในหลาย ๆ มื้อของกุทันที
กุตั้งปฏิญาณตนไว้ว่า กุจะไม่แดกเหี้ยไรสุ่มสี่สุ่มห้า
กุจะได้ผอม ๆ จริงอยู่ บางกอกของแดกแม่งเยอะ
แต่ถ้าอยู่แบบไม่มีเงิน กุคงผอมได้บ้าง
กุเลยไปอยู่หอพักของอิโบน้องสาวกุ ซึ่งชั้นล่างของหอพักอิโบ
เสือกมีร้านขายข้าว ขายขนม ฯลฯ อยู่
อิโบเคยเตือนกุแล้ว
อิโบ : เห้ย พี่จะอดได้เหรอ ? เป๊บซี่บางกอกน่ะ ขายถูกนะเฟ้ย
กุ : โอ๊ย เหอะน่า กุอดได้แร้วกัน งิงิ
กุนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เพราะคิดว่ากุทำได้แน่ ๆ
อิสัดเอ๊ย จนแล้วจนรอด กุก็ยังทำไม่ได้ซ้ากที
ตื่นนอนแบบงัวเงีย ๆ ขึ้นมาก็คิดสรรหาของจะแดกซะแล้ว
แบบนี้ กี่ชาติ ๆ กุก็คงไม่ผอมหรอก เฮ้อ
ให้กุหยุดคิดเรื่องลดความอ้วนห่านี่ยังจะง่ายกว่าให้กุลดการแดกซะอีก
กรี๊ด ๆ ๆ ๆ
จริง ๆ แล้วกุก็ไม่ได้คิดอยากจะมาเล้ย อิบางกอกอะไรนี่
เพราะกุอยู่บ้านเล่นเน็ตแร่ดออนไลน์ดีกว่า
แต่คิด ๆ ว่า เออ เปลี่ยนบรรยากาศที่น่าเบื่อๆ เข้าบางกอกดีกว่า
เผื่อจะมีอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ บ้าง อยู่บางกอกแม่งก็เหงา ๆ
ดูหนังก็แล้ว หาไรแดกก็แล้ว โคตรอึดอัดเรยแม่ง
ในห้องอิโบอากาศแม่งไม่ค่อยถ่ายเทเท่าที่ควร
อากาศบางกอกก็รู้ ๆ กันอยู่ร้อนก็ร้อน แถมในห้องยังไม่ถ่ายเทอีก
กุก็เหมือนเป็นอึ่งอ่างที่อยู่ในไมโครเวฟ
แสดดดดดดดดด
บางครั้งฝนตก ฮิฮิ้ววววว
กรี๊ดกร๊าด ๆ เรื่องฝนตกได้ซักพัก คิดว่า
อุ๊ย เด๊วอากาศต้องเย็นสบายแน่ๆสิกุ ผิดถนัด สัดหมา !
มันไม่ใช่เรยค่า กุกรี๊ดกร๊าดแทบตาย สุดท้ายแม่งในห้องน้องกุก็ร้อนเหมือนเดิม
เป็นอึ่งโดนเวฟเหมือนเดิมเรย ฮือ ๆ อนาถสุด ๆ
ใครไม่เป็นอึ่ง ไม่รู้ร้อก ฮือ ๆ เหี้ยมาก ๆ
กุนึกแล้ว แม่งอยู่ไปนาน ๆ ต้องเหงา คิดถึงการแร่ดออนไลน์ยิ่งนัก
ชีวิตกุดำเนินต่อไปแบบเบื่อ ๆ ไร้รสชาติอย่างนี้เรื่อย ๆ
แต่แล้วมันเสือกมีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้นนี่เสะ
กลางดึกของค่ำคืนหนึ่ง ณ บางกอก ห้องน้องกุ
ตอนแรกกุก็นั่งดู ทีวี กะน้องกุอยู่ดี ๆ
จู่ ๆ ก็มีคนโทรเข้ามือถือกุ จะเรียกว่าโทรแม่งก็คงไม่ถูก
เรียกว่า ตื๊ด ๆ หรือ ยิงมา คงจะถูกกว่า
กุก็เอ๊ะ คิดในใจ ใครแม่งตื๊ดมาหากุวะ
มันคงคิดว่ากุมีเงินโทรหาเยอะแยะเหรอวะ
แต่ด้วยความที่เห็นว่าเป็นเบอร์แปลก ๆ ไม่คุ้น
และไม่โทรมาอีกทีแระโดยส่วนตัวกุเป็นพวกสอดรู้สอดเห็น
แระชอบเสือก มึงไม่โทรมาเออ ... กุโทรหามึงเองก็ได้วะ อิหอก !
ว่าแล้วจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรไปอิเบอร์เหี้ยนั่นทันที
ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดดดด ดดดดดดดดด
อินั่น : ฮัลโหล
กุ :ฮัลโหล ใครอ้ะ โทรมาหาเบอร์นี้ทำไม
อินั่น : แล้วเบอร์นี้เบอร์ใคร แล้วใครโทรมา
กุ : อ้าว ก็คุณโทรมาหาชั้นไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้น่ะ
อินั่น : เออใช่ แล้วเธอเป็นใคร ชื่ออะไร
กุ : เอ้า แล้วใครล่ะ ใครโทรมาเล้า ( เริ่มเสียงไม่เหมือนคนแระ )
อินั่น : เธอรู้จักพี่โกวิท แมะ
กุ : ใครเหรอคะ ไม่รู้จักค่ะ
( ในใจเริ่มคิด อิเพื่อนตัวไหนแม่งอำกุป่าววะ เริ่มจะด่าแระ )
อินั่น : ก็พี่โกวิทไง ที่เป็นตำรวจน่ะ รู้จักมั้ย
กุ : ไม่รู้จักค่ะ แล้วคุณเป็นใคร
( กุกะตำรวจไม่ถูกชะตากัน แร้วจะรู้จักทำหอกไร )
อินั่น : อย่ารู้เลย เอาเป็นว่า ไม่รู้จักเหรอ พี่โกวิทน่ะ
ถ้าไม่รู้จัก เค้าจะมีเบอร์ของเธอในเครื่องได้ไง
กุ : เอ๊า ก็จะไปรู้ได้ไงอ้ะ แล้วเค้าเมมเบอร์ไว้รึป่าวล่ะ
ลองบอกชื่อมาซิ ว่าเค้าเมมว่าไง จะได้บอกว่าใช่หรือไม่ใช่
อินั่น : อืม ... เมมไว้ แต่ถ้าบอกเธอไป เธอก็รู้สิ
ดูมัน อิห่านี่ กวนตีนกุกลางดึกแบบนี้ ได้ไง
ไม่รู้จักกุซะแล้ว อินี่ แล้วแม่งก็ดูท่าทางว่า
กุไปแย่งผัวมัน หรือไงนี่แหละ ชิบหาย ! อิวอก
ตั้งแต่กุเกิดมานี่ยังไม่เคยแย่งผัวใครเลยนะนี่
แม้แต่จะคิดก็ไม่มี ต๊าย ... โกวิท โกห่า ไร ก็ไม่รู้จักทั้งนั้นแหละกุอ้ะ
เวรแท้ ๆ รู้สึกว่า กุจะเถียงๆกะอินี่ แนว ๆ อย่างนี้ นานมาก ๆ
จนสุดท้ายกุก็เริ่ม ๆ จะเซ็งๆแระ จะด่า หรือไม่ด่าดี
แต่ถ้าด่าก็ไม่ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรสิแล้วมันก็บอกว่า
อินั่น : เอาเป็นว่า ถ้าเบอร์นี้ โทรหา เธอก็ไม่ต้องรับนะ ... ผลัวะ !
( เสียงทอสับวางไป เต็มกกหูกุ )
อิเหี้ยยยยยยยยย พ่องตายยย อิเยะเป็ดดดดดดดดด
กุเสือกมาด่ามันตอนวางสายไปแล้ว น้องกุหันมาถามว่า
" ด่ากะใครวะ แม่งเสียงดังชิบหาย เกรงใจชาวบ้านเค้าบ้างเด้ะ "
กุก็เลือดขึ้นหน้า อินี่แม่งใครวะหาว่ากุแย่งผัวมัน
โกวิท บ้าบออะไรนี่ ตำรวจด้วย แค่ ควย อันเดียว
กุจะต้องไปแย่งใครวะ วีนแตกมากกุกุทนไม่ไหว
โทรไปเล่าให้ไอ่บิวฟัง แระกุก็บอกไอ่บิวว่า
" เห้ย มึง กุไม่ไหวแระ เด๊วกุโทรไปด่าแม่งก่อนสัดนี่ "
กุไม่ยอมอ้ะ ไม่เคลียร์ ไม่รู้เรื่อง แร้วแม่งด่ากุ
( แระตอนนั้นเสือกไม่คิดถึงเงินในมือถือว่าจะหมด )
พอกุโทรไป เชี่ยนั่นวางสาย ไม่ยอมรับสายที่กุโทรไป
ซักพัก มีคนโทรเข้ามาเป็นผู้ชายโทรมาบอกว่า
เมื่อกี้โทรมาเบอร์นี้เหรอคับ กุก็บอกว่า ใช่แล้วเมื่อกี้
ใครมันโทรมาบ่น มาด่าก็ไม่รู้ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
มันบอกว่า " อ้อ แฟนผมเองคับ เค้าด่าน้องเหรอ เค้าว่าอะไรน้อง
ผมขอโทษด้วยนะคับ " กุก็ถามว่า " แล้วพี่เป็นใครน่ะ
( เริ่มวีนแตกสุด ๆ ) แล้วให้แฟนโทรมาด่าทำไมเนี่ย บลิวไปแย่งผัวเค้าตอนไหนวะ "
ขวดตำรวย : เอ่อ ... น้องชื่อ อึ่ง รึป่าว
กุ : เห้ย จะบ้าเหรอ ชื่อบลิว อึ่งไหน
ขวดตำรวย : เอ้อ ... น้องรู้จัก น้องนุ่นรึป่าวครับ
พอดีว่าพี่เปลี่ยนทอสับกะน้องนุ่นมาใช้น่ะ
กุ : อ๋ออออ อินุ่นน่ะเหรอ อินุ่นที่อยู่ เพชรบูรณ์ใช่แมะ
เออ รู้จัก เพื่อนบลิวเอง กุมานึกขึ้นได้ว่า
กุบังคับให้เพื่อน ๆ เรียกกุว่า " อึ่งน้อย " เพราะคิดว่าน่ารัก ซะเต็มประดา
อินุ่นเรย เชิดชูเกียรติ ให้กุ โดยการเมมชื่อกุในทอสับมันว่า " อึ่ง "
กุเรยอธิบายมันไปว่ากุชื่อบลิว แต่บังคับให้อินุ่นเรียกว่า อึ่งน้อย
แระกุก็รู้ว่าอินุ่นกะอิพี่คนนี้เปลี่ยนทอสับกันใช้
พี่คนนี้เป็นน้ามัน น้าแบบลูกพี่ลูกน้องกันยังไม่แก่เท่าไหร่
เพราะกุเริ่มนึกออกราง ๆ แล้วว่ากุเคยเจอหน้าเค้า
ตอนเค้ามารับกุกะเพื่อน ๆ ไปบ้านอินุ่น
ตอนพวกกุไปแร่ดที่เพชรบูรณ์กัน
ถามไปถามมา กุซึ่งไม่ไหวแล้ว ก็ด่ากราด ไปซะ
กุ : แล้วอะไรน่ะ แฟนพี่อะไรวะ ทำไมต้องมาด่า
ว่าบลิวไปแย่งผัวเค้าด้วย พูดก็ไม่ดี งงไปหมด
ขวดตำรวย : เค้าด่าน้องเหรอคับ พี่ขอโทษแทนเค้าด้วยนะคับ
กุ : ไม่สนโว้ย ! จะโทรไปด่าอินุ่น แม่งเอ๊ย อะไรวะ
จะด่าอินุ่นนนนน !!!!!!
ขวดตำรวย : น้องจะโทรไปด่านุ่นเค้าทำไมอ้ะ
ก็พี่ผิดเองอ้ะ แฟนพี่มันก็ไม่ยอมถามพี่ก่อน
จู่ ๆ มันก็มาด่าพี่เหมือนกัน
กุ : ไม่รู้ ไม่สนใจ จะด่าอินุ่นว้อย
พอวางจากไอ่ควายพวกนี้เสร็จ กุจึงโทรไปวีนแตกกะอินุ่น
โอ้ อนิจจา ... น่าสงสารอินุ่นมาก ๆ ที่เสือกมารับเคราะห์กรรม
โดยที่แม่งไม่รู้เหี้ยไรเรย กุก็เล่า ๆ ให้มันฟังกุไม่ยอม
ยังไง ๆ กุก็ไม่ยอม กุบอกอินุ่นว่า ถึงแม้มันจะไม่ได้ด่ากุ
ด้วยถ้อยคำหยาบคายแต่กุถือว่ามันด่ากุ
เพราะว่า มันพูดเชิงว่ากุอ้ะ ไปแย่งผัวมัน อิดอก ผัวมึงหล่อตายเรย ครวย
พอฟ้องอินุ่นเสร็จอิดอกนั่นก็โทรมาหากุ
ถามกุประมาณว่า
อินั่น : นี่เธอ เมื่อกี้เธอบอกแฟนชั้นเหรอว่าชั้นด่าเธอ
ชั้นด่าเธอตอนไหน ฮะ !
( น้ำเสียงตอแหลมาก ๆ อ่านแล้วลองทำเสียงตามดู )
กุ : เอ๊า ก็ด่าซี่ ทำไมจะไม่ด่า
อินั่น : เหรออออ อออ ออ
( ลากเสียงยาน ๆ เหมือนนมยาน ๆ ของมัน กุคิดว่านมมันคงยาน )
เค้าเรียกว่าด่าเหรอ ชั้นไปด่าเธอตอนไหน
กุ : โอ๊ยยยย ชิบหาย ก็มึง ! อ้ะ ด่ากุ ! อิแร่ด
เมื่อกี๊ มึงบอกว่ากุไปแย่งผัวมึง พอใจมั้ย ควยเอ๊ย
อินั่น : อะไรกันเนี่ย นี่เธอหยาบคายมากเลยนะ
ชั้นจะถามน้องนุ่นว่าทำไมมีเพื่อนแบบนี้
กุ : เออ อิเหี้ย มึงไปถามเลยนะอินุ่นน่ะ
มันน่ะรู้สันดานกุดี หนอย ... ตอแหลนะมึงมาด่ากุแล้วทำเป็นรับไม่ได้
โดนกุด่าหน่อยเดียว
อินั่น : ( ลากเสียงยาน ๆ เหมือนนมของมันอีกแล้ว ) เหรออออ
นี่น้องนุ่นมีเพื่อนแบบนี้เหรอเนี่ย
กุ : ( เริ่มรมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมแระ ) โว้ยยย อิห่า กุคุยไม่รู้เรื่องแล้วโว้ย
มึงจะกระแดะจีบปากจีบคอไปถึงไหนวะ
เด๊วกุจะไปตบมึ้ง
อินั่น : เหรอ มาตบเลยเหรอ มาสิ ๆ
กุ : เออโว้ย มึงรอกุอยู่นั่นแหละ กุจะไปตบมึง
สันดาน อิแร่ด ตอแหล ควยเอ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หลังจากนั้นก็ด่าอีกหลาย ๆ อย่าง เหอะ ๆ อารมณ์แบบว่า
ถ้าอยู่ตรงนั้น อินี่โดนตีนกุไปจริง ๆ แล้ว
เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ จนอิโบน้องกุมันต้องเตือนว่า
" เฮ้ย อะไรกันวะ ใจเย็น ๆ นี่มันหอพักนะเว้ย "
กุสั่นเป็นเจ้าเข้าเรย ใครมาขอหวยกุตอนนี้ คงได้เลขเด็ดไปแน่ ๆ
แต่ตอนนั้น กุอยากเข้าไปตบมันมาก ๆ กุหมั่นไส้มันสุด ๆ
กุว่ากุก็เข้าใจอารมณ์คนหึงนะ แต่กวนตีนกุนี่ รับไม่ได้จริง ๆ
กุว่ากุอาจจะเห็นใจถ้ามันมาขอโทษกุ แต่นี่ไม่ได้ขอโทษ
แร้วเสือกกวนตีนแบบนี้อีก โอ๊ย ... ยิ่งพิมพ์ก็ยิ่งอยากจะตบแม่ง
กุทนไม่ไหวโทรไปด่ามันอีก ตอนแรกมันกดวางสายกุ
ซักพักไอ่เหี้ยขวดตำรวยนั่นก็โทรมา
กุ : เฮ้ย นี่แม่งอะไรกันน่ะ ตกลงจะไม่จบใช่แมะ
กุจะได้ไม่จบด้วย
ขวดตำรวย : เอ่อ ... น้องครับ เมื่อกี๊พี่ต้องขอโทษแทนแฟนพี่ด้วยนะครับ
กุ : โว้ย มันอะไรนักหนาวะพี่ นี่บลิวอยู่ของบลิวดี ๆ นะ
ทำไมต้องโทรห่าไรอย่างนี้ด้วยวะ แม่ง
เริ่มรมณ์ไม่ดีแล้วนะโว้ย
ขวดตำรวย : อ่อ ครับ ๆ
กุ : ฉอดดดดด แว้ด ๆ ว้าก ๆ ๆ ๆ ๆ ฯลฯ ( สารพัดคำด่าแบบเหี้ย ๆ ควาย ๆ )
ซักพักกุได้ยินเสียงอินั่นพูดแทรกมาว่า
อินั่น : โทรไปหามันทำไมอีก
ขวดตำรวย : เธอยังมาพูดแบบนี้อีก จริง ๆ แล้วเธอต้องขอโทษเค้านะ
( พูดน้ำเสียงกระแทก ๆ )
อินั่น : ขอโทษมันทำไม คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุย
... จากนั้น ...
ตุ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สียงวางสายทอสับไป แม่ง เซ็งจริงๆเรยกุ
อยากเจอหน้าจริง ... จริ๊ง อิพวกอย่างเนียะ
ว่าถ้าเจอแม่งแร้ว กุเอาเรื่องเข้าจริง ๆ กุอยากรู้นักว่า
แม่งจะเจ๋งอย่างปากมั้ย กุเป็นคนไม่หาเรื่องใคร
แระเป็นคนขี้สงสารชอบเห็นใจคนอื่น
แต่กุก็รังเกียจและทนไม่ไหวถ้ามีคนมาหาเรื่องกุเหมือนกัน
กับอินี่ กุเริ่มไม่ไหวแระแม่พระในตัวกุเริ่มเป็นนางมารแระ
อย่าเรยเชียว กุอุตส่าห์แต๊บความเป็นมารเอาไว้
อย่าให้กุแสดงออกเชียว เยะเป็ด !
แร้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องอีกเรื่องนึง
ที่ทำให้กุเม้าท์กับเพื่อน ๆ ไปอีกหลายวัน
ถ้าเปรียบเทียบกับสัตว์เวลาออกล่าเหยื่อก็คงประมาณว่า
ออกไปหากินแล้วอิ่มไปหลายวัน
( มันเกี่ยวมั้ยวะ มั่วสัด ๆ เรยกุนี่ งิงิ )
เรื่องนี้มันคงสอนให้รู้ว่า
" ความเห็นใจ หรือการเอาใจเขาใส่ใจเรามากเกินไป
บางทีแม่งก็ทำให้กุแต๊บหลุดอยากตบคนได้ "
หมดความสงสารจริง ๆ อิเวรนี่
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า สะเบิ้งสะเจิ้ง อ่านว่า สะ - เบิ้ง - สะ - เจิ้ง
แปลว่า อาการของคนที่หลุดโลก บ้า ๆ บอ ๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แต่งประโยค คนตี้อกหักแล่วฮับความเป๋นจริงบ่ได้ บางทีกะย่ะก๋ายเป๋นคน
สะเบิ้งสะเจิ้งได้ เอ็นดูง่าว
แปลอีกทีว่ะ คนที่อกหักแล้วรับความเป็นจริงไม่ได้ บางทีก็จะกลายเป็นคน
หลุดโลก ๆ จิต ๆ บ้า ๆ บอ ๆ ไปได้ น่าสงสารมั่ก ๆ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล. แล้วบล็อกกุก็คืนชีพอีกครั้งหลังจากที่หายไปนาน
จนคนบางคนคิดว่ากุตายห่าไปแล้ว
กว่าจะบิ๊วด์อารมณ์อัพบล็อกได้ นานสัด ๆ นานเหมือนกุเบ่งขี้เรย งิงิ
แต่กุก็กลับมาแว้ววว... และกุยังไม่ผอม T_T ...


วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2549

ตัวมาร

สมัยที่ยังเรียนวิชาการแสดงละครสำหรับเด็ก
( จริง ๆ ชื่อวิชาไม่ใช่แบบนี้ แต่กุนึกได้แบบนี้ ช่างหัวมัน )
มีอยู่วันนึงที่ตรงกับวันบวชเพื่อนกุ วันที่เท่าไหร่วะ แม่งจำไม่ได้
ไอ่กานต์ มันคือเพื่อนของกุและของเพื่อน ๆ ในห้อง
เพราะไอ่เหี้ยนี่มันเคยเรียนกับพวกกุตอนปี 1 เทอม 1
มันเป็นผู้ชายคนเดียวในห้อง เป็นสิ่งที่พวกกุรู้สึกหวงแหนอย่างมาก
ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม กลัวของจะพัง !
จริง ๆ แล้วห้องกุแม่งมี ผู้ชาย 3 คน แต่เป็นตุ๊ด 2 คน เหลือไอ่กานต์มาหน่อเดียว
แล้วไอ่กานต์มันก็ไม่กลับมาเรียนอีกเลย สอบแม่งก็ไม่มาสอบ
ด้วยอาการติดเมีย หรืออะไรแนว ๆ นี้
( หรือมันคิดแล้วว่า กุไม่น่าจะหลงมาเรียนกะอิห่าพวกนี้เล้ย อืม ... เป็นไปได้ )
แต่มันก็ยังคงเป็นเพื่อนพวกกุอยู่เสมอ
ตอนแรก ๆ มันก็ส่งการ์ดส่งซองมาให้เพื่อน ๆ แต่ยังเรียนกันอยู่ยังไม่ได้ทำงาน
จากซองหลายซอง พวกกุจึงรวบไว้ให้เหลือแม่งซองเดียว
โฮะ ๆ ๆ ๆ ไม่ได้งกนะคะ ถ้าได้ทำงานกันแล้ว
พวกกุคงได้ร่วมอนุโมทนาไอ่กานต์มากกว่านี้
ตอนแรกคิดแล้วว่า แม่งเอ๊ย ไม่ได้ไปงานบวชไอ่กานต์แน่ ๆ เพราะติดเรียนช่วงบ่าย
พอเข้าเรียน นั่งรอจารย์จนเจ็บก้น ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจารย์จะเข้ามาสอน
แต่ละคนนั่งรอจารย์เข้าสอนก็กระสับกระส่ายไปด้วย อย่างกะคนติดยาบ้า
เพราะพะวงเรื่องงานบวชเพื่อนเก่า นั่นเอง
สุดท้าย อิรุ่นน้องปี 2 เอกนิเทศ แม่งเสือกตะโกนบอก
อิรุ่นน้องปี 2 : พี่ ๆ คะ จารย์บอกว่าวันนี้ไม่สอนค่ะ จารย์ไปธุระ
พวกกุ : กรี๊ดดดดดดดดดดดดด จริงเด้น้อง กรี๊ด ๆ ๆ เฮ้ย ๆ ๆ ไปงานบวชไอ่กานต์กัน
และแล้ว กุกับเพื่อน ๆ ในห้อง 20 กว่าชีวิต ก็ขี่รถไปเป็นขบวนตาม ๆ กันไป
แม่ง ยังกะจะรวมพลไปตีกะนักเลง หรือไม่ก็เหมือนขบวนขันหมาก
ไอ่ที่ตามกันไปไม่ใช่เป็นห่วงเหี้ยไรกัน แต่ตามกันไปเพราะไม่รู้จักวัดที่มันจะบวช
ไอ่ชื่อวัดมันก็คุ้น ๆ ชื่ออยู่หรอก แต่เพราะไม่เคยไป ก็ไปไม่ถูก
ตามกันไป ไอ่คนที่อยู่ข้างหน้า แม่งก็พาหลงไปนู่นไปนี่
ก็ใช่ว่ามันจะรู้ที่ไหน ก็เสร่อ ๆ ขี่ตรงไปเรื่อย ๆ ถามเค้ากันบ้างตามประสาคนมีปาก
สุดท้ายไปถึงงานก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว โอ๊ะ ... พวกกุไปถึงทันตอนที่เค้ากะลังบรรเลงเพลง
พวกกุก็พูด ๆ กันว่า เออดีเนอะ มาทันเค้าจะแห่นาคเข้าโบสถ์ กันพอดี
ตอนแรก ๆ ก็เข้าไปไหว้แม่ไอ่กานต์กันก่อน นำทีมโดยหัวหน้าห้อง
เพราะไม่รู้จะส่งใครเข้าไปเสือก มะรู้จักหน้าตาแม่มันเลยนี่หว่า
เลยให้ลอง ๆ ไปถามว่าใช่รึป่าว พอบอกว่าใช่ เลยยกขบวนกันไปไหว้เค้า
แม่ง มีมารยาทจริง ๆ ใช้ได้ ๆ ถึงตอแหล แต่มือไม้อ่อน งิงิ
( แต่ปัญญาไม่อ่อน อาจจะกลวงนิด ๆ แต่ก็ถือว่าไม่อ่อนล่ะวะ )
อิปูน หัวหน้าห้อง และทอมคนเดียวในห้อง วาดลีลา
การแดนซ์หน้านาคอย่างเร้าใจ ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปี กุไม่เคยเห็นอิเหี้ยนี่เต้นเลย
นี่ถือว่ามางานบุญ นะเนี่ย กุจึงได้มีบุญเห็นมันแดนซ์หน้านาค
พวกกุก็เริ่มไปเต้น ๆ รำ ๆ แดนซ์ ๆ หน้านาคกันอย่างเมามันส์
แต่กุเริ่มรู้สึกสะอิดสะเอียน ชิงชังอย่างแรง คงเป็นเพราะ
เห็นเด็กตัวเล็ก ๆ ตัวกะเปี๊ยกเดียว ถือขวดเบียร์ เดินเมาแอ๋
ร่อนไปร่อนมา หน้าตาแม่งได้ที่แระ มือนึงถือขวด อีกมือมาสะกิด ๆ พวกกุ
ให้ไปแดกกะมัน โอ๊ย ไม่ไหว กุไม่เอาด้วยคน
พวกกุก็หลบ ๆ หลีก ๆ กันไป พาลก็ร่วมนินทา แบบไม่กลัวบาป
ถึงพฤติกรรมของอิเด็กเหี้ยนี่ ว่า พ่อแม่มันแม่งทำไมปล่อยลูกแบบนี้วะ
ยังไม่โตเลย เสือกแด่กขนาดนี้แล้ว
โตไปอีกหน่อย กุว่าแม่งแด่กเหล้าเป็นน้ำยิ่งกว่านี้อีกมั้ง
พากันวิพากย์วิจารณ์กันซักพัก เริ่มรู้สึกว่า เฮ้ยแม่ง
เขตวัดนี่หว่า นินทามากไปก็บาปหนัก ปากหมาในวัด ไม่ไหว ๆ
เลยหันหน้ามาแดนซ์หน้านาคกันต่อ วุ้ยมันส์จริง ๆ แตร + วงเค้า
แต่กุก็โคตรเซ็ง เพราะกว่าแม่งจะเดิน กุนี่แดนซ์หน้านาคเดินนำหน้าไปตั้งนานแระ
อิข้างหลังแม่งยังไม่ตามกุมาเลย กุกะเพื่อน พักแล้วพักอีก
หันไปคุยกัน " เฮ้ยแม่ง ไมมันช้างี้วะ ชิบหายกุเหนื่อยแร้วนะ "
พอนั่งรอตั้งนาน มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินมาถึงพวกกุซ้ากที
ด้วยความตอแหล อยากแดนซ์หน้านาค
ไม่รงไม่รอมันแล้วว้อย มึงไม่เดินมา เออ กุเดินไปเองก็ได้วะ
ก็ชวน ๆ กันวิ่งไปแดนซ์หน้านาคต่อ
มาจะกล่าวบทไป ถึงไอ่ตัวมารจัญไรส่วนหนึ่งในงานบุญ
ไอ่เหี้ยพวกนี้ เห็นพวกกุแดนซ์หน้านาคกัน ก็กัน ๆ ตัวกุ กะเพื่อน
ให้อยู่คนละฝั่งกัน พวกมันรุมกุ อิสัด จะให้กุแดกเหล้า
ชิบหายแล้ว เหล้าเพียวจะกรอกปากกุ๊ ไอ่เหี้ยยยยยยย
หันหน้าไปมองเพื่อน ก็โน่นเลย โดนแขนล่ำ ๆ ของไอ่สัดพวกนี้
กันไว้ มันเข้ามาช่วยกุไม่ได้ เอาไงดี ๆ ๆ กุเลิ่กลั่ก ๆ
นี่มันจะปี้กุเหรอ ๆ คิดในใจ เหงื่อแตกพลั่ก เหี้ยร้อนก็ร้อน หายใจไม่ถนัดเลย
( จริง ๆ แล้วกุก็กลัวเกินเหตุ แต่แม่งน่ากลัวจริง ๆ ชิบหาย )
กุหันไปมองอิห้อยเพื่อนเกย์ที่ร่วมแก๊งตอแหลของกุ
อิห้อยพนักหน้าเป็นเชิงบอกกุว่า มึงแดก ๆ ไปเหอะ แด่กแร้วมันก็ปล่อยมึง
กุจึงรับมาจิบ ๆ แหวะ เหล้าเพียว ๆ อยากจะอ้วกเลย เซ็ง ขมเยะเป็ด !
วันนั้นกุตั้งใจไปแดนซ์หน้านาค ไปร่วมทำบุญเพื่อนกุ
แต่กุต้องมาได้บาปเพราะไอ่สันดานหัวครวยพวกนี้
อยากกระโดดถีบหน้าแม่ง แต่ทำไม่ได้ พวกมันเยอะ
อีกอย่าง กุตัวเตี้ยอย่างนี้ อย่าว่าแต่โดดถีบเลย แค่เงยหน้ามองมัน
กุก็แทบหงายหลังแล้ว แม่ง มันสูงกัน หรือกุเตี้ยเองวะ
พอกุเอามาจิบแล้วกุก็ขอตัวออกนอกวงโคจรแขนล่ำ ๆ ของพวกมัน
ตอนแรกมันจะไม่ให้กุออก อ้าวตายห่าแล้ว กุจะออกยังไงดี
โชคดีที่ โอ๋ เพื่อนกุมันอาศัยตอนเผลอกระชากกุออกนอกวงได้
เหอะ ๆ ไม่งั้น กุคงเป็นลมตายห่าไปซะก่อน สูง ๆ กันแล้วปิดอากาศหายใจกุ
นึกถึงเวลาเดินกะเพื่อนสูง ๆ มันจะชอบถามกุว่า
" อิบลิว อากาศข้างล่างเป็นไงบ้างวะ อากาศข้างบน ดี๊ ... ดี "
เป็นคำถามที่กุอยากเอาตีนยัดปากเพื่อนมาก ๆ
แต่ตอนนี้ ถ้าเพื่อนกุถามแบบนี้ กุจะตอบมันว่า
" อากาศข้างล่างแม่งโคตรเหี้ยเลย กุจะเป็นลม "
ไอ่พวกตัวมารพวกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กลุ่มเดียวเท่านั้น
มันลามไปทุกหย่อมหญ้า ของงานบวชทุกที่
( กุคิดงั้นนะ )
ตอนกุไปงานบวชแฟนเพื่อนกุก็เหมือนกัน
ตอนแรกตกลงกะอิช่อเอาไว้
กุ : อิช่อ เราไปแดนซ์หน้านาคกันดีกว่าเว้ย
อิช่อ : เออ ๆ กุก็อยาก ๆ เด๊วรอให้แม่งตั้งขบวนก่อน
กุ : เออ ๆ งั้นเราไปยืนรอแม่งหน้าขบวนเรยดีกว่าว่ะ
ว่าแร้วกุ 2 คน ชมรมคนหน้าด้าน ตอแหล แห่งประเทศไทย
ก็เดินไปรอหน้าขบวนแห่ ถือซะว่า มาเอาบุญเพราะแฟนเพื่อนบวช
ที่ไหนได้ พอเค้าเริ่มแห่ กุก็แดนซ์ ๆ กันอยู่
ไอ่เหี้ยตัวมาร แม่งก็มาอีกแระ ชอบมาขัดจังหวะที่กุแดนซ์กันซะเหลือเกิน
มึงจะแดนซ์ จะแดกเหล้าเหี้ยไรก็เรื่องของมึ้ง
ทำไมจะต้องเอาพวกกุไปเกี่ยวด้วย
อีกอย่าง กุนัดกะเพื่อนแล้วว่ากุจะแดนซ์ แล้วแม่งมาขวางทางกุ
ตอนแรกกุก็ไม่รู้ แม่งมัวแต่แดนซ์จนลืมหน้าลืมหลัง
หันไปอีกที ชิบหายแล้ว เพื่อนกุหาย
เหลือแต่ไอ่ขี้เมา มาก้อร้อก้อติก กุก็ใช่ว่าจะสวยอะไร
แต่มันคงแปลกที่เห็นพวกกุไปแดนซ์ล่ะมั้ง
ถ้าเป็นผู้หญิงจะมีแต่รุ่นแย้มฝาโลง แต่ถ้าเป็นผู้ชายมันคงไม่ได้แปลกมาก
เพราะเพื่อนของนาคที่แห่ ก็มาแดนซ์หน้านาคกัน
กุหันไปหาเพื่อน มองซ้ายมองขวา เฮ้ยแม่ง เพื่อนกุหาย ๆ ๆ ๆ
ตายห่าแล้ว หันกลับมาอีกที ก็มีไอ่ขี้เมา กลุ่มเดิม
เอาไงดีวะ ยิ่งเดินไป มันก็ยิ่งบีบวงของมันให้แคบลง
เอาวะเป็นไงเป็นกัน กุต้องหาทางหนีจากพวกมันให้ได้
ถึงกุจะตอแหล แต่กุเลือกนะโว้ย !
จากนั้น กุทำทีเป็นโปรยยิ้มให้มัน สวยไม่สวยกุไม่รู้
ที่แน่ ๆ กุโปรยยิ้มเสร็จ ก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวไปหาเพื่อนกุเลย
ช่างหัวแม่งมัน สัดสันดานพวกนี้ มึงเชิญแดนซ์หน้านาคเอาบุญให้พอใจ
กุจะเอาบุญอะไรกับเค้าบ้างนี่ ไม่ได้เลยนะ
ขวางแม่งตลอด แม่งเจอทุกงาน น่าเบื่อสุด ๆ อยากเอาตีนลูบหน้า
ตกลงว่า กุนี่คงทำบุญอะไรกับเค้าไม่ขึ้นเลย มีตัวมารตลอด
นี่ถ้ากุสวย หุ่นดี ซะหน่อย กุจะอ่อยเหยื่อแม่ง
แต่นี่ อะไรวะ ไม่ได้มีเหี้ยอะไรเล้ย แม่งก็มาขวางกุ๊
โอ๊ย ... เบื่อโว้ย จะไปแดนซ์หน้านาคที่ไม่ใช่คนรู้จัก
กุก็อายเค้า นี่เห็นว่างานบุญเพื่อน เออแม่ง ก็มาโดนงี้อีก
ไม่องไม่เอาแม่งแล้ว บุญ ชีวิตกุมีแต่บาป
บาปที่ไปด่าเค้าในใจ แถมยังเอาไปนินทากะเพื่อนอีก
ไม่ให้กุนินทาคงไม่ไหว กุอึดอัดตายห่า
เสือกทำตัวงี้ กุด่าซะชิบหายวายป่วงไปเลย
สะใจบนความบาป เว้ย พูดแล้วอยากถีบหน้ามัน
ไอ่หน้าส้นตี๊นนนนนน !!!
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ล้วก อ่านว่า ล้วก แปลว่า ฉลาด
แต่งประโยค น่องดุ๊กดิ๊กเป๋นคนล้วกขนาดได้เกรด 4.00 ทุกเทอมเลย
แปลอีกทีว่ะ น้องดุ๊กดิ๊กเป็นคนฉลาดโคตร ได้เกรด 4.00 ทุกเทอมเลย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล แต่กุก็ยังไม่เข็ด ไว้มีโอกาสเหมาะ ๆ เพื่อนๆจะบวชอีกกุจะไปแดนซ์หน้านาคเหมือนเดิม
( รู้สึกตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แม่งมีเพื่อนบวชแร้ว งิงิ
พ่อบอกกุว่า กุก็ควรบวชได้แล้วนะ
เวรแล้ว หนูเป็น ญ นะคะพ่อขา กรี๊ดดดด )

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549

ออ ... ที่รัก

ตั้งแต่ปี 1 อาจารย์บอกกุและเพื่อน ๆ ว่า
" พวกเธอจะต้องมีการไปสอนเด็กฯ ที่บ้าน "
โดยอาจารย์จะกำหนดเวลาที่จะต้องสอนให้
ในตอนนั้นกุก็สอนเด็กเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่บ่อย ๆ
เพราะไม่ค่อยมีเวลาสอนเด็กคนเดิม
แต่สุดท้ายกุก็ได้เคสอย่างเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา

น้องเป็นเด็ก ออทิสติก แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นรุนแรง
อาจจะเป็นเพราะน้องได้รับการฝึกตั้งแต่เล็ก ๆ จากแม่
แล้วแม่ก็พาน้องไปหาหมอ ก็คงได้ฝึกอะไรต่อมิอะไรได้เรื่อย ๆ
แถมน้องก็ยังเป็นเด็กที่เข้าเรียนในศูนย์ฯ ที่กุเรียนอยู่ด้วย
ตามปกติแล้ว เด็กออทิสติก หน้าตาก็จะเป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไป
แต่พฤติกรรมหรือการเรียนรู้มันไม่ใช่
น้องเป็นเด็กหน้าตาดี รูปหล่อ น่ารัก อายุไม่ถึง 10 ขวบ
กุก็ไปบ้านเค้า ไปฝึกไปสอนเค้า 

กุ : หนูครับ ขยำดินน้ำมันสิคับ
น้องก็จะแลบลิ้นใส่กุ แล้วก็วิ่งหนี ๆ ๆ แล้วก็ออกไปกระโดดเล่นหน้าบ้าน
กุก็สุดจะทนกะมัน เด๊วนี้แม่งก็ไม่เคยเชื่อเหี้ยไรกุเรย
พูดปากเปียกปากแฉะจนปากแทบเน่าเพราะฮ่องกงฟุตอยู่แระ ( ใช่เหรอ ? )
แม่งก็ไม่ฟังกุ
ทำให้เลือดสูบฉีดเข้าหัวใจกุล้นปรี่ด้วยความโกรธ อยากจะกระชากตบก็ทำบ่ได้
เพราะกุรักเด็ก ต้องทน ๆ ๆ ๆ ฮึ่ม ๆ มึง ๆ ๆ ๆ มึงไม่ฟังกุ๊
แต่กุก็เข้าใจในตัวเด็ก ถ้าเรียนเอกนี้แล้ว
ไม่มีความเข้าใจ กุว่าอย่าเรียนแม่งเรยดีกว่า คิดงี้ก็ดีขึ้น
คงเป็นเพราะตอนนี้น้องโตแล้ว เรียนรู้อะไรได้มากขึ้น
กุจึงเริ่มอยากจะหาเด็กมาสอนใหม่น้องก็ไปเข้าเรียน
ในโรงเรียนปกติที่เป็นแบบเรียนร่วมแล้ว อะไรหลาย ๆ อย่าง
เปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่มันยังพอทำตามที่กุบอกบ้าง
ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะเค้าเครียด ที่ต้องอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่กดดัน
มันก็คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเด็กอยู่แระ
กุจึงเริ่มปรึกษากับครูที่อยู่ในศูนย์ฯ ที่กุเรียน
เค้าก็บอกว่า ให้กุลองเอาน้องอีกคนที่เป็นเด็กขั้นรุนแรงมาสอนที่บ้าน
น้องคนนี้เป็นเด็กที่ถือว่าโตแล้ว ในบรรดาเด็กในศูนย์ฯ
น้องเค้าอายุ 12 ขวบ เริ่มมีพัฒนาการทางร่างกายเป็นวัยรุ่น
( กุเคยแอบเห็น กร๊ากกก )
แต่น้องก็ไม่รู้เรื่องอะไรยิ่งกว่าคนแรกซะอีก
กุจำได้ว่า กุเคยเช็ดอ้วกน้องครั้งนึง เพราะตอนนั้นน้องนั่งอยู่คนเดียว
ก็เอากำปั้น ยัดใส่ปากตัวเอง แล้วก็อ้วกออกมา
โอ่ย กุจะบร้าตายห่า แม่งเอ๊ย ! ต้องไปหาผ้ามาเช็ดอ้วกให้
อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ต้องทำ แร้วตอนนี้กุก็ไปรับน้องมาสอนที่บ้าน
การฝึกก็อาจจะปกติเรื่อย ๆ ของมันดี ถ้ามันไม่เกิดเหตุการณ์นี้
น้องแม่ง ขี้แตก !
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แค่อ้วกกุก็ว่าหนักสำหรับกุแร้ว นี่มันขี้อีก แร้วน้องแม่งช่วยเหลือตัวเองบ่ได้
ทีนี้มันจะตกถึงใครล่ะ ถ้าไม่ใช่กุ๊ แง้ ๆ ๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
รับมาสอนวันแรก กุก็เจอดีเรย ทำไมไม่ถูกหวยเหมือนอย่างนี้บ้างวะ
แสดดดด
จริง ๆ แล้วน้องเค้าก็ใส่แพมเพิร์ส ไว้ตลอดเวลา
ถ้าแค่ฉี่กุจะไม่เดือดร้อนเหี้ยไรเรย แต่นี่แม่งขี้อ่ะ
กุอุตส่าห์ถามจากครูเค้าแร้ว ก่อนกุจะรับมาบ้าน
กุ : พี่คะวันนี้น้องขี้ยังอ่ะคะ
พี่ : อ่อ ก็เข้าห้องน้ำแล้วนะ พี่ล้างให้เองเมื่อกี้นี้
กุ : ง่า ดี ๆ ๆ เหะ ๆ ๆ หนูกลัวต้องได้ล้าง เหะ ๆ
พี่ : คงไม่แล้วล่ะ เพราะน้องถ่ายเป็นเวลา
กุจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่สุดท้าย สิ่งที่กุได้รับคือ ... น้องแม่งขี้แตกตอนมาบ้านกุนี่เอง
ชิบหาย ... ทำไงดีล่ะคราวนี้ ...
บ้านกุไม่ได้เคลือบยาถ่ายนะ ทำไมต้องเป็นเช่นนี้
มาจะกล่าวบทไป ถึงเรื่องขี้ ๆ
คงไม่มีใครขี้เป็นกลิ่น ราสเบอร์รี่ ฉะนั้น น้องเค้าก็เช่นกัน
ถ้ากุจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก็คงไม่ได้ เพราะมันเหม็นโคตร
กุเกิดความลังเล แม่ง ยิ่งลังเลเท่าไหร่ กุก็เริ่มจะทนไม่ไหว
คิดในใจ ... แม่งเอ๊ย กุจะพาน้องไปล้างดีมั้ยวะ
แต่อีกใจก็คิดอีกว่า ไม่เอ๊า ... ไม่เอา กุรับบ่ได้ ให้กุล้างขี้เนี่ยนะ
แม่กุเขียนงานอยู่ ก็บ่น ๆ ว่าให้พาน้องไปล้าง ด่ากุก็แล้ว
ว่ากุก็แล้ว แต่กุกลับไม่สะทกสะท้าน กุยอมให้แม่ด่า ดีกว่าให้กุล้างขี้ !
ในตอนนั้นกุคิดงั้น
สุดท้ายแม่กุคงทนไม่ไหว ( แต่กุเสือกทำเป็นทนไหว เพราะไม่อยากล้าง )
แม่กุเกิดอาการสุดจะทนกับพฤติกรรมจัญไรของกุได้
แม่กุเรยบอกให้กุพาน้องไปหาแม่ แร้วแม่จะเป็นคนล้างเอง
แต่กุเกิดความคิดในด้านดี ของความเป็นนางฟ้าอีกครึ่งของตัวกุ
กุคิดว่า เอาวะ ล้างก็ล้าง จะให้แม่ล้างได้ไง
กุจึงจัดการถอดแพมเพิร์สของน้องเค้าออกด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
อุวะ ... จริง ๆ กุก็เคยถอดแพมเพิร์สให้เด็กเล็ก ๆ อยู่เหมือนกันแหละน่า
แต่ตอนนั้นมันเป็นฉี่ค่ะ มันบ่ใช่เป็นขี้ ! คนละแนว คนละสปีชี่ส์กัน
พอกุถอดแพมเพิร์สน้องเสร็จ แม่ก็เอาไปเผาไฟรวมกับขยะทันที
อี๋ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แร้วกุก็จัดการล้างขี้น้อง แร้วก็อาบน้ำให้น้องด้วย
จะได้หอมสดชื่น ล้างสะอาด ดมยิ่งสะอาดล้ำลึก
แหวะ !
แหม่ ... แร้วน้องเค้าก็ไม่ใช่เด็ก ๆ ตอนกุถอดเสื้อผ้ามันหมด
กุก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมองตรงนั้นตรงนี้ ( กุไม่ใช่โรคจิตนะคะ )
กุก็ดันเหลือบไปเห็น อะไรต่อมิอะไรที่กุไม่คิดว่าอยากจะเห็น
อืม ... ไอ่น้อนี่มันโตแล้วจริง ๆ ด้วย กุแทบกรี๊ด
รู้สึกว่าตัวเองเขิน ๆ อยู่เหมือนกัน ทำไมต้องเป็นกุ๊
เมื่อกุอาบน้ำให้น้องเสร็จ ชำระ ชำแหละ อะไรหลาย ๆ อย่างหมดแล้ว
กุก็ไปหาเสื้อผ้าที่กุไม่ใส่แล้ว เอามาให้น้องใส่
แล้วก็ทาแป้ง แต่งตัวให้น้องใหม่เอี่ยม สดชื่น
แต่กุไม่ได้ขอแพมเพิร์สมา เพราะกุไม่คิดว่า น้องจะฝากรักให้กุขนาดนี้
กุคิดว่า ... เฮ้อ หวังว่าคงมีวันนี้แค่วันเดียวที่กุจะเจอดี
ตอนเอาน้องไปส่ง กุก็เล่าให้พ่อแม่ของน้อง แร้วก็พี่ที่เป็นครู ฟัง
เพราะพี่เค้า ไปรอรับน้องไปนอนที่บ้านอยู่แล้ว
สุดท้ายก่อนกุจะขอตัวกลับ แม่กะพ่อน้อง ก็เอาเสื้อผ้าของน้อง
แระก็แพมเพิร์ส ใส่ถุงให้กุ เอากลับบ้าน เพราะกุยังต้องเอาน้องมาสอนอีก
เค้าบอกว่า " เอาเผื่อไป เผื่อน้องขี้อีก "
เอาล่ะสิ นี่กุยังจะเจออีกเรอะ
พอกุรับน้องมาสอน กี่วัน ๆ น้องแม่งก็ขี้ทุกวัน
กุต้องพาน้องไปล้างทุกวัน

แม่กุเคยบอกว่า
" ก็คิดจะเรียนเอกนี้แล้วนี่ ทุกอย่างก็ต้องทนต้องทำให้ได้ ไม่งั้นจะเรียนทำไม "
เอาสิวะ ... กุเสือกมาเรียนแล้วนี่ จะจบแหล่ไม่จบแหล่อยู่แระ
เรื่องแค่นี้ กุต้องอดทนให้ได้
ฮือ ๆ ๆ เหลืออีกตั้งเดือนกว่า ๆ ที่กุต้องรับน้องมาสอนที่บ้าน
กุจะรอดไม๊วะเนี่ย แง้ ๆ ๆ ๆ
หลับก็ฝันว่าน้องขี้ ตื่นก็กินขี้ เอ๊ย ... ตื่นก็คิดกลัวว่าน้องจะขี้
แม่ง หลอนน่าดู๊ ทำไมชีวิตต้องพัวพันกับเรื่องขี้ ๆ ด้วยวะ
โอ้ววว เยะเป็ด !

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า อ่องอ้อ อ่านว่า อ่อง - อ้อ แปลว่า สมอง
แต่งประโยค รถจนกั๋นคนต๋ายเป๋นนัก น่องหันอ่องอ้อเขาไหลน่ากั๋วเจ่นเจ้า
แปลอีกทีว่ะ รถชนกันคนตายเป็นเบือ หนูเห็นสมองเค้าไหลโคตรน่ากลัวเรยค่ะ
บ๊าย ... บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล. ขออภัยหากท่านกำลังแดกข้าวอยู่ ช่วยไม่ได้ เสือกมาอ่านบล็อกกุเองนี่
ก๊าก ๆ ๆ สะใจแสด เยะเป็ด !
( เวลากุแดกข้าวแร้วนึกถึงเรื่องนี้ทีไร กุก็จะอ้วกแตกทุกทีสิวะ )

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2549

เด็กเอ๋ย ... เด็กดี

เมื่อวันเด็กที่ผ่านมาที่คณะกุ มีการจัดงานวันเด็กกัน
โดยคณบดี คืออาจารย์ที่ปรึกษาของกุเนี่ยแหละ
แกอยากให้มีการจัดงานวันเด็ก แกบอกว่า
" ที่สถาบันของเราเคยมีงานวันเด็ก แต่ก็ไม่ได้จัดมานานแล้ว
20 กว่าปีแล้ว ครูอยากให้วันเวลาอย่างนั้นกลับมาอีกครั้ง
ในฐานะที่คณะเรา เป็นที่ผลิตครู ควรจะมีงานอะไร
ให้กับเด็ก ๆ บ้าง "
เออ ... กุว่าความคิดนี้ดี กุก็เห็นด้วย เพราะทุกปี ไม่มีใคร
จะรู้จักว่า คณะกุจะมีงานวันเด็ก
เอาล่ะวะ ... คราวนี้ล่ะ จะได้รู้กันซักที ไหน ๆ ก็เป็นที่ผลิตครูแระนี่
หลังจากประชุมนัดแนะกันป็นที่เรียบร้อยทั้งคณะ ว่าเอกไหนทำหน้าที่อะไร
เอกกุก็นัดประชุมกันทุกชั้นปี แร้วก็แบ่งหน้าที่กันไปทำ
ปี 2 มันก็มีหน้าที่คิดกิจกรรม ปี 3 ก็มีหน้าที่ จัดซุ้มจัดสถานที่
ส่วนพวกกุ ปี 4 ก็มีหน้าที่เย็บกระทง ใบเล็ก ๆ
ไม่ใช่อะไร อาจารย์กุ เค้าอยากแจกข้าวเด็ก โดยเย็บกระทงเอา
แทนที่จะให้ใส่กล่องโฟม พวกกุก็เอาวะ นั่งเย็บกระทง
หลังขดหลังแข็ง กุซึ่งไม่เค้ยไม่เคย ก็ต้องหัดเอา
เย็บเสียบ้าง เละบ้าง เพื่อนด่ากันชิบหาย กุก็ยังจะเสือกนั่งทำ
หน้าด้านหน้าทน เพราะอยากทำเป็น โฮะ ๆ ๆ ๆ
อีกอย่าง พวกกุเรียนวิชาเลือกเสรี " การแสดงละครสำหรับเด็ก "
เรียนกะอาจารย์คณะมนุษย์ฯ แร้วจารย์แกก็ส่งละครที่พวกกุแสดง
มาช่วยงานนี้ด้วย แมร่ง ... กุก็ทำหน้าที่หลายอย่างเรย
ไหนจะจัดงาน ไหนจะแสดงละครอีก เหอะ ๆ
แร้วให้กุไปเตรียมกับน้องปี 1 เอกดนตรี ให้มันทำเสียงให้
กุโคตรเซ็ง พวกมันแม่งไม่รับผิดชอบเหี้ยไรเรย กุโทรไปด่าตลอด
นัดแร้วก็ไม่มา บางทีก็ไม่ซ้อม เหี้ยไรของมัน กุเซ็งสัด
บอกให้มาซ้อม ๆ พอบอกว่าเด๊วน้องจะไม่ได้คะแนนจากจารย์นะ
มันก็บอกว่าไม่เป็นไรคับพี่ ไอ่เชี่ย !
น่าถีบ สุดๆ
กุไม่ง้อแม่งก็ได้ แสดดดดดด ก็เลยตามเลยไม่ใช่คะแนนกุนิ่
คะแนนกุมีแค่แสดงละคร ส่วนพวกทำเสียงอะไร ก็คะแนนพวกมัน
เรื่องของพวกมึง !
และแล้วก็มาถึงวันงาน ... ทุกเอกเตรียมตัวเตรียมซุ้มกันอย่างดี
มีบางซุ้มเอากลองมาตี ร้องเพลงกันสนุกสนาน
นี่ถ้ากุไม่ติดภาระ ไปแต่งตัวแสดงละครนะ
กุไปเต้นเย้ว ๆ กับเพื่อน ๆ เอกคณิตไปแระ ร้องเพลงเต้นกันมันส์น่าดู
แร้วการแสดงละครก็เริ่มขึ้น เพื่อนกุที่รับผิดชอบเป็น ทีมงาน
ออกไปพูดๆแพล่ม ๆ กันก่อนเป็นนางฟ้า นางสวรรค์อะไรกันก็ไม่รู้
usher : น้อง ๆ คะ ต่อไปนี้พบกับละครเรื่อง " แม่อึ่งอ่างกับวัว " ค่า
แร้วพวกกุก็ออกไป คงไม่ต้องบอกว่ากุแสดงเป็นอะไร
ตอนแรกเพื่อนแม่งบอกให้กุเป็นแม่อึ่งอ่าง
แต่กุไม่สามารถที่จะทำหน้าที่อันทรงเกียรติ นี้ได้
กุไม่ถนัด เป็นแม่ ทั้ง ๆ ที่หุ่นกุให้จะตาย
แต่เป็นแม่อึ่งอ่างมันแร่ดไม่ด๊าย เป็นลูกอึ่งอ่างได้แร่ดกว่า
ได้พูดเสียงแร่ด ๆ ทำตัวแร่ด ๆ มากกว่า
แม่อึ่งอ่างแม่งเรียบร้อย ไม่ใช่ตัวกุซักนิด กุเรยไม่แสดง ซะงั้น
แม่อึ่งอ่าง จึงตกเป็นของเพื่อนกุ โดยปริยาย แกม ๆ บังคับ
วะฮะ ๆ
เห็นอาจารย์ที่สอนกุ เค้าเดินออกมาบอกตอนที่พวกกุแสดงเสร็จว่า
อาจารย์ : เมื่อกี้ คณบดี ที่ปรึกษาพวกหนูน่ะ หัวเราะจนน้ำตาไหลเลยนะ
พวกกุ : โว้ว ขนาดนั้นเรยเหรอจารย์ อะไรจะตลกขนาดนั้น
นี่ตลกพวกหนู หรือตลกบทกันแน่
อาจารย์ : นั่นสิ ครูก็ยังสงสัยอยู่ ปะ ไปถ่ายรูปไว้หน่อยเร็ว เป็นอนุสรณ์
อืม ... มันก็น่าเก็บไว้เป็นความทรงจำอยู่หรอก นะ เป็นอึ่งอ่างเนี่ย
จากนั้นกุก็ไปช่วยน้อง ๆ เอกกุ ทำกิจกรรม กุก็ทำเป็นชวนเด็ก ๆ
ประมาณว่าหลอกเด็กมาว่างั้น ให้มันมาเล่นเกมที่ซุ้มกุ
แร้วก็แจกหนม แจกของเล่น ให้เด็ก ๆ ไป
กุเหลือบ ๆ ไปดูซุ้มของเพื่อน ๆ เอกอังกฤษ
กุเห็นมันมีหน้ากากเซเลอร์มูนด้วย กรี๊ด ๆ ๆ ๆ แร้วก็เห็นถุงเป็นรูปเซเลอร์มูน
กุก็เดิน ๆ เข้าไปบอกมัน
กุ : กรี๊ดดดด มึงมีเซเลอร์มูนด้วยเหรอ ขอกุนะ เก็บไว้ให้กุอันนึงน้า
เพื่อน : บลิว มึงโตแร้วนะ นี่เอามาแจกเด็ก
กุ : แต่กุชอบเซเลอร์มูนนี่ ไม่รู้แหละ เก็บไว้ให้กุอย่างละอันด้วยนะ
จากนั้นกุก็เดินหนีไป ปล่อยให้พวกมันสาปแช่งกุตามหลัง
อิอิ
กุทนต่อเสียงร้องเพลงของเพื่อน ๆ เอกคณิตไม่ไหว
กุจึงวิ่งไปเต้นกะพวกมัน แฟนของน้องรหัสกุแม่งเสือกตาดี
มองเห็นกุ มันเรยยิ้ม ๆ แซวๆ แร้วชี้ให้น้องรหัสกุดูกุเต้น
น้องรหัสกุก็ตะโกนถามประมาณว่า กุไม่อายใครเรยเหรอ
แร้วกุจะอายทำห่าไร มันถามยังกะไม่รู้จักกุ
เป็นพี่น้องรหัสกันมากี่ปีวะ ง่าวจริง
แต่กุก็ไม่สนว่าใครจะแซวไง เสือกเก็บกด อยากเต้นมานานแระ
ก็เรย เย้ว ๆ กับเพื่อนๆเอกคณิตกันซักพัก แร้วก็กลับมาซุ้มต่อ
จากนั้นก็ไปแร่ด ๆ ที่ซุ้มของเอกวิทย์ต่อ อิอิ เหมือนผีตองเหลืองเรยว่ะ
แม่งต้องย้ายถิ่นย้ายฐานไปตลอดเวลา
นี่ถ้าอาจารย์กุไม่มองนะ กุจะเต้นให้เอวหลุด แต่นี่จารย์มอง
กุเรยเกรงอกเกรงใจนิด ๆ เซ็งว่ะ ไม่เป็นตัวของตัวเองเล้ย
หรือว่านี่กุหน้าด้านเกินไปวะ ?
ถึงเวลาที่กุต้องไปทวงเซเลอร์มูนกุแระ
กุเรยเดินไปหาเพื่อนเอกอังกฤษ
ถามว่าเซเลอร์มูนอยู่ตรงไหนจะให้มันหยิบให้
แต่มันบอกว่า มึงก็หยิบเองเหอะ กุเรยบ่เกรงใจ
เรยหยิบ หน้ากากเซเลอร์มูนมาอันนึง กร๊ากกก
ตามด้วย ถุงใบเล็ก ๆ ที่มีหน้าเซเลอร์มูน ก่าเซเลอร์มาร์ อีกถุงนึง
น่าร๊ากจริง ๆ แหม่ ... กุเห็นมะค่อยมีเด็กมา
กุเรยกลัวเสียของ เรยหยิบ ๆ มา ถือว่าความเป็นเด็กในตัวแระหัวใจของกุ
... มันเรียกร้องก็แร้วกัลล์ ...
จากนั้นกุแวะ ๆ ไปซุ้มที่แจกข้าว ปรากฎว่า กระทงใบตองที่พวกกุ
ตั้งใจลงแรง ลงมือ ลงเงิน กันทำ กลับกลายว่าไม่ได้ใช้เหี้ยไรเรย
ดันกลายเป็น กล่องโฟมไปได้ไงมะรู้
สอบถามจึงได้ความว่า กระทงมันแห้ง ไม่สามารถเอามาใส่ข้าวได้
กุก็ว่าแล้ว ... กุคิดไว้ตั้งแต่เย็บกระทงกันแระ
แต่ทำไงได้ เป็นความคิดของอาจารย์ พวกกุก็ไม่กล้าขัดใจ
ขัดใจไป ก็โดนเด่ะ แค่มองตา ก็ยังไม่กล้าจะมองเรย
ซวย เสียดายก็เสียดาย แม่ง อุตส่าห์ทำกัน ตั้งแต่เช้า ยันเย็น
ทำกันเป็นพัน ๆ กระทง เน่าแดกซะหมดเรย เซ็ง
มีเด็ก ๆ บางคน พ่อแม่จูงมือมา กุแอบขำ
เห็นเด็กคนนึง มือนึงจับพ่ออยู่ อีกมือนึง พยายามที่จะเอาไอ๊ติมใส่ปาก
มันเป็นไอ๊ติมแบบเขย่า ๆ ถัง เค้าเรียกกันว่า ไอ๊ติมหลอด
พอพ่อเค้าเดิน เด็กก็กะลังจาเอาเข้าปาก ไอ๊ติมก็หลุดจากปาก
เพราะเวลาเดินมันไม่ได้สัมพันธ์ก่ามือ
กุกะเพื่อนขำกันแทบตาย เดินที ไอ่มือที่จะกินไอ๊ติม ก็เฉไปอีกข้าง
ไม่เข้าปากซ้ากที เออนะ ... น่ารักไปอีกแบบ
เด็กบางคน ใส่ชุด ไอ้แมงมุม กุก็เข้าไปแซว น่ารักโคตร
บางคนใส่ชุด ซูเปอร์แมน กุก็เรียก ๆ ให้มันเข้ามาเล่นซุ้มกุ
เด็กก็งง ๆ เรยวิ่งหนีพวกกุไปซะงั้น น่าตบจริง ๆ 
อุตส่าห์ทำตัวใจดีแร้วนะมึง !
แต่ไม่เป็นไรค่ะ บลิวรักเด็ก โฮะๆๆๆ มึงหนีได้หนีไป
กุจะไปวิ่งจับตัวมึงม้า
...
กุสังเกตว่า ทุก ๆ คน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่
ก็มีความสุขกันทั้งนั้น เด็กๆได้ของแจก
ผู้ใหญ่ ( กุ ) ก็แต๊บของแจก อิอิ
สุดท้าย งานก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย
อาจารย์บอกพวกกุว่า ปีนี้คนยังไม่ค่อยรู้จักกันมาก
แต่ปีหน้า คงจะยิ่งใหญ่ แระไปได้ดีกว่านี้
กุก็ดีใจ กุอยากบอกทุกๆคนว่า
จริง ๆ แร้ว วันเด็ก ไม่จำเป็นที่ต้องให้เด็กไปเที่ยวได้อย่างเดียว
ผู้ใหญ่ก็เที่ยวได้ เพราะทุกคน ก็มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวเองอยู่แระ
แต่ทำเป็นซ่อน ทำเป็นแอบ กุก็ไม่เข้าใจว่าจะแอบหาพ่อง
หรือยังไง บางทีปลดปล่อยความเป็นเด็กกันซะบ้าง คงจะดีหรอกนะ
แต่ไม่ใช่ให้ปล่อยความเป็นเด็ก เรยไปแอบปี้เด็ก อันนี้ก็จังไรเกินไป
ไม่ดีนะคะ ไม่ดี คุกนะคุก
จากเพื่อนที่หาว่ากุแต๊บของแจกเด็ก มันก็กลายมาแต๊บกันเอง
เพราะแจกเด็กไม่หมด มันเหลืออีกบานเบอะ
แหม่ ทีตอนนั้น ล่ะว่ากุแอบจิ๊ก อีเวร
จารย์เรยบอกให้เพื่อนกุ อีกคน เอาไปแจกเด็กที่ถูกทิ้ง
ที่บ้านอะไรก็ไม่รู้ กุจำบ่ได้แระ ก็เป็นความคิดที่ดีแฮะ
งานนี้มีความสุขแร้วก็เหนื่อยสุด ๆ โคตร ๆ
ก่อนกลับบ้าน กุก็เข้าประชุมกับอาจารย์ แร้วก็เพื่อนๆน้องๆทุกๆซุ้ม
ว่ามีปัญหาอะไรกันบ้าง
พอกุกลับถึงบ้าน กุก็หลับเป็นตาย ไม่พูดไม่จากับใครทั้งนั้น
เหนื่อยชิบหายเรย
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ผะเลิด อ่านว่า ผะ - เลิด แปลว่า ลื่นล้ม
แต่งประโยค ตะวานี้ฝนมันต๊กนัก น่องเลยผะเลิด เจ๊บเจ่น
แปลอีกทีว่ะ เมื่อวานนี้ฝนตกหนัก นู๋เรยลื่นล้มเจ็บโคตร
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล. วันนั้นทั้งวัน กุท่องคำขวัญวันเด็กแทบตาย มาถึงวันนี้
กุก็ยังจำไม่ได้เรย น่าอายสรัด อายเด็ก ว่ะแม่ง

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2549

เรื่องของกุ ... ในรอบปี '48

โอวววว ... ถึงเวลาที่กุต้องรวบรวมสิ่งที่ผ่าน ๆ มา
แร้วอัดแน่นบีบเต็มไฟล์ เหมือน zip หรือ rar แร้วเหรอวะ
สิ่งที่เกิดมามีทั้งดีทั้งเหี้ย ก็หมุนวนเวียนกันไปตามเรื่องตามราว
มันก็คงจะเหมือนกับโลกที่หมุนนั่นแหละมั้ง
ร่างกายคนมันก็เกิดมาจากธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ มันคงขึ้นอยู่กับโลกสิน่า
และชีวิตมันก็คงจะไม่เรียบเหมือนโดนรีดจนเป็นกลีบโง้ง
กุยินดีที่สุด
เรื่องที่ 1
ในที่สุดกุก็ทำได้ริ้ววว กุสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ปี 4 ได้
เป็นไปได้ไงเนี่ย สมองกลวง ๆ กะหลั่ว ๆ แบบกุ จะมาถึงปีสุดท้าย
โอวววว กุเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ การี๊ด การี๊ด
เรื่องที่ 2
ทั้งการทดลองสอนตลอดระยะเวลา เดือนครึ่ง
ณ บางกอก
แระการฝึกสอนเต็มรูปแบบความเป็นควาย เอ๊ย ! ครู ของกุ
ตลอดระยะเวลา 5 เดือน พิดโลก
ผ่านไปแล้ว มันผ่านแล้ว ผ่านมา เอ๊อ ... เออ ผ่านไป
ไวเหมือนโกหก ตอแหล แต่มันก็ผ่านมาแร้วจริง ๆ
ยังกะฝันไป ครั้งนึงกุได้เอาตีนไปเหยียบไปย่ำแผ่นดินเมืองฟ้าภมร

แป๊บ ๆ กุก็มาซิ่งมอไซค์จนเมื่อยก้นเพื่อไปสอนภาษาไทย
( ซึ่งกุไม่ได้เรียนเหี้ยไรเกี่ยวกับเอกภาษาไทยเรย
มีความรู้พื้นฐาน กะต๊อยเดียว )
อีกอำเภอนึงที่ห่างจากตัวเมืองพิดโลก ประมาณ 20 กว่าโล
แหม่ ... อิห่า ... ทำไปได้นะกุ
เด็กๆติดกุกันงอมแงม ยังกะกุเอายาบ้าให้เด็กแดก
เรียกกัน " ครูบลิว ๆ " กันไม่ขาดปาก
รู้สึกดีใจ และมีเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ในประสบการณ์ของชีวิตกุ
กุหลอนที่สุด
เรื่องที่ 1
ตอนทดลองสอน มีข่าวว่าก่อนหน้าที่กุ
กับเพื่อน ๆ จะไปถึงโรงเรียนนั้น มีเด็กผู้หญิง
ผูกคอตายในห้องน้ำที่พวกกุไปอาบทุกว้าน ... ทุกวัน
สัดดอก ! หลอนชิบหายเรย ทำไมจะต้องรับรู้เรื่องราวแบบนี้ด้วยวะ
กลัวจนแม่งเยี่ยวแทบราดใส่ที่นอน แม่งน่าเกลียดโคตร
นอนหลับไม่ลง กระวนกระวาย นอนคลุมโปง โอ๊ย ... อุบาทว์ที่สุด
เรื่องที่ 2
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค เป็นวันเกิดย่ากุ
ก็ไปนัดเจอกันกับญาติ ๆ ที่แพร่ ที่ " คุ้มเจ้าหลวง "
เป็นคุ้มที่เจ้าหลวงเมืองแพร่ในสมัยก่อนได้อยู่
พูดง่าย ๆ ถ้าคนโง่ ไม่เข้าใจ ก็ประมาณว่า เป็นจวนผู้ว่าสมัยก่อน
ว่างั้นเหอะ ! อุ๊ย ... เบื่อจริงๆ พวกง่าว ๆ เนี่ย
อิ๊อิ๊อิ๊
เรื่องราวความเฮี้ยนต่าง ๆ นานา เข้ามายังโสตสัมผัสทั้ง 5 ของกุ
( มันมีไรบ้างวะ กุลืม เออ ช่างหัวแม่ง คิดเองแร้วกัน )
ไม่ว่าจะได้รับฟังจากการบอกเล่าของไอ่ดุ๊กดิ๊ก
ที่เป็นลูกสาวของอา เพราะโรงเรียนมันอยู่ตรงข้ามกับคุ้มเจ้าหลวง
แร้วมันก็ได้ยินคำบอกเล่ามาอีกที มันเคยเข้าไปในคุ้มกับเพื่อนมาก่อน
อีกอย่างมันก็เคยอ่านหนังสือพิมพ์ด้วย
เคยลงหน้า 1 ถึงความเฮี้ยนสุด ๆ ด้วย
ซึ่งก็เหมือนเดิม กุไม่เคยรู้เรื่องเหี้ยไรมาก่อน แร้วเสือกมารู้ทีหลัง
อีกแร้ว เยะเป็ด ! กุคงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริง ๆ สาดดดด
ฟังจากน้องยังไม่พอ กุมาอ่านคู่สร้างคู่สม ( ที่อากุซื้อ กุไม่ซื้อ )
ก็พูดถึงเรื่องราวความเฮี้ยนของคุ้มเจ้าหลวงนี่เหมือนกัน
วู้ พิมพ์ไปพิมพ์มา รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ๆ แฮะ
เหมือนเริ่มจะสติแตกอีกแร้วสิกุ เบี่ยจริงๆ
พอได้ขึ้นไปสัมผัสกับคุกใต้คุ้ม แระบรรยากาศภายในคุ้ม
ความหลอนกุก็เริ่มจะแสดงอาการเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่
เมื่อกลับมาบ้านนี่สิ แม่งเอ๊ย นึกสภาพควายนอนคลุมโปง
อยู่ในผ้าห่ม นอนก็นอนไม่หลับ คิดวนๆเวียนๆ กลัวผี
รูปภาพอะไรต่อมิอะไร ก็จำติดตา จนนอนไม่หลับ
ฝากบอกท่านผู้ที่ติดตามบล็อกกุไว้ด้วยว่า
ใครคิดอยากจะทำหนังผี มาจ้างกุได้
กุจะบอกวิธีการที่คิดว่าน่ากลัวเหี้ย ๆ ให้ท่านได้นะคะ
รับรองหนังผีของท่าน แม่งรายได้กระฉูด
เพราะความน่ากลัวที่กุคิดขึ้นเอง ตามจินตนาการของกุล้วน ๆ
ไม่ว่าผีจะมารูปแบบไหน แลบลิ้นปลิ้นตายังไง
สุดยอดของความหลอนแห่งปี หนังของท่านจะได้รับการกล่าวขวัญ
เด็กมาดูจะนอนไม่หลับ ผู้ใหญ่ดูก็เยี่ยวราด
วุ้ย พูดแร้วหลอนว่ะ ถ้าไง ใครสนใจติดต่อกุนะคะ กร๊ากกกก
กุคิดว่าเป็นเรื่องที่โคตรจะเหี้ยที่สุด
นายก ท. จะให้ครูสังกัดกับพวก อปท.
ไม่มีห่าไรจะคิดแร้วไงวะ ที่คิดเอา
การศึกษากับการเมืองมาผนวกเข้าด้วยกัน
สัดหมาที่สุด ยากส์ที่กุจะรับได้
ทุกวันนี้ เด็ก ๆ ก็ สมองบรรลัยกลวงกันหมดแระ
ยิ่งมาโดนงี้อีก กุล่ะอยากถีบหำ !
จริง ๆ แร้ว จะมีคนบอกว่า นายก ท. ไม่ผิด
ใช่ มัน ถูกต้อง ถ้าจะบอกว่า ไม่ผิดว่าไม่ใช่คนออกกฎหมายนี้มา
ต้องโทษตั้งแต่รัฐบาล คุณ ช. ( เอ้อ เรื่องนี้ต้องพิณาอีกครั้งนึง )
ที่เสือกออกกฎหมายนี้ แต่ที่พวกครูเกลียดเข้าไส้
ก็เพราะ เมื่อ นายก ท. สมัยหาเสียง เสือกบอกว่าเรื่องนี้เก็บไว้ก่อน
ครูจึงเทให้ หมดเลย หมดใจ ให้กับ นายก ท.
เมื่ออำนาจตกอยู่ในมือ มันก็เหมือนกับกอลลั่มได้แหวน
อยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง
รวยกันล้นฟ้า ก็ไม่รู้จักอิ่ม จักพอ ก็ไม่เคยใส่ใจคำพูดของตัวเองอีกต่อไป
ไม่มีเงินซื้อของให้เด็กก็โทษครู เอาเงินตัวเองออกก็ครู
เพื่ออะไรเนี่ย ? คนหัวควย ๆ ไม่เข้าใจ ก็ด่าครู ๆ ๆ ๆ
พ่องตาย ... แร้วที่อ่านออกเขียนได้นี่ เคยนึกบ้างมั้ย
ว่าใคร ที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกศิษย์
จนแร้วจนอีก พ่อแม่กุ เอ้า จนกันเข้าไป ฮิ้ววววว
อิพวกปอบที่หน้าบานกันอยู่แร้ว ก็ยิ่งบานเป็นกระด้งเข้าไปใหญ่
ค่านิยมแบบเหลี่ยม ๆ เริ่มครอบงำประเทศชาติแร้ว อูววววว
( ประเทศไทย ) ของรัก ... ของข้า
( กรุณาทำเสียงสยิวกิ้ว เหมือนกอลลั่ม )
เปลืองตัวที่สุด ( ไม่ยักกะได้ตังค์ )
เรื่องที่ 1
กุไปบ้านอินุ่น แร้วโดนเด็กจัญไร แอบดูตอนอาบน้ำ
ดีนะที่ไม่แอบดูตอนกุขี้ ไม่งั้นล่ะมึง จาเอาขี้ปาหน้ามึง !
ไม่รู้ว่าได้ดูส่วนไหนไปบ้าง ช่างมึง ! คราวนี้เอาผิดไม่ได้
คราวหน้าถ้าแม่งมาแอบดูกุอีก มึงอดปี้สาวแน่
เวรเอ๊ย ถ้ากุไม่เอะใจ ป่านนี้
คงชักว่าวจนเสร็จไปแร้ว สาด
แม่ง ไม่กล้าไปบ้านอินุ่นอีกเรยกุ เศร้า ฮือ ๆ ๆ
เด็กจัญไร เด็กห่า สันดานหมา เหี้ย ๆ ๆ เชี่ยควาย กรี๊ดดดด
เรื่องที่ 2
กุโดนแอบดูที่บ้านพักครู ที่โรงเรียนที่ไปฝึกสอน
 แม่งเอ๊ย นี่คือเหตุผลว่า
ทำไมกุจึงต้องทนขี่มอไซค์จนเมื่อยก้นไปสอนเด็ก ตั้ง 20 กว่าโล
ขืนกุอยู่บ้านพักนั่นต่อไป คราวนี้ คงโดนปี้ จนคลอดลูกแร้วมั้ง
สาด ทำไมต้องห่าแดกขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันนี้เป็นของตัวเอง
เคยได้ยินแต่เรื่องคนอื่น ไม่น่าเชื่อว่า กุจะมีคนแอบดู
ตั้ง 2 ครั้ง 2 ครา ( ที่จับได้ แต่ที่ไม่เอะใจไม่รู้มีมั้ย )
กุคงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริง ๆ อีกแร้วเหรอวะ ?
-"-
รู้สึกเริ่มฉลาดมากขึ้นที่สุด
เรื่องที่ 1
กุสามารถทำโปรแกรม movie maker ได้
อุวะ คนอย่างอิบลิวเนี่ยนะ ทำได้
มะ มะ มะ ม่ายน่าเชื่อ ฮิฮิ้ววววววว
แต่จงเชื่อว่ากุทำได้ ( ได้นิดหน่อย แต่ดีใจเหมือนมีฮาเร็มผู้ชาย )
จริง ๆ แร้วไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรเล้ย
สำหรับคนอื่น แต่สำหรับกุ ตื่นเต้นอย่างแรง
เพราะกุมะค่อยทำห่าไรเกิดขึ้นเป็นชิ้นเป็นอัน
เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเค้า
กุเรยเกิดอาการดีใจ โฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ I can do กุ ( ก็ ) ทำได้ นะเนี่ย
กริ๊วววววววว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด กร๊าดดดด
แต่กุคงต้องฝึกไปอีกเยอะ ๆ เพราะยังห่วยแตก อุบาทว์สัดหมาอยู่
อย่ามาหัวเราะเยาะกุ๊ เด๊วกุตบ
ถ้ากุเก่ง อย่ามากราบกุละกัลล์ เชอะ !
เรื่องที่ 2
กุส่งงานอาจารย์ทันเวลาที่กำหนด
เอ่อ ... มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่กุก็ดีใจวะ
ปกติ กุส่งเลทแม่งตาหลอด หดหู่เป็นอย่างยิ่ง
แต่ที่ผ่านมา กุเริ่มส่งงาน ได้เร็วขึ้น งิงิงิ เอาวะ สู้ๆ
แระเวลาที่กุได้เรียนวิชา การแสดงละครสำหรับเด็ก
ซึ่งเป็นวิชาเลือกเสรี กุก็ทำคะแนนได้ดี ถ้าเกรดเหี้ยนะ แม่ง กุจะด่า
( ด่าในใจ แม่งถ้าด่าต่อหน้า กุก็กลัวเซร่ อะโด่ )
กุเครียดที่สุด
เรื่องที่ 1
ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าเครียดไปมากกว่าเรื่องความอ้วนอีกแล้ว
ในชีวิตกุ ว่าจะลดๆ แม่งลดไม่ได้ซ้ากที
โว้ย พิมพ์แร้วยังเครียดอยู่ อย่าๆ อย่าให้กุได้พิมพ์เยอะกว่านี้
ไม่ไหวแร้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดด น้ำหนักขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะลด
เชี่ยๆๆๆๆๆๆ กะกุชอบแดรกนี่ แง้ๆๆๆ
อิพวกชอบยัดห่ายิ่งกว่ากุแม่งไม่อ้วนวะ
ทีกุจะแด่กไรนิดไรหน่อย แม่งให้กุอ้วนเรยเชียว
สรัดๆๆๆๆๆๆ งี้ไม่ให้กุเครียดได้ไง
ความเครียดทำให้กุอ้วน แต่ความอ้วนก็ทำให้กุเครียดเช่นเดียวกัน
เรื่องที่ 2
เพลงประจำบล็อกถ่อยของกุหายไป มันนึกอยากจะมามันก็มา
มันนึกอยากจะหายมันก็หายไป
ถ้าเปรียบเทียบกับเมนส์มา เป็นแบบนี้ กุคงสันนิษฐานว่ากุท้องไปแระ
ทำให้บล็อกกุไม่มีความเป็นตัวเองเรย
อิเพลงเซเลอร์มูนของกุ๊ มึงกลับม้า แง้ ม่ากี๊ ยังฟังได้ ตอนนี้เดี้ยงอีกแร้ว
ใครรู้บอกกุทีค่ะ กุจะร้องไห้แร้ว ฮือๆ
กุเหงาที่สุด
เรื่องที่ 1
เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ถึง 2 ทุ่ม จะเป็นเวลาที่กุหดหู่ใจ
แระว้าเหว่มากที่สุด ไม่รู้เป็นครวยไร แต่ก็เป็นไปแบบนี้ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการเช่าหนังมาดู ไปบ้านเพื่อน เล่นเน็ท หรือแด่ก
กุก็ไม่หายเหงา แต่ก็มีบ้าง ถ้าได้แด่ก แร้วดูหนังไปด้วย
กุจะมีความสุขขึ้นมามากๆ แต่ก็ต้องเครียดด้วยเรื่องอ้วน ส้นตีน !
เรื่องที่ 2
เวลาที่กุได้กลับแพร่ เป็นช่วงเวลาที่กุมีความสุข
ที่กุได้อยู่กับเครือญาติ ได้อยู่บ้านที่เคยอยู่
แต่เมื่อไหร่ ที่กุต้องกลับมาพิดโลก
วันนั้นทั้งวันแระทั้งคืน จะเป็นวันที่กุโคตรจะเหงา
อยากร้องไห้ยิ่งนัก ไม่อยากกลับมา แต่ก็ต้องกลับ
ด้วยหน้าที่ ที่จะต้องเอาขี้เลื่อยมาใส่หัว ไม่ให้มันกลวง
ต้องมาเรียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เรียนให้มันจบๆ
เฮ้อ ... คิดถึงที่บ้านว่ะ กุบ่อยากกลับมาเล้ย
ไม่อยากเจออะไรที่ไม่ชอบ ไม่อยากเจออะไรที่ไม่มีความสุข
อยากอยู่ที่แพร่ กุอยากอยู่แพร่ แง้ๆๆๆๆๆ
กุมีความสุขที่สุด
เรื่องที่ 1
แด่ก เป็นเรื่องที่กุมีความสุขมาก ได้แด่กอะไรที่ตัวเองชอบ หรืออยากจะแด่ก
แต่ก็เป็นความชิบหายของกุ ที่ทำให้เกิดปัญหาการ ปลิ้น ได้
" รับอึ่งอ่างพองลมอย่างกุ ไปอ้อนเล่นบ้างไม๊คะ ? "
เรื่องที่ 2
การที่กุได้อยู่กับครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น
บางครั้งกุจึงรู้สึกรับไม่ได้ ที่ครอบครัวกุเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ
คนอื่นอ่านคิดว่าเป็นการดัดจริต บิดๆเบี้ยวๆ
แต่มันก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ( อย่าคิดว่ากุถ่อย แร้วร้องไห้ไม่เป็น )
ไม่มีอะไรจะมาทำให้กุรู้สึกมีความสุข เท่ากับการได้อยู่กับครอบครัว
อันเป็นที่รักได้อีก ( ยกเว้นเรื่องแดรก 1 เรื่อง )
ฮรี่ๆๆๆๆๆๆ
เรื่องที่ 3
เวลาเครียดๆ กุจะชอบไปเล่นกับเด็ก เวลาอยู่กับเด็กๆ
ทำให้กุรู้สึกปลอดโปร่ง เรื่องเครียดๆ ก็เบาบางลง
เด็กๆไร้เดียงสา เมื่อไหร่ที่กุได้เข้าไปสัมผัส
ไม่ว่าเด็กเหล่านั้นจะดื้อจะซน น่าตบยังไงก็ตาม
มันก็ยังมีความน่ารักในแบบฉบับของพวกมันแหละน่า
กุจึงรู้สึกมีความสุข แระถ้าเครียด ก็จะหาเด็กมาแด่ก เอ๊ย !
กุจะหาโอกาสไปหยอก ไปเล่น กับเด็กๆ อูวววว มีความสุขจริงๆ
ลั๊ลลา
กุตอแหลที่สุด
กุไปเจาะซาดือมา ฮิ้วววว ครั้งแรกกุก็ว่าเจ็บแร้วนะ
ร้องอ๊อยยยย แต่ก็ไม่เท่าไหร่ พอกลับบ้านนี่เสะ
ตึงแผลมาก เจ็บๆๆๆ ต้องนั่งแบบผู้ดีแสด ดดดด
นั่งตัวตรง เชิดๆ แอ่นหน้า ที่จริงๆแร้ว กุเจ็บแผลตะหาก
ก๊าก ทุเรศชิบเป๋งเรยว่ะ ก๊ากๆๆ ขำตัวเอง
เวลาก็ผ่านไป แผลกุก็ไม่มีทีท่าว่าจะหาย แถมยังรู้สึกเจ็บอยู่ตลอดเวลาอีก
กุชอบส่องดูที่กระจกแร้วจะเห็นว่า ไอ่พี่คนนั้นมันเจาะให้เบี้ยว
กุเรยคิดไปคิดมา เอาวะ กุไปเจาะใหม่ดีกว่า
ว่าแร้วก็ไปบิ๊กซี ไปบอกพี่คนที่เคยเจาะให้กุว่าเค้าเจาะเบี้ยว
เค้าก็เอาจิลออกให้กุ แร้วบอกกุว่ารอให้แผลแห้ง แร้วมาเจาะใหม่ ฟรี !
ดูท่าทางพี่แกจะมะค่อยเชื่อเรยว่า เป็นฝีมือพี่แกเจาะเหรอ
แม่งถามกุจริงว่า " นี่พี่เป็นคนเจาะเหรอ ? "
กุก็ตอบว่า " ค่ะ ก็พี่นั่นแหละ "
เหมือนพี่แกจะแบบว่า อะไรวะ นี่ฝีมือกุเหรอ ประมาณนั้น
กุอยากบอกว่า พ่องดิ้ ถ้าไม่ใช่มึงแร้วจะใคร ค้วยยยยย
พอไปเจาะรอบสองนี่สิ เสียงกุเหมือนควายออกลูกเรย
มันเจ็บมาก เจ็บแบบสุดๆ เจ็บชิบหายวายป่วง
กุร้องเสียงหลงโอ๋ววววววววววววววววววววววววววววววววว
แต่เวลากลับบ้านมา แผลมันตึงแป๊บเดียวแฮะ ไม่เหมือนคราวก่อน
แต่แผลเก่าอ่ะเด้แม่ง อุบาทว์ว่ะ เหมือนแผลคนผ่าตัด
เป็นรอยๆ ช้ำๆ อยู่ด้วย
การเจาะซาดือ กุคิดว่ามันเป็นความสะใจเล็กๆของกุ อย่างบอกไม่ถูก
มันก็ไม่เชิงว่าซาดิสม์ แต่กุว่ามันสวยดี บอกไม่ถูก
ถึงพุงกุจาปลิ้น แต่กุก็อยากเจาะเว้ย กริ๊วววว
ตอนนี้กุรู้สึกว่ามันเจาะให้กุเบี้ยวอีกแระ แม่ง สัดนี่ ตอนแรก
กุคิดว่าแม่งไม่เบี้ยว ให้ใครดูก็ว่าไม่เบี้ยว แต่พอแผลเริ่มแห้งๆ
กุรู้สึกว่าส่องกระจกดูแร้วมันเบี้ยวอีกแระ เอาไงแน่วะ มันตาเขเหรอ
เชี่ยนี่ กุเจ็บแร้วนะ แม่ง ไม่จงไม่เจาะใหม่แระ ปล่อยแม่งงี้แหละวะ
ไว้หุ่นดีๆ กุจะโชว์ ก๊ากๆๆๆๆ จะมีวันนั้นของกุเหรอเนี่ย
ถ้าได้โชว์จริงๆ ก็คงไม่มีใครมาจ้องมองว่าน้องดือของกุเบี้ยวหรอกนะ
เพื่อนบางคนบอกว่าเบี้ยว บางคนบอกว่าไม่เบี้ยว
แม่ง เอาไงแน่วะ ปล่อยแม่งๆๆๆๆๆๆๆๆ
เชอะ !
อุ๊ย ... ตอแหล
โฮะๆๆๆๆๆ
ส่งท้ายปีเก่า
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามอ่านบล็อกของกุ
เข้ามาแบ่ง เข้ามาเติม เข้ามาทำเหี้ยไรก็ได้ที่บล็อกกุ
แระสำหรับท่านที่ชอบบอกกับกุเหลือเกินว่า
กุน่าจะไปเขียนหนังสือขาย กุก็เคยคิดเหมือนกัน
แต่กุคิดว่าหนังสือจะถ่อยมากไปไม่ได้ แระกุคิดว่า
ชีวิตของผู้หญิงที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นอย่างกุ ไม่ได้เก่งอะไรเรย
จะมีคนสนใจสุดๆ แร้วควักกระเป๋าจ่ายตังค์เพื่อซื้อหนังสือ
ของกุหรอกค่ะ

แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยใจจริงค่ะ
ไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะมีคนติดตาม ( มีคนบอกว่าชอบติดตามกุบ่อยๆ )
ทั้งๆที่กุก็ไม่ได้มีอะไรผิดแผกแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น
อาจจะขี้บ่น คิดมาก จู้จี้ ปากม๋า หรือนอยด์แด๊ก อยู่ตลอดเวลา
( เนี่ยนะ เหมือนคนอื่น ? )
แต่กุก็มาขี้ลงส้วม ทำให้บางครั้งก็มีคนที่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน
ได้มาอ่านเป็นบางครั้ง โว้ว กุเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ ( ไม่เกี่ยว )
ถึงกุจะเป็นคนไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีห่าไรซักอย่าง
แต่ก็อยากอวยพรทุกๆท่านจากใจดวงน้อยๆ ของอิถ่อยหุ่นล่ำว่า
" สวัสดีปีใหม่ค่ะ เรื่องสัดม๋า ไม่ต้องเก็บมาคิด คิดแต่ปัจจุบัน
ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย นะโมพุทธายะ "
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า แซ่ม อ่านว่า แซ่ม แปลว่า เสือก
แต่งประโยค ป้าคนนี่หยังมาแซ่มแต้แซ่มว่า ไผย่ะเป๋นจะไดกะบ่ต้องมาว่าได้ก่อ
แปลอีกทีว่ะ อิป้าคนนี้ทำไมเสือกจังวะ ใครจะเป็นไงไม่ต้องมาว่าได้ไม๊เนี่ย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล จริงๆแร้วทำ ส.ค.ส. เป็น โปรแกรม movie maker ขึ้นมา
แต่กุก็ไม่สามารถจะอัพขึ้นเว็ปได้ เน็ทกุถ่อยมากๆ ฮือๆ
อดอวยพรเรย เวรแต้ๆ เอาวะ ไว้อัพขึ้นเว็ปได้ก่อนเหอะ กุจะใส่ลงในบล็อกเน้
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
( มีเรื่องตั้งเยอะแยะ แต่นึกออกตอนนี้ก็แค่นี้ หิหิหิ )