วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547

คนขายจิตวิญญาณ

ใครคือคนตาบอด ?
หากท่านไม่เห็นคนเป็นคน
แต่เห็นเพียงความพิการ
ใครล่ะที่ตาบอด
หากท่านไม่ได้ยิน
เพื่อร้องขอความเป็นธรรม
ใครล่ะที่หูหนวก
หากท่านไม่พูดคุย
กับผองน้องพี่
แต่แยกเขาแยกเรา
ใครล่ะที่ปัญญาอ่อน
หากท่านไม่ลุกขึ้นยืดหยัด
เพื่อสิทธิของปวงชน
ใครล่ะที่เป็นง่อย
เจตคติของท่าน
ที่มีต่อคนพิการ
อาจเป็นความพิการรุนแรงที่สุด
ที่ท่านหยิบยื่นให้เขา
โดย ... Tone Wone (กวีพิการชาวอัฟริกัน)
ข้อความทั้งหมดนี้อยู่ในสมุดที่อาจารย์ต้องแจกให้พวกเอกกุทุกๆปี
เป็นสมุดของเอกการศึกษาพิเศษโดยเฉพาะ
ข้อความนี้บาดลึกกินใจกุมาก อ่านแล้วกุพูดไม่ออก
ได้แต่นิ่งเงียบ ปล่อยความคิดให้ล่องลอย ไปตามข้อความที่กุได้อ่านทุกครั้ง
ครั้งนี้กุหยิบสมุดขึ้นมาเพื่อจดงาน พอกุปิดสมุดพลิกกลับมาดู
ด้านหลัง กุก็อดไม่ได้ที่จะอ่านข้อความนี้อีก
ประจวบเหมาะกับมีเหตุการณ์ที่ทำให้กุได้คิดตามข้อความนี้
ตามที่อาจารย์ประจำชั้นของพวกกุ
ได้ให้พวกกุไปติดต่อขอทดลองสอน ในโรงเรียน เรียนร่วมต่างๆ
เพราะเป็นชั่วโมงที่กุต้องเรียนกะอาจารย์ แต่อาจารย์
อยากให้พวกกุมีประสบการณ์ การสอนก่อนไปฝึกสอนจริงในปีหน้า
กลุ่มของกุไม่มีปัญหาอะไรมากนัก ถือว่าโรงเรียนยินยอม
อาทิตย์ก่อน หนุงหนิง ได้เล่าให้กุฟังว่า
หนิงไปติดต่อโรงเรียนวัดคูหาสวรรค์กับเพื่อนๆอีกกลุ่มนึง
รู้สึกแย่กับพฤติกรรมของคนที่เรียกตัวเองว่า "ครู"
หนิงบอกว่า ครูไม่ให้ความร่วมมือกับนักศึกษาเลย
ไม่ว่าจะถาม จะติดต่ออะไร ก็รู้สึกแย่ไปหมดทุกอย่าง
ถ้าไม่อยากให้มาสอน ก็น่าจะปฏิเสธกันตั้งแต่แรก
และหนิงก็เล่าเหตุการณ์ที่กุคิดว่ามันเลวที่สุด ในจรรยาบรรณของความเป็นครู
อิครูคนนั้นถามพวกหนิงว่า ในนี้น่ะ ไม่รู้หรอกว่า ใครกันบ้าง
ที่เป็นเด็กพิเศษ มีให้สอนก็สอนไป ไม่อยากจะถามเด็กหรือตรวจสอบอะไรมาก
ปกติแล้ว เด็กพิการ หรือเด็กพิเศษในประเภทต่างๆนั้น
จะมีงบ ให้ 2,000 บาท (เป็นคูปองไม่ใช่เงินสดนะ) สำหรับซื้อสื่ออุปกรณ์
ในการเรียน ซึ่งให้ครูเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อหนิงไปติดต่อ จู่ๆ ครูก็บอกว่า เออ ดี!! จะได้ ได้เงิน อิสัด!
หมายความว่าไง กุไม่เข้าใจเหมือนกันว่า
อิครูห่านี่ จิตใจมันทำด้วยอะไร
ไอ่ที่มันมาสอนอยู่ทุกๆวันนี่ มันไม่ใช่ผู้ประสิทธิ์ ประสาทวิชา
ให้แก่เด็ก คำว่าครูมันเป็นแค่คำเรียกเพียงเท่านั้น
ในความคิดกุ มันไม่ใช่ครู มันเป็นแค่ผู้สอน
คำว่าครูมันยิ่งใหญ่ และไกลเกินไป สำหรับมัน
เพื่อนบางกลุ่มมาเล่าให้กุฟังเช่นเดียวกันว่า
ไม่ให้การต้อนรับเลย แล้วก็บอกคล้ายๆกันว่า ไม่อยากจะค้นหาเด็ก
ว่าเด็กคนไหนเป็นเด็กพิเศษบ้าง เพราะขี้เกียจ
ไม่น่าให้เด็กพิเศษมาเรียนร่วมกับเด็กปกติเลย
เพราะเป็นภาระ และทำให้เหนื่อยเพิ่มมากขึ้น นี่หรือครู!!
กุไม่เข้าใจว่า แค่มาสอนแล้วรับเงินเดือน เท่านั้นเหรอ?
คนที่จะเป็นครู มันต้องเป็นทั้งกายและใจ ต้องมีจิตวิญญาณความเป็นครู
ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ได้ หรือเห็นแก่ความสบายของตัวเอง
เมื่อเด็กมีปัญหา ครูต้องพร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือ
ต้องมีความเสียสละ เพื่อให้เด็ก ได้มีความรู้
ไม่ใช่แค่เพียง วันนี้กุมาสอนแล้วนะ มึงจะได้วิชาห่าไร กุไม่สน
กุแค่มาเซ็นชื่อตอนเช้าว่ากุมา กลางวันกุก็แด่กข้าว ส่วนตอนเย็น
เลิกเรียน ปุ๊บ กุก็เซ็นชื่อกลับบ้านปั๊บ
กุไม่เข้าใจว่า ทุกวันนี้ มันเป็นเหี้ยอะไรกันหมด
การศึกษา ของเด็กไม่พัฒนา ประเทศชาติก็ไม่เจริญก้าวหน้า
แค่รัฐบาลแม่งก็โกงกินกันจะแย่แระ คนที่คอยแต้มสี
ให้กับผ้าขาว มันยังไม่มีคุณธรรม จริยธรรมเลย
ต่อไป เยาวชน จะเติบโต และพัฒนาได้ยังไง กุนึกภาพไม่ออก
กุไม่ชอบที่กุเห็นคนเป็นครู แล้วทำตัวเหี้ยๆแบบนี้ เห็นแก่ได้
อะไรที่ไม่ใช่ผลประโยชน์กับตัวเอง แม่งก็ไม่ทำ ไม่ใช่เรื่องของกุ
สิ่งที่ทำให้กุมาเรียนครู เพราะกุได้รับแรงบันดาลใจจากพ่อกับแม่
กุอยากทำให้ได้อย่างพ่อกับแม่
กุรับการปลูกฝังจากพ่อแม่ โดยที่เค้าไม่ต้องพูดออกมา
แต่เค้าปลูกฝังให้กุได้เห็นว่า คำว่า "ครู" นั้น มันยิ่งใหญ่แค่ไหน
กุเห็นพ่อกับแม่ของกุ กลับบ้านกันดึกดื่น
ทำงานที่โรงเรียน เป็นภารโรงถึงผู้อำนวยการ
(พ่อกับแม่กุอยู่โรงเรียนเดียวกัน)
โรงเรียนของพ่อกับแม่กุ มีครูอยู่ 4 คน (เป็นโรงเรียนบ้านนอกไกลอำเภอเมือง)
บ้านกุอยู่อำเภอเมือง พ่อแม่ต้องขับรถไปสอนเด็กที่บางระกำ
ใช้เวลาจากบ้านไปถึงโรงเรียน ก็ 2 ชั่วโมง ประมาณนั้น
โรงเรียนมีนักเรียน ชั้นอนุบาล ถึงป.6
(แต่ตอนที่กุยังเล็กๆ เค้าไม่ได้สอนโรงเรียนนี้ เค้าสอนอีกที่นึง)
ผลจากการที่พ่อแม่ของกุมีความเป็นครูอยู่ในจิตวิญญาณ
ชาวบ้านทุกคนต่างก็รักพ่อแม่กุ ไม่ว่าผู้ปกครองของเด็ก
จะเชิญให้ไปไหน พ่อกับแม่กุ ว่างหรือไม่ว่างก็ต้องไป
บางครั้งต้องทำงานที่โรงเรียน จนต้องหอบเสื้อผ้า ที่นอน หมอน มุ้ง
ไปนอนที่โรงเรียน เวลาน้ำท่วมโรงเรียน ชาวบ้านหาปลาได้
ก็จะแบ่งตัวโตๆที่สุด แอบเอามาให้พ่อกะแม่กุ
โดยที่ครูคนอื่น ได้แค่ปลาตัวเล็กๆ
แม่กุเคยพูดว่า แม่จะไม่ลืมบุญคุณของชาวบ้าน ที่ดีแบบนี้เลยในชีวิต
ไม่ใช่ว่ากุชมครอบครัวตัวเองแต่กุคิด และเปรียบเทียบ
กันกับคนที่เป็นครู อยู่ในเมือง สะดวกสบาย
แต่กลับให้ความหมายคำว่า "ครู" ที่เหมือนมีแค่ป้ายเอาไว้แขวนคอ
กุเรียกคนประเภทนี้ว่า "คนขายจิตวิญญาณ"
ครูห่าซึ่งไม่ได้ทุ่มเทเหี้ยไรเลยแก่เด็ก เป็นแค่ผู้มาสอน
ในสิ่งที่หลักสูตรได้ระบุเอาไว้ว่าเด็กต้องเรียนอะไรในแต่ละชั้นปี
แค่นี้ใช่ไม๊? การที่จะทำให้เด็กในประเทศเจริญต่อไป
ยิ่งเป็นเด็กพิเศษด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่า การดูแล
จากคนขายจิตวิญญาณพวกนี้ จะเป็นยังไง
กุไม่ต้องการให้เด็กๆผิดหวัง และรู้สึกแย่
เมื่อเจอกับคนประเภทนี้
เด็กไม่มีการพัฒนาการในด้านต่างๆตามศักยภาพได้เลย
คนเหี้ยๆ แบบนี้ กุขอให้มันตกนรก กุขอให้มันทำเหี้ยไร ก็ไม่ขึ้น
กุขอให้มัน ได้รับกรรมที่มันได้ทำกับเด็กตาดำๆ
เด็กๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เด็กที่รอการขัดเกลา
ที่ถูกต้องจากคนที่มีจิตวิญญาณความเป็นครู
ไม่ใช่อิงี่เง่าห่าลากที่ไหนไม่รู้ ทำเพื่อตัวเอง ไม่มีความรัก
ความเมตตา กรุณา และคิดแค่ คำว่าครู คือสอนแล้วรอคอยเงินเดือน!
กุล่ะเซ็ง ... เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีตังค์ ไชโย!
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ละอ่อน อ่านว่า ละอ่อน แปลว่า เด็ก หรือ เรียกวัยที่อ่อนกว่า
แต่งประโยค วันนี่ฮาหันละอ่อนอนุบาลวิ่งเล่นกั๋น น่าฮักดี
แปลอีกทีว่ะ วันนี้กุเห็นเด็กอนุบาลมันวิ่งเล่นกัน แม่งน่ารักดีว่ะ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล กุแค้นมานานแร้ว แต่ไม่รู้จะระบายยังไงดี เยะเป็ด! เชี่ยๆๆๆ

5 ความคิดเห็น:

iannnnn กล่าวว่า...

พ่อแม่พี่ก็เป็นครูที่โรงเรียนใน จ เพชรบุรี ..บ้านพี่เอง
ทั้งคู่โดนเรียกว่าครูเป็นมาร่วมๆ 30 กว่าปีละ
แม้ตอนนี้พ่อจะเป็นข้าราชการที่ใหญ่กว่าครู
ทำงานที่เขตการศึกษาแล้วก็ตาม
แต่อารมณ์ที่พี่เติบโตมากับกลิ่นราชการๆ มาตั้งกะเด็ก
ทำให้ความเป็นครูซึมอยู่ในสายเลือดตัวเองอยู่ไม่น้อย

แต่
พี่แม่งเกลียดเด็กว่ะ
เด็กเล็กๆ น่ะน่ารัก
แต่พอแม่งโตถึงวัยที่จะโดดเรียนมาหมกอยู่ร้านเน็ตเนี่ย
ไอ้ห่า กูเกลียดสัดๆ

อีบลิว..
พี่ว่าน้ำหน้าอย่างมึงสามารถเป็นครูได้สบายเลบว่ะ!

Black-Pigeon กล่าวว่า...

ตูพยายามอ่านของมันมาหลายรอบ
แต่พอเลื่อนลงดูบรรทัด
ท้อใจเป็นอย่างยิ่ง เลยเลิกอ่าน

ปล.เอาแรงควายที่ไหนมาโพสท์วะไอเตี้ย

GirlTear กล่าวว่า...

เค้าไม่ได้เรียกภาษาใบ้ว่ะ ไอ่บิว เค้าเรียกกันว่าภาษามือ กุก็ยังไม่คล่องเท่าไหร่หรอก

แต่ถ้ากุเรียนจบ กุฝันไว้ว่า กุจะไปเรียนล่ามอีก 1 ปี ชิบหาย จะทำได้ป่าวกุก็ไม่รู้ววว

เห้ยภาษามือนี่ ถือว่าเป็นอีก 1 ภาษาของโลกไปแล้วเด้อ เหอๆๆๆๆ เค้าบัญญัติไว้แร้ว

อิห่าพี่เบิ้น นี่แม่ง กวนตีน นอกจากฟันเหยิน แร้วยังกวนตีนอีกนะ สาดดดด

ฝากบอกพี่ ไอ้สวะ! บลิวไม่ได้เก็บกด แต่เล่าให้ฟังแร้วนี่ เข้าใจใหม่เด้อ เยะเป็ด!

Black-Pigeon กล่าวว่า...

อ่านจบอันที่สอง ....อา...เหยินทำได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ยาว.,.,.,.,.โคด.,.,.,.,.,.เขียวใว้อาลัย.,.,.เด็กใต้รึ.,.,.

กุแย่แร้ว ต้องออกข้อสอบอีก ๔๐ ข้อ ส่งวันที่ 6 โอ้.,.,.shit แตก แน่ๆ