วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เรื่องของกุ ... ในรอบปี '49

โย่ว ในที่สุดก็ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงหนังหน้ากันอีกแล้ว
จากหน้าอ่อนเหมือนก้นเด็ก คราวนี้ก็เริ่มนับรอยตีนกากันไป
ตอนแรกกุไม่ได้จองตั๋วรถเอาไว้ กุคิดมากสุด ๆ กลัวไม่ได้กลับบ้าน
เลยโทรไปหาอิโบหัวจุก น้องสาวของกุ
มันก็เรยไปจองตั๋วเผื่อกุด้วย โฮะ ๆ ๆ สบายจริง ๆ เรยกุเนี่ย
เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ บล็อกกุก็ต้องมารวมเรื่องของกุไว้เช่นเคย
คงจะรวมเรื่องของคนอื่นไปไม่ได้ เพราะนี่บล็อกกุ ส้วมกุ
ใครปวดขี้ ไปขี้ที่อื่น อย่ามาขี้บล็อกกุ งิงิ
ภูมิใจที่สุด
กุเรียนจบแล้ว ฮิฮิ้ววววว ในที่สุดน้ำหน้าอย่างกุก็เรียนจบจนได้
ไม่น่าเชื่อค่ะ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะกุเรียนจบแล้วจริงๆ
พ่อแม่บอกว่า ภูมิใจกับลูกมาก แต่ต้องหางานทำให้ได้นะ
กุยังรู้สึกว่า กุจบแบบไม่มีความรู้ห่าไรเลย
ทำไมงี้วะ เจ็บใจว่ะ แต่ก็นะ ... มันต้องมีอะไรติดหัวมาซักนิดเหอะน่า
เอ๊ะ ... นี่กุกำลังพูดถึงเรื่องน่าภูมิใจอยู่นะเนี่ย ทำไมมาดูเหี้ย ๆ ทีหลังวะ
ดีใจที่สุด
กุสอบเข้าเรียนเพิ่มเติม ณ ที่แห่งหนึ่งได้
หลังจากมอง ๆ ไว้ก่อนจบ ป.ตรี แต่ไม่ใช่ ป.โท หรอก เรียนเพิ่มเติมน่ะ
นี่คือสิ่งที่กุเคยหวังไว้ตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 แล้ว
กุจะต้องมาเรียนให้ได้ ตอนนี้คือความหวัง
แต่ไม่รู้จะบรรลุถึงความฝันรึเปล่า
เมื่อก่อนไม่เคยตั้งใจเรียน มัวแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง
( กุไม่เชื่อโว้ยว่ามันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่งั้นมึงจะคิดมากเหรอ )
เอ๊ะอิห่า ใครตะโกนด่ากุ ประชดกุเหรอ เออ
กุยอมรับ ว่ามันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่กุชอบเอามันมาเป็นเรื่องจนได้สิน่า
ถ้าให้ย้อนกลับไปกุคงไม่แก้ไขมันเพราะไม่งั้นกุคงไม่ได้รู้
จนเก็บไว้เป็นประสบการณ์ชีวิตหรอก
ไม่เคยล้ม ก็ไม่รู้วิธีลุกขึ้นยืน
ไม่เคยร้องไห้ ก็ไม่รู้วิธีปาดน้ำตาล่ะวะ
อุ๊ย ... เป็นการเป็นงานจนไม่คิดว่าจะเป็นบล็อกกุเลยนะเนี่ย โฮะ ๆ
เศร้าใจที่สุด
เรื่องของหัวใจซะมากกว่า เรื่องนี้มันแย่เอามาก ๆ สำหรับกุ
เพราะไม่ว่าจะเจอเรื่องส้นตีน ๆ อะไรมากมายเท่าไหร่
กุทนได้ หนังหนา สู้ยิบตา
แต่กุยอมแพ้ ถ้าเป็นเรื่องความรักว่ะ
กุไม่อยากเป็นของเล่น รักกุก็ใส่ใจกุมาก ๆ
ถึงเวลาที่ไม่มีกุ อย่าให้กุกลับไป
ไม่ใช่ไม่เสียใจ ไม่เศร้าใจ แต่ต้องตัดใจและทำใจ
คนอย่างกุไม่ได้เข้มแข็งมากนัก กุสู้ความเป็นจริงไม่ไหว
กุอ่อนไหว และอ่อนแอพอสมควร ใครอยากเอาชนะกุ
ทำให้กุรักสิ มึงชนะแน่ๆ กุฟันธงค่ะ สัด !
น่ายินดีที่สุด
เพื่อน ๆ ที่เรียน อีกมหาวิทยาลัยนึง กำลังจะรับปริญญากัน
กุยินดีกับพวกมันมาก ๆ ส่วนตัวกุนั้นหรือ
จะรับก็เดือนเมษา 2550 นี้แหละ จะลดอ้วนได้ทันเปล่าวะแม่ง
หน้าบานเป็นกระด้ง แต่งหน้าคงเหมือนศพขึ้นอืด เดี๊ยนทนบ่ได้ อะปิ๊ด อะปิ๊ด
กุไม่มีปัญญาไปถ่ายรูปหรือแสดงความยินดีกับพวกมันได้
เพราะติดเรียน ถ้าขาดเรียนไปก็จะเรียนไม่ทัน
มันต้องได้เรียนรู้ทุกวัน ๆ เฮ้อ ... โทษทีว่ะเพื่อน ๆ
กุไปไม่ได้จริง ๆ นะคะ อย่าโกรธกุ ไว้กุรับ มึงก็มาถ่ายรูปกะกุก็ได้
วะฮะ ๆ
( แต่กุก็ฝากของชำร่วยไปให้พวกมึงแล้วนะคะ ชอบกันมั้ย ? ตอบกุที้ )
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสี่ยงตายที่สุด
ไอ่เหี้ย ! งูเหี้ยตัวนั้นที่แม่งกัดกุ๊
ไอ่ที่มันกัดน่ะ ไม่เท่าไหร่นะกุว่า
แต่หัวใจกุจะวายตายห่านี่สิ มันทำให้กุโกรธ กุกลัวตายด้วยแหละเรื่องของเรื่อง
แล้วตัวของมันน่าขยะแขยงแค่ไหน แหวะ
นึกแล้วสยอง เสียวตูดอย่างแรง
( เกี่ยวเหรอวะ ? )
ถ้าในใบสมัครงานมีให้กรอกว่า
มีประสบการณ์อะไรบ้าง
กุกรอกไปว่า " โดนงูกัดแต่ไม่ตาย " ได้มั้ยวะ
- -!
sensitive ที่สุด
ทุกครั้งที่กุหายใจ อารมณ์ sensitive จะเข้ามาก่อกวนกุตลอดแหละ
ไม่ว่ากุจะนั่งซักผ้า นั่งเรียน หรือนั่งขี้
มันก็ทำให้กุคิดมาก หวั่นไหว ได้เสมอ
กุเหงามาก เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างซี ( บอกใคร ? )
ถึงมีคนเข้าใจว่ากุเหงา แต่ไม่ทำให้กุหายเหงาได้ มันก็เท่านั้นแหละวะ
ระดับเลเวลความเหงา ของกุ มันวัดค่าไม่ได้
แต่กุรู้สึกได้ว่า มันเพิ่มและแสดงอภินิหารได้ทุกวัน
จนบางทีกุก็ท้อใจ ไม่เป็นอันทำอะไร มัวแต่นั่งเหงา
จะเหงาทำซากอะไรมากมาย กุคิดอย่างนี้
ใคร ๆ ที่คุยกะกุก็บอกกุอย่างนี้
แล้วกุจะทำไงดี ในเมื่อกุไม่ได้ตั้งใจเหงา
มันเหงาของมันเอง อยากร้องไห้ แต่บางทีน้ำตาไม่ไหลก็อึดอัดนะ
อึดอัดพอ ๆ กับปวดขี้ แต่ขี้ไม่ออกเลย ทั้งอึดอัดและทรมาน
จะนอนก็นอนไม่หลับ ทำอะไรก็ขัดลูกตา สับสนวุ่นวายใจไปหมด
ความเหงากับกุ เป็นมิตรกันไม่ได้ อยู่ร่วมโลกกับกุไม่ได้
นอนห้องเดียวกับกุไม่ได้ มีกุต้องไม่มีความเหงา
แต่มันเหมือนชอบมาง้อกุทุกที ทำให้กุใจอ่อน รับมันมาใส่ใจทุกครั้งสิวะ
กุอยากเป็นเซเลอร์มูน แต่เซเลอร์มูน นี่มันต้องพิทักษ์ช่วยเหลือคนอื่น
กุก็เป็นบ้าง แต่ช่วยเหลือไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่ๆ ไม่เคยได้เลย
ทฤษฎีพึ่งพาตนเองของกุล้มเหลว
จะมีใครทำให้กุหายเหงาได้บ้างวะ ที่ไม่ใช่ให้หายเหงาชั่วคราว แต่เป็นแบบตลอดไป
หวังไว้ที่สุด
อยากผอมว้อยยยยย
ไม่มีอะไรหวังมากกว่านี้อีกแล้ว
แทนที่จะหวังเรื่องงาน หวังเรื่องเงินเดือน
กุเสือกมาหวังเรื่องห่าอะไรเนี่ย
กุหวังไว้มานานมากแล้ว เรื่องนี้ ไม่เคยทำได้ซักที
ทำไมไม่รู้จักรักตัวเองมากกว่านี้วะ
สาธู้ สมหวังซักทีเหอะ ไม่หวังชาติหน้า กุจะเอาชาติเน้ !
เคืองที่สุด
ตัดผมมา ตอนแรกก็แค่ไปทำสี เปิดหนังสืออ่านไปมา
ดันเจอทรงผมที่อยากทำ กุถามช่างทำผมแล้ว
" พี่คะ ทรงนี้หน้าอย่างนู๋ทำได้มั้ยคะ ? "
" ทำได้สิ จะทำมั้ยพี่จะได้ตัดเลย "
ด้วยความมั่นใจในตัวเองเกินไป คิดว่าจะสวยเหมือนในรูป
ลืมตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูน้ำหน้าตัวเอง
กุตัดสินใจให้เค้าทำผมกุซะงั้น
พอเสร็จแล้วแทบกรี๊ด ไม่ใช่สวยเริ่ด
แต่มันหน้าบาน สั้นเต่อ น่าอนาถใจโคตร
เคืองค่ะเคือง แต่ไม่อยากบอกที่ร้าน เพราะแก้ไขห่าไรไม่ได้อีกแล้ว
มันคือกรรมของกุโดยแท้จริง โทษใครไม่ได้ ด่าตัวเองแล้วกันกุ
ร้องไห้ดีมั้ยวะ ?
เวร
เหี้ยที่สุด
อิพวกวางระเบิด คนอื่นเค้าจะรื่นเริงกัน พวกมึงนี่ระยำสัดหมาจริง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่างหัวมึง แต่กุสงสารครอบครัวมึงมาก
เสียเงินเสียทองเลี้ยงพวกมึงให้เป็นคน มีมันสมองมากกว่าสัตว์
ยังเสือกฆ่ากันเองได้ลงคอ ไม่คิดบ้างว่าครอบครัวคนอื่นเค้าจะเป็นยังไง
สัตว์ฆ่ากันเองเพราะประทังชีวิต
แต่คนมีปัญญามากกว่านั้น คงไม่ได้แดกคนกันเอง
แต่จิตใจนี่ทรามชิบหาย ว่าจะไม่ด่าวันปีใหม่ ก็อดไมได้ค่ะ
นู๋บลิว ทนไม่ไหวจริง ๆ
ชาติบ้านเมืองเดือดร้อนไม่นึกกันบ้างเลย
เก่งแต่เรื่องเหี้ย ๆ ไม่เอาเรื่องดี ๆ มาทำให้ชาติเจริญกัน
ไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลย
ปีใหม่นี้ ใครทุกข์ใจ เศร้าใจ หรือเจอเหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหนมาก็ตาม
กุขอภาวนาให้เรื่องร้ายเหล่านั้น หายไปนะคะ
ถ้าเจอเรื่องร้ายๆมาเยอะ ๆ ก็ท้ามันแม่งเลย
เอาสิวะ กุจะเจออะไรร้าย ๆ ให้หมดเลย มีอะไรร้ายอีกมั้ย ร้ายมาให้พอ
เด๊วมันเบื่อ มันก็จะหนีจากเราไปเอง
อย่าเชื่อกุมาก ถ้าไม่ได้ลองทำเอง งิงิ
ส่วนกุก็จะพยายามทำให้ได้ เหมือนที่บอกคนอื่น ๆ ไป
( เอ๊ะ ยังไง อินี่ไม่น่าเชื่อถือ )
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ย่าม อ่านว่า ย่าม ( ออกเสียงนาสิก )
แปลว่า ได้ใจ , เคยตัว , ชิน , เนียน
แต่งประโยค ป้อจายถ้าฮักเขานัก เขากะย่ะย่ามบ่ดูแลเฮาเหมือนตะก่อน
แปลอีกทีว่ะ ผู้ชายถ้ารักเค้าเยอะ เค้าก็จะได้ใจไม่ดูแลเราเหมือนเคย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล. ขอบใจนะเว้ย สำหรับคนที่เข้ามาอ่าน นี่กุไม่รู้หรอกว่าใครมาอ่านบ้าง
แต่บางครั้งก็ทำให้กุได้รู้ว่า กุก็มีคุณค่าอยู่นิดหน่อยแฮะ
แอบดีใจ อุวะ ไม่แอบดีกว่า กุดีใจให้เห็นเลยดีกว่า
กรี๊ด ๆ ๆ ดีใจนะค้า

งอ สระอู = เหี้ย

กุมาเรียนเพิ่มเติมหลังจากจบ ป.ตรี ได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ไม่ได้กลับบ้านเลย
มีอยู่ครั้งนึงเค้าอบรมกันกุอบรมไปแล้วรุ่นแรก
มีเวลาว่างที่ไม่ต้องเรียน 1 อาทิตย์ไม่รู้จะไปสิงสถิตย์ที่ไหน
บ้านจึงเป็นที่ที่กุห่วงหาและโหยหามากที่สุด
กุตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า อยู่ไปก็เหงาชิบหาย
แล้วกุจึงกลับมาเรียนอีก ด้วยความอาลัยอาวรณ์บ้านโคตร ๆ
และแล้วก็ถึงวันปิดเทอม ฮิ้ววววว นึกถึงสมัยสาวๆช่วงเรียนปริญญาตรี
จบปริญญาตรี กุก็มีปิดเทอมซะด้วย โฮะ ๆ เริ่ดค่า
กลับบ้านก็ไม่ทำห่าอะไรเลย แร่ดออนไลน์แม่งทั้งวัน
ชีวิตมีความสุขแบบสัด ๆ เหมือนตัวเองหายใจทิ้งไปวัน ๆ
แต่ทุกวันกุก็เล่นเน็ตไปด้วย ซักผ้าไปด้วย
กว่าจะได้ตากผ้าแม่งก็ปาไปบ่ายแก่ ๆ แระ แก่เหมือนกุเล้ยยยย
เยะเป็ด !
ชีวิตกุก็เป็นอย่างนี้ตลอด บางทีก็ไปแพร่
แล้วก็กลับมาอยู่พิดโลกเหมือนเดิม หลังจากที่กุย้ายบ้านใหม่
มาอยู่อีก อำเภอนึง ด้วยเหตุผลที่ว่าพ่อกับแม่ของกุ
อยากมีบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนที่สอน จึงมาซื้อบ้านอยู่อีกอำเภอนึง
อำเภอที่น้ำแม่งท่วมมันทุกปีแหละ แต่ขอโทษค่ะ
บ้านกุอยู่สูงหน่อย น้ำจึงไม่ท่วม
เอ่อ ... อย่ากระนั้นเลยค่ะพี่น้อง ถึงน้ำไม่ท่วมบ้าน
ก็ยังเสือกมีเหล่าสิ่งมีชีวิตสัดหมาที่ไม่อยากจะเจอแม่ง
มาปรากฎให้เห็นอยู่เนือง ๆ เช่น งู ตะขาบ ฯลฯ
แต่ไอ่ที่กุเห็นมันบ่อยๆก็คือ " งู "
มันคือตัวอันตรายที่กุกลัวชิบหายวายป่วง
พอ ๆ กับที่กุกลัวผี สัตว์ห่าอะไรก็ไม่รู้ ตัวยาว ๆ ผิวเลื่อม ๆ มีเกล็ด ๆ
แหวะ น่ากลัวชิบหาย หยะแหยง ๆ อี๋ ๆ ๆ
( รู้สึกตัวเองจะออกอาการกระแดะ ๆ แฮะ แต่ไม่เป็นไร เพราะกุชินกะตัวเองแระ งิงิ )
แม่กุเคยเล่าให้ฟังว่า
แม่ : เออ วันนั้นงูเห่าเข้าบ้านด้วยนะ แม่กลัวแทบตาย
กุ : แล้วแม่ทำไง
แม่ : แม่ก็ไม่ทำไง อยากเข้าก็ให้มันเข้า แต่แม่ก็แทบจะเป็นลมแหละ
แล้วมันก็ออกไป พอพ่อมาแม่ก็เล่าให้พ่อฟัง
พ่อก็เลยเอาไม้มากั้น ๆ ไม่ให้งูเข้าได้แระ
กุ : เป็นหนูนะแม่ หนูคงกรี๊ดไปสามบ้านแปดบ้านแระ
ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะกลัวจะตายห่าาาา
-"-
บางที กุออกไปเดินแร่ด เอ๊ย เดินเล่นหน้าบ้าน
( เพื่อนบ้านเป็นนายร้อยห้อยกระหรี่ เอ๊ย ห้อยกระบี่ )
กะว่าจะไปเดินอ่อยเค้าซักหน่อย อิงูเหี้ยมันก็เลื้อยตัดหน้ากุเฉยเลย
นรก !
กุแทบกรี๊ด หมดกัน หน้าเหวอ เอ๋อ มาก ๆ
ดีนะ ที่พี่นายร้อยเค้าไม่ทันสังเกตกุ งิงิ แต๊บหลุดค่ะ อุตส่าห์เก๊กสวย
ถ้าเค้าเห็นกุแสดงอาการเหวอสุดขีด
เค้าคงไม่กล้าที่จะออกมาเดินหน้าบ้านอีกต่อไป
ดีนะไม่เห็น หุ ๆ
กุมีธุระต้องขี่รถเข้าในเมือง
( แม่งเอ๊ยอนาถว่ะอยู่ในเมืองดี ๆ อยู่แล้วไปไหนมาไหนสะดวกจะตาย
ดั๊นย้ายบ้านมาอีกอำเภอนึง ซวย )
ขาไปก็ไม่มีอะไร เพราะออกจากบ้านก็ยังเป็นช่วงกลางวันอยู่
นัดเพื่อนแร่ด ๆ กันเสร็จแล้ว ถึงเวลากลับบ้านแม่งก็เริ่มค่ำ
ต้องขี่รถกลับบ้าน ช่วงที่ผ่านถนนสองข้างทางมันก็น้ำท่วมหมด
กุก็กลัว ๆ ว่าจะขี่รถตกข้างทางซะจริงๆ มืดก็มืด
แต่ก็ทำเป็นเก๊กขี่รถไปเรื่อยๆทั้งๆที่ใจนี่โคตรปอดเรย
กลัวนั่นกลัวนี่สารพัด
( แต่ไม่ยักกะกลัวหน้าตาตัวเองนะมึง )
แสงไฟสาดกระทบตา ต้องคอยหยีๆตาทั้งๆที่ตากุมันก็ตี่จนจะปิดอยู่แระ
ระหว่างทางนั้นเอง กุเห็นตัวอะไรไม่รู้ขยุกขยิกอยู่บนถนน
ชิบหาย ! อิงูเหี้ยนั่นเอง งูเลื้อยมากลางถนนแบบแร่ด ๆ
เฉื่อย ๆ นวยนาด อิ ดอก !!!!!
กุกลัวมึงจะตายอยู่แล้ว กลัวจนเยี่ยวแทบราด
มึงยังเสือกไม่รีบเลื้อยไปอีก
มึงคิดว่ามึงเป็นนางแบบที่เลื้อยอยู่บนแคตวอล์ครึไงวะ
รถราก็เยอะแยะ อยากตายเหรอ อิแสด
กุแค่บ่น ๆ ในใจ ไม่สามารถด่ามันได้กลัวก็กลัว
ต้องรอให้มันผ่านไปก่อน กุถึงจะไปได้
คนกลัวงู ดันมาเจองู แล้วกุขี่มอไซค์ด้วย ไม่ได้อยู่บนรถยนต์
มันสามารถที่จะเลื้อยมาหากุได้ทุกเมื่อ
กุภาวนาในใจ มึงไปเหอะ รีบๆป๊ายยย กุจะตายแล้ว
ด้วยความที่กุไม่สามารถจะด่ามันได้ เพราะไม่รู้จะเอาผิดกะใคร
รู้สึกหงุดหงิดมากกลัวก็กลัว ร้องไห้แม่งเลย
ขี่รถไป ร้องไห้ไป น่าอายมาก ทุเรศตัวเองสุด ๆ
แระกุไม่ได้ร้องไห้แบบที่นางเอกเค้าร้องกัน
จะร้องแต่ละทีต้องเก๊กสวย ร้องไห้ไม่มีเสียง เพื่อไม่ให้น่าเกลียดเวลาเข้ากล้อง
ส่วนกุ ตอนนั้นไม่สนใจเหี้ยอะไรอีกแล้วเพราะกุกลัว
ฮื้อออออออออออออ โฮ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮื้ออ ๆ ๆ ๆ เสียงร้องไห้ออกมาดังมาก
ปากก็บ่น ฮื้อ ๆ ๆ ๆ ไอ่เหี้ย กุกลั๊ว ฮือ ๆ ๆ มึงจะออกมาทำห่าไรเนี่ย ฮือ ๆ ๆ กุกลั๊ววว
ไม่รู้จะด่าใครดี ไม่มีจำเลย ให้พิพากษา
ด่าแม่งกะตัวเองนี่แหละ ทำไงได้วะกุเป็นอิบ้าแบบนี้ ไปจนถึงบ้าน
หลายต่อหลายครั้งที่กุเข้าในเมืองทีไร กลับบ้านค่ำ
เอาแระ เจออิงูเหี้ยอีกแระ จะพิศวาสถนนทำหอกไรนักหนา
ไม่เห็นรึไงว่า นางแบบรุ่นพี่ของพวกมันโดนรถเหยียบไส้ปลิ้น
แบนตายติดถนนไปตะหลายตัวแระ
แระกุก็ตามฟอร์ม ขี่รถไปด่างูไปร้องไห้ไป บางทีกลัวแทบเป็นลม
แม่งเซ็ง ปกติถ้ากุแร่ดออนไลน์จนหิว
( แม่บอกว่าถ้าทำงานหนักแล้วหิวแม่จะรีบทำกับข้าวให้กินเลย
แต่กุไม่ได้ทำงาน มีแต่สร้างความรำคาญมากกว่า แม่จึงไม่ทำให้ 55 )
กุขอแม่ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่หน้าปากซอย
นั่งกินคนเดียวอ่อยหนุ่มๆไป โฮะ ๆ ไงล่ะแผนของกุ
ทำเป็นไม่กินข้าวที่บ้าน จริง ๆ อยากไปนั่งอ่อย
เอ๊ย นั่งรับบรรยากาศนอกบ้านน่ะ ว่าแล้วจึงเตรียมเปิดประตูรั้วบ้าน
แล้วขี่มอไซค์ออกไปกำลังจะจอดรถ เพื่อที่จะมาปิดประตูรั้วบ้าน
เวลาจะจอดรถมันต้องเอาตีนลงก่อน
ถึงจะเหยียบขาตั้งมาตั้งไว้ได้ ขณะที่ตีนขาว ๆ นิ่ม ๆ ยิ่งกว่าหน้าของกุ
กำลังจะเหยียบสู่พื้นดินกุรู้สึกว่า
เอ๊ะ ทำไมตีนกุมันเหมือนมีอะไรมาตวัด ๆ วน ๆ ตรงตีนวะ
แล้วรู้สึกเจ็บ ๆ จิ๊ด ๆ อีก หลาย ๆ ที่ พอก้มลงไปดูเท่านั้นแหละ
อิหอกหักสากกระเบือโยกเอ๊ยยยยยยยย
งู้ งูเหี้ยตัวนึง มันกะลังกัดเข้าที่ตีนกุเล้ย
โอ๊ย กัดด้วยความสะใจของแม่งแหละ กุเห็นเช่นนั้น
กุจึงกรี๊ดออกมาสุดเสียง " แว้กกกก กรี๊ด ๆ ๆ ๆ อ้ากกก งูกัด กรี๊ด ๆ ๆ ๆ "
พ่อกับแม่ได้ยินเลยวิ่งออกมาดู มันจึงเลื้อยไปตรงประตูรั้วบ้านกุ
แล้วเลื้อยไปตรงหน้าพ่อกุ พ่อกุใส่รองเท้าบู้ทอยู่
พ่อกุก็จ้องมัน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมัน ปล่อยให้มันเลื้อยไปอย่างนิ่มนวล
แร่ด !
กุสงสัยมากทำไมพ่อไม่เหยียบมันวะ ใส่รองเท้าบูทอยู่แท้ ๆ
เหยียบเต็ม ๆ ตีนหน่อยก็เน่าแล้ว
แล้วพ่อกะแม่ก็ให้กุมาทำแผลที่หน้าบ้าน กุกลัวตายก็กลัว
แม่งมีพิษเปล่าวะ คิดนั่นคิดนี่สารพัด
พ่อรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นงูไม่มีพิษ แต่ก็แกล้งบอกว่า
จะมีพิษมั้ยเนี่ย ทำไงดีน่ะ จะรอดเปล่าเนี่ย
กุก็โวยวาย ๆ เรียกร้องให้พาไปหาหมอ อารมณ์น้อยใจ
อะไรวะ ลูกโดนงูกัดแทนที่จะพาไปหาหมอ
พ่อกุก็ยิ้มๆกริ่ม ๆ เออ ! แกล้งกันเข้าไป
กุจะหัวใจวายตายห่าอยู่แล้ว ยังแกล้งกุอีก
ในใจตอนนั้นคิดเรื่องตายแม่งอย่างเดียวเลย ห่าเอ๊ย
กุยังไม่ทันได้ทำงานเลยจะตายห่าแล้วเหรอ
จะไม่ได้กลับไปเรียนต่อแล้วเหรอวะ
กุยังไม่ได้แต่งงานมีลูกมีผัวเลย ฯลฯ
คิดไปสารพัดสารเพ งูเหี้ยนี่กัดกุหลายแผลอยู่เหมือนกัน
เลือดออกแบบซิบ ๆ พ่อกุก็ทายาให้พ่อบอกว่า
" เออน่ามันไม่มีพิษซะหน่อยถ้ามีป่านนี้ไม่ได้มานั่งคุยกันขนาดนี้หรอก "
เอ๊า กะกุจะไปรู้เรอะ งูบางตัวพิษมันกว่าจะออกฤทธิ์ก็ 5-6 ชั่วโมงนู่น
พ่อพูดต่ออีกว่า " บลิวคงไปเหยียบมันนั่นแหละ
มันก็เลยกัดเพราะความตกใจมันคงเจ็บมันด้วยแหละ
นี่ถ้ามันมีพิษป่านนี้พ่อก็เหยียบมันไปแล้วสิ
เพราะพ่อใส่รองเท้าบู้ทถ้าเหยียบ มันก็คงไม่รอดร้อก "
เออ พ่อให้โอกาสมันซะงั้น พ่อให้โอกาสงู แต่พ่อไม่ให้โอกาสกุ !
ถึงรู้ว่ามันไม่มีพิษยังไง คืนนั้นทั้งคืนกุไม่กล้านอนเลย
กลัวตาย แม่งป๊อดว่ะวิตกจริตมันทั้งคืน ไม่กล้าหลับตา
กลัวหลับยาว หลับแล้วเผาอะไรประมาณนั้น
แต่เป็นใครก็ต้องคิดแบบกุแหละ แม่ง งูกัดอ้ะ
ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ กุไม่เคยด้วยและไม่คิดอยากจะมีซ้ำหลาย ๆ รอบ
มันไม่ได้เป็นเรื่องสนุกเลย ฮือ ๆ กุแค้นมาก แล้วกุก็กลัวมากเช่นกัน
หลอนว่ะ เรื่องงูเหี้ย ๆ พวกนี้กุเบื่อมากตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงตอนนี้
กุฝันถึงงูบ่อยมาก เอาไปเล่าให้ใครฟังก็โดนแซว
"เห้ยย แบบนี้จะมีคู่นะเว้ย ฝันถึงงู ดีออก กรี๊ด ๆ ๆ "
กรี๊ดหาพ่อง !
สัด กุไม่ได้อยากฝันถึง กุฝันตั้งแต่เด็กยันโต
ถ้าจะมีคู่จริง ๆ กุคงได้ผัวตั้งแต่อายุ 3 ขวบแล้ว
ป่านนี้ผัวกุคงเต็มประเทศแล้วค่ะ
บางทีฝันว่าเดินไปไหนก็เจอแต่งู ให้ยั้วเยี้ยเต็มทางเดินไปหมด
มึงจะยั้วเยี้ยทำเหี้ยไรเยอะแยะ กุกรี๊ดลั่นเลยในฝันน่ะ
สะดุ้งตื่นนี่ยังคิดเลยว่ามีงูมานอนข้าง ๆ รึเปล่า
อารมณ์ไม่อยากข่มตาหลับอีกเลย ตาค้างยังกะได้แดกกาแฟ
จริง ๆ แล้วง่วง แต่ใจมันหลับไม่ลง อี๋ สยิวกริ้ววว บรื๊อออ
บางครั้งก็ฝันว่าโดนงูฉก ฝันว่างูมันจะมารัด หรืออะไรแบบนี้
ในฝันมันเหมือนจริงมาก ๆ บางทีกรี๊ดไม่ออก
พยายามคิดกะตัวเอง นี่กุฝัน ๆ ๆ รีบตื่นสิวะตื่นสิวะ เห้ยแม่งตื่นเด้
ทะเลาะกะตัวเองอีก บ้าชิบเลยกุนี่
- -"
บางทีในฝันร้องไห้ พอตื่นขึ้นมา ทำไรไม่ได้นั่งร้องไห้แม่งเลย
เอาสิวะ กุทำไรไม่ได้นี่ ร้องไห้นี่แหละ เป็นวิธีที่เวิร์คสุดแล้ว
ถ้าการฝันถึงงูมันหมาควายว่ากุจะเจอคู่ล่ะก็
กุขอเป็นโสด อยู่คนเดียว ของกุจะดีกว่ากุไม่ชอบ
แม่ง ฝันห่าไรบ่อยเหลือเกิน จนกุมาคิดว่าชาติหน้ากุจะเกิดเป็นงูเปล่าวะ
( เริ่มฟุ้งซ่านแระ )
จะฝันอะไรก็ฝัน แต่อย่าให้กุฝันว่า ตกจากที่สูง หรือ เจองูเลย
ฮือ ๆ แง้ ๆ ๆ ๆ มันกลัวจริง ๆ นะโว้ย แม่ง
หลังจากนั้นกุจะหลับไม่ลง เพราะกุกลัวที่สุดของที่สุดของที่สุดที่สุด
เฮ้อ ... ลำบากจริง เกิดเป็นอิบลิวเนี่ย ...
ถึงกุจะถ่อย แต่ถ้าเจออิงูเหี้ยนี่กุก็ถ่อยไม่ออกจริงๆ
คงจะ ถอย ดีกว่า เคยคิดสมน้ำหน้าแม่งเหมือนกัน
เวลาเห็นซากของพวกมันแบนติดถนน อยู่อย่างนั้น
ดันเสร่อเลื้อยนวยนาดอวดโฉมคิดว่าตัวเองดูดี ถรุ้ย !
สมหน้ามึงดับอนาถไปเลยเหมือนมีใครได้แก้แค้นให้กุ โฮะ ๆ ๆ ๆ
( บาปว่ะแต่ยอม แค่สะใจนี่หว่า )
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า จิ้นส้ม อ่านว่า จิ้น - ส้ม แปลว่า แหนม
แต่งประโยค แม่เจ้าน่องบลิวอยากกิ๋นไข่ทอดใส่จิ้นส้มเจ้า
แปลอีกทีว่ะ แม่จ๋านู๋บลิวอยากกินไข่ทอดใส่แหนมค่า
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล ว่าจะอัพนานแล้วแต่ต้องดองไว้เพราะกุเรียนหนักจริง ๆ
( + ขี้เกียจ ) ค่ะพี่น้องแฟนบล็อก
เร่งกุอยู่ได้ ชิบหายยย ใจเย็น ! กุบอกแร้วไงว่าอยากอัพกุก็จะอัพ
ไม่อยากอัพกุก็ไม่อัพ ไม่ได้อัพบล็อกขายตลาดนะโว้ย



ส้วมเต็ม ... สูบครั้งที่ 2

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
ได้เข้ามาอัพบล็อกซะทีนะกุหลังจากที่หักโหมจากการเรียนเพิ่มเติมมาพักใหญ่ ๆ
( เปล่าหรอกค่ะ กุแค่พูดให้ตัวเองดูดีเฉยๆ
จริง ๆ กุไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ กุมัวแต่ฝักใฝ่เรื่องไร้สาระ )
ผ่านพ้นวันเกิดบล็อกกุไปตั้งหลายเดือนแล้ว
แต่กุก็ไม่เคยจะสนใจสูบส้วมซักครั้ง
จริง ๆ กุใส่ใจ สนใจที่จะอัพนะ กุไม่ได้อ้างนะคะ
แต่ว่า กุไม่มีอารมณ์จะเขียนบล็อกเลย ไม่รู้ตัวเองเป็นเหี้ยอะไร
( อาจจะเป็นเหี้ยจริง ๆ )
กุคิดแล้วคิดอีก
... อิบลิว เมื่อไหร่มึงจะสูบส้วมของมึงซักที
ไปอวยพรวันเกิดบล็อกมึงซักทีสิ
อุ๊ย ๆ ยังดีกว่า วันนี้ไม่มีเวลา แค่วันเดียว เด๊วพรุ่งนี้กุค่อยอัพ
โอ๊ย วันนี้กุไม่ว่างอีกแระ ไว้วันเสาร์ดีกว่า
เอ๊ะ ฯลฯ ...
กุเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยมา ศัพท์แถวบ้านเรียกว่า "อ้าง"
ซึ่งกุหน้าด้านที่จะใช้คำนี้
สำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่ได้สำคัญเหี้ยไรมาก
แต่สำหรับตัวกุเองแล้วกุเป็นคนที่ชอบตื่นเต้นกับวันสำคัญต่าง ๆ
อย่างที่สัด เอ๊ย ที่สุด !
ไม่รู้ได้รับโครโมโซม อย่างนี้มาจากไหน
แต่กุตื่นเต้นจริง ๆ นะ กุเคยคิดจะไม่สนใจพวกวันสำคัญหลาย ๆ วัน
แล้วบางทีกุคิดไว้ว่า กุอยากเป็นนางเอกที่จำวันเกิดตัวเองไม่ได้
จะมาจำได้ ก็ตอนเพื่อนอวยพรให้ หรืออะไรแนว ๆ นี้
กุก็ทำเป็นลืม ๆ ๆ แต่ยิ่งกุทำลืมเท่าไหร่
สันดานความจำส้นตีนนี่ก็เสือกทำงานดีซะงั้น
จำได้ยังไม่พอ ยังจะต้อง ตีฆ้องร้องป่าว ประโคมข่าวประกาศให้ชาวบ้านเค้ารู้
... นี่ ๆ วันนี้วันเกิดกุนะ
กรี๊ด ๆ ๆ ๆ วันนี้ครบรอบที่เราคบกันนะตัวเอง
เฮ้ย ๆ ๆ เด๊วอาทิตย์หน้ากุรับปริญญานะ ห้ามลืม ถ้ามึงลืม กุจะร้องไห้ !
ฯลฯ ...
แต่การตื่นเต้นมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ?
เพราะมันได้จำในสิ่งที่ควรจดจำ
กุว่าวันพวกนี้ สำคัญว่ะบางครั้งกว่าจะครบรอบก็รอตั้งนาน
ประมาณว่านานทีปีหน กว่าแม่งจะมาครบรอบอีก
หรือบางครั้ง วันสำคัญนั้นก็ไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว
กุจึงเชื่อมั่นและรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
น้ำลายหกแล้วหกอีก ( นี่มึงรอหรือมึงกะลังมองผู้ชาย อิบ้า ! )
ครั้งนี้ มันถึงเวลาแล้ว ที่กุจะต้องสูบส้วม
ถึงแม้ว่าแม่งจะผ่านข้ามปีแล้วแต่ยังไม่ครบรอบ ปีที่ 3 นี่หว่า
โฮะ ๆ ๆ
เอาน่ะ ช้านิดช้าหน่อย อย่าเสือกบ่นกุมากเด๊วกุไม่สูบซะนี่ งิงิ
บล็อกสีชมพูจ๋า วันนี้กุเข้ามาอวยพรวันเกิดแล้วนะคะ
ขอบคุณบล็อกมาก ๆ นะจ๊ะ ที่เวลากุมีเรื่องอะไร บล็อกก็ยังอยู่กับกุซำเหมอมา
เรื่องเศร้า เคล้าน้ำตา เรื่องสนุกสนาน เรื่องน่าปวดหัว
แต่บล็อกก็ยังอยู่ให้กุเขียนเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ตลอด
ขอบคุณฝรั่งดั้งขอ ที่เสือกให้กำเนิด blogger ขึ้นมา
แม่งน่าประทับใจจริงๆ อย่าให้กุรู้นะว่าฝรั่งคนไหน
กุจะ จะ จะ จะ ... จะจีบลูกชายมัน !!!
นี่กุปิดเทอมอยู่ จะรับปริญญาอยู่แล้ว กรี๊ดดดดดด
หวังว่าบล็อกก็จะยังอยู่กับกุ อยู่กับวันสำคัญของกุอีกนาน ๆ
( อย่าโดนปิดเลย ๆ ๆ ๆ )
ไอ่ห่า ... รู้สึกนางเอกๆ ไงมะรู้
แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตกุ กุก็เป็นนางเอกของชีวิตแหละวะ งิงิ
ขอบคุณทุกคนที่ยังเสือกตามอ่านบล็อกกุอยู่นะคะ
ดูสิ ครบ 2 ขวบแระ
( มันครบตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย 2549 แล้ว อิถ่อย ! ถ่อยจริง ๆ นะ )
ส้วมของกุยังน่ารักน่าชัง อยู่เหมือนเดิม
คงเป็นเพราะเจ้าของน่ารัก กร๊าก ๆ ๆ
... ถรุ้ยยยย !!! ...
ไอ่เหี้ย ! ใครแซว ?

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ไน่ อ่านว่า ไน่ แปลว่า ละลาย
แต่งประโยค บลิวขะไจ๋เอาน่ำแข็งมาใส่กระติก เดวน่ำแข็งมันย่ะไน่
แปลอีกทีว่ะ บลิวรีบ ๆ เอาน้ำแข็งมาใส่กระติกสิ เดี๋ยวน้ำแข็งมันก็ละลายหรอก
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล อันนี้ไม่เกี่ยวกะบล็อก แต่กุอยากบอกว่า
... ช่วงชีวิตของคน ๆ นึง จะมีรักแท้ได้กี่ครั้งก็ไม่รู้
บางคนอาจจะมีแค่ครั้งเดียว บางคนมีหลาย ๆ ครั้ง
และบางคนก็อาจจะไม่มีเลยทั้งชีวิต เมื่อเจอ ควรดูแลรักษา
ทะนุถนอมให้ดี ถ้าไม่เคยเจอ
จงให้รักแท้ของตัวมึงเองกับคนอื่น
( แต่ถ้ามันเกินพอดีก็จงใช้สมองคิดว่าควรให้แค่ไหน )
เอ๊า ... อิเหี้ย
กุจะอ่อนไหวบ้าง ใครจะทำม้ายยยยย กรี๊ดดดดดดดด

... จบ ... แต่ไม่เห่

กุตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ... นอนคิดอะไรเพลิน ๆ
ไม่ต้องรีบต้องร้อน ไม่ทะเลาะกับนาฬิกาปลุก อีกต่อไป
จะนอนกลิ้งซักสามสี่ตลบหรือจะตีลังกาม้วนหน้าม้วนหลังบนที่นอนก็ยังได้
เหตุผลน่ะเหรอ เก๊าะกุเรียนจบแร้วน่ะเซ่
โฮะ ๆ ๆ ๆ กรี๊ด ๆ ๆ ในที่สุดกุก็เรียนจบ โดยไม่ได้จบเห่กลางคัน
แม่บอกว่าหมอดูทักว่ากุจะเรียนไม่จบ กุก็กล้ำกลืนอย่างแฮง
เพราะเชื่อคำทำนายหัวควย ๆ ไม่เป็นเรื่องเป็นราวมาโดยตลอด
จิตใจก็ย่ำแย่ เพราะเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ครอบครัวกุก็คิดมากเป็นทุนเดิม
ยิ่งเจอคนทักแบบนี้ กุก็เครียด พ่อแม่ก็เครียด แต่กุก็คิดว่า
เฮ้ย ทำไมกุจะไม่จบวะ ในเมื่อกุก็เรียนๆของกุอยู่แบบเนี้ยะ
ไม่ได้ไปตอแหลที่ไหน เอ่อ ... แต่ก็อาจจะมีตอแหลบ้าง คริคริ
แต่ก็ไม่ได้เกเรเรื่องเรียน
แม้เกรดจะออกมาได้อุบาทว์ ทุเรศไปบ้าง แต่ก็ไม่เชิงว่าน่าเกลียด
( พูดปลอบใจตัวเองไปงั้นว่าเกรดไม่น่าเกลียด จริง ๆ แล้วห่วยชิบหาย )
กุดั้นด้นและแข่งขันกับสิ่งที่ตัวเองคิดมาก
ใจนึงก็เรียน อีกใจก็คิด กุจะจบมั้ย ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่อย่างนี้ตลอด
มันคอยมากวนใจ กวนตีน กุอยู่ทุกครั้ง ทำให้กุนอนไม่หลับ
แทบเอาตีนก่ายหน้าผาก
นี่คือความเหี้ยของคนที่คิดมาก มักจะเป็นแบบนี้
กุคิดว่าคงเข้าข่ายเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง วิตกจริต กังวล ประมาณนั้น
บางครั้งจะออกบ้านไปไหนกลางคืน พ่อกุชอบพูดว่า
" ระวังนะ ที่หมอดูทายว่าเรียนไม่จบ อาจจะเกิดอุบัติเหตุก็ได้ ระวังด้วยล่ะ รถรา "
โอ๊ย ... เครียดกันต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้ถึงกะเครียดแบบออกหน้าออกตามาก
คือ พ่อแม่กุคงแอบเครียดในใจ ประมาณหวังอยากให้กุจบ
อยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ เค้าคงลุ้นกุอยู่ในใจล่ะมั้ง
แต่กุก็นะ ... อดทน บางทีงานที่โง่ ๆ ควาย ๆ กุก็โวยวายไว้ก่อน
แล้วก็มาถามเพื่อน แก้ไขปัญหา เฉพาะหน้าไป
แต่เทอมนี้กุหวังชิบหาย เพราะกุทำงานส่งตลอด ไม่ค่อยจะหมก
( ทุกทีกุก็หมกเป็นเรื่องปกติและสม่ำเสมอ งิงิ )
จารย์สั่งปุ๊บ รีบทำส่งปั๊บ แต่ผลที่ได้ออกมาก็ไม่เป็นดังหวัง
งี้แหละ เวลาหวังเหี้ยไร ก็จะไม่ค่อยเป็นตามที่คาดหวัง
อย่างเวลากุเรียนเหมือนกัน ถ้ากุไม่หวังนะ จะได้ผลลัพธ์ที่แม่งคาดไม่ถึง
จะคิดกับตัวเอง " อ่าวเฮ้ย นี่กุได้เกรด 4 คณิตศาสตร์ได้ไงวะเนี่ย กรี๊ด "
ซึ่งไม่คาดฝันว่าจะมีวันนั้น สุดยอด !!!!
แต่ถ้าหวังว่า เอออยากได้เกรด A วิชานั้นวิชานี้ แล้วก็ทำเต็มที่
แต่ก็เสือกไม่ได้ นี่แหละทำให้กุรู้สึกไม่อยากตั้งใจเรียน
ถึงแม้ใคร ๆ อาจจะเห็นกุเล่นเน็ต แร่ดออนไลน์อยู่ตลอดเวลา
แต่แหม ... ใครเล่าจะรู้ ว่ากุก็ซุ่มเรียนอยู่ไม่น้อย
ไอ่ซุ่มเรียนเหี้ยไรนี่ มันไม่ส่งผลให้กุดีใจเลยว่ะ
ทำให้กุยิ่งบอบช้ำ เจ็บปวดใจ รวดร้าวทรวงใน ได้กุแล้วก็ทิ้ง
( อ๊ะ ไม่ใช่แระ )
กุหวังมาก ๆ ว่าเทอมนี้กุจะต้องได้ A 2 - 3 ตัว เพราะคะแนนเก็บกุดี
ตอนสอบกุก็ว่ากุทำได้ แม่งเอ๊ย ผลออกมา เสือกได้แค่ B+ ไม่ก็ B
ส่วนเพื่อน ๆ ที่หมกงานนั่นเหรอคะ แม่งเสือกได้ A กุไม่เข้าใจเล้ย
หน้าอย่างกุ จะไม่มีปัญญาจะได้ A เยอะๆกะเค้าบ้างรึไงวะ สรัด เยะเป็ด !
หน้าเหี้ย ๆ ถ้าได้เกรด A เยอะๆ อาจจะเสริมบารมีทำให้หน้าตาดูดีขึ้น
กุคิดงั้นนะ เผื่อว่ากุจะได้ดูเป็นคนมีแววตาฉลาด ๆ กะคนอื่นเค้าบ้าง
ฝันเฟื่องอีกสิกุ ใช่ กุฝัน เพราะตอนนี้ก็กลับไปแก้ไข อะไรไม่ได้
ช่างหัวกุแม่งเหอะวะ เสือกทำตัวเองนี่ แต่แอบเจ็บใจลึก ๆ
กุอุตส่าห์เปลี่ยนแปลงตัวเอง จากส้นตีน เป็นหน้ามือ ทำไมต้องเป็นงี้ทุกที
สงสัยคนหน้าเหี้ยแบบกุ คงไม่เหมาะกับเกรดดี ๆ ล่ะมั้ง ถ้าได้เกรด ห่วย ๆ ถึงจะเหมาะ
ฮือ ๆ โลกบ่ยุติธรรม ทักษิณไม่ลาออก หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหล่อ
( อ๊ะ มีแววเข้าคุกก่อนรับใบทรานสคริป ตงิด ๆ )
กุไปตัดชุดครุยมาแระ ในวงเงิน 650 บาท แม่งแพงว่ะ
ตอนแรกพวกกุจะไม่ตัดกัน แต่มันต้องถ่ายรูปกันทั้งคณะ
จะไปเช่าแม่งก็หลายตังค์
เลยตัดสินใจตัดกันเกือบทั้งห้อง แล้วไงล่ะ สถาบันที่จบมาจะเปลี่ยนคำนำหน้า
ให้มีคำว่า มหาวิทยาลัย นำหน้า พอตัดชุดมา
พวกกุจึงหวั่น ๆ ว่า แม่งจะเปลี่ยนชุดครุยกุเปล่าวะ
ถ้าเปลี่ยนนะ พวกกุต้องตัดกันใหม่อีกแน่ ๆ เว้ย คิดแล้วเซ็งว่ะแม่ง
อาจารย์ก็บอกพวกกุว่า
" คงไม่เปลี่ยนหรอก เพราะกว่าจะเปลี่ยนได้มันนาน
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ครูว่าไม่น่าเปลี่ยนนะ
ครูคิดว่าอย่างนั้น เพราะครูถามพวก
กองกิจการนักศึกษาแล้ว เค้าว่ามาว่ามันไม่ได้เปลี่ยนกันง่าย ๆ
คงเปลี่ยนแค่เข็มแหละ "
เออ กุก็จะคอยดู ถ้าเปลี่ยนนะ กุว่าต้องมีคนด่าเยอะเลย
เพราะตัดกันเกือบทั้งคณะ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
น่าเบื่อสุด ๆ
พอได้ชุดครุยกลับมาแขวนไว้ที่บ้าน รอวันถ่ายรูป
ก่อนไปเรียน กุเห็นแม่เขียนข้อความฝากไว้ตรงหน้าคอม
เพราะแม่รู้ว่ากุต้องเปิดคอมฟังเพลงก่อนไปเรียนอยู่แล้ว
" บลิวลูกรักของพ่อและแม่ พ่อและแม่ ได้เห็นชุดครุยของลูกแล้ว
รู้สึกดีใจและปลื้มใจกับลูกเป็นอย่างยิ่ง เพราะคิดว่าลูกต้องเรียนจบแน่ ๆ
รักลูกนะ พ่อ + แม่ "
โอ้ว ... มันเป็นลายมือแม่กุ โดยพ่อเป็นคนคิดบอกให้แม่เขียน

-"-

( แม่มาบอกกุทีหลัง )

อ่านแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่ ไม่ได้สยิวกิ้ว เพราะโดนน้ำแข็งลูบหลังแต่อย่างใด
แต่ขนลุกที่พ่อแม่ชื่นใจที่กุเรียนจบ
เห็นแมะ กุก็แอบเป็นคนดีบ้างแหละว้า ทำให้พ่อแม่มีความสุข
กุก็มีความสุขไปด้วย วะฮะ ๆ
จากเกรดดี ๆ ตอนปี 1 ได้ 3 กว่า ๆ พอเรียนเยอะเข้า เกรดก็มาทบ ๆ กัน
ในแต่ละเทอม ทำให้เกรดเฉลี่ยกุลดลงเรื่อย ๆ เพิ่งจะมาเพิ่มขึ้น
ก็เทอมนี้ แม่ง เสือกไม่ตั้งใจเรียน มัวแต่สนใจเรื่องอื่น
เรยได้ เกรด 2.94 มาแดก ซะงั้น ใครอยากสมน้ำหน้ากุ
เชิญขากถุยได้ตามสันดาน
ไม่เป็นไร หน้ากุด้าน กุมั่นใจ
ประสบการณ์ชีวิตของการเรียน ป.ตรี ครั้งนี้สอนให้กุรู้ว่า
การสปีดตัวเองทีหลังไม่ได้ช่วยเหี้ยไรให้กุได้เกรดดีขึ้นมาเลย
เพราะเกรดมันทบกัน ไม่ได้เหมือนตอนเรียนมัธยมที่เรียนเทอมไหน
เกรดเทอมนั้นก็จะออก แต่นี่มันรวมเฉลี่ยกัน โคตรเซ็ง ! เรย
บางเทอมวิชาที่เรียนก็ไม่ออก มาออกเอาตอนใกล้จบปี 4
ทำให้พวกกุหวั่น ๆ ใจ ชิบหายแม่งกุจะจบกันมั้ยว้า ไม่ออกซักทีว้า
เดือดร้อน ต้องให้อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยอีกแรง
ไม่รู้จะยังไง ในที่สุดก็ออกมาจนได้ เย้ ๆ
กุว่าจะยังไม่ทำงาน เพราะตอนนี้กุเพิ่งส่งใบสมัครไปที่ ที่กุอยากไปเรียนต่อ
ไม่ได้อยู่พิดโลกหรอก อยู่ตั้งนครปฐม แน่ะ
แต่ก็นั่นแหละ สมองควาย ๆ กลวง ๆ อย่างกุ จะสอบเข้าได้เปล่าไม่รู้ววว
โปรดติดตามตอนต่อไป อนาคตกุจะเป็นอย่างไร
พวกชอบเสือกเรื่องของชาวบ้าน โปรดรออีกนิดค่ะ
แร้วกุจะมาขี้ใส่บล็อกไว้ให้คุณๆท่านๆ ที่แอบมาเสือก
ให้ได้รู้เองค่ะ ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้เสือกเรื่องของกุนะคะ งิงิ
ไว้กุเข้าสอบก่อนเหอะ ได้ไม่ได้ก็ไม่รู้ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
( แต่กุอยากเรียนใจจะขาด สนุกดีแต่ท่าทางจะยากส์ )
สู้ๆ สู้ตาย สาธู้ ขอให้สอบเข้าได้ ได้เรียน สาธู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เพี้ยง ๆ ๆ ๆ

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า แว่น อ่านว่า แว่น แปลว่า กระจก
แต่งประโยค บลิวไปซื้อแว่นอันน้อย ๆ ฮื่อย่ากำ ย่าย่ะป๊กใส่กระเป๋าไ่ว่
แปลอีกทีว่ะ บลิวไปซื้อกระจกอันเล็กๆให้ย่าหน่อยสิ ย่าจะพกใส่กระเป๋าไว้

บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น

ป.ล รับปริญญาปีหน้า เย่ ๆ สาธู้ อย่าเปลี่ยนชุดครุยกุเรย กุบ่อยากเสียตังค์อีก
ลุ้น ๆ อยู่ว่าจะรับที่ไหน ไม่รู้จะเชียงใหม่หรือพิดโลกกันแน่ สาธู้ พิดโลกเหอะ

วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2549

มันมากับมือถือ

กุไปอยู่บางกอกมา เนื่องจากอยากผอม
และคิดว่าไปบางกอกกุคงผอม บอกแม่ไว้ว่า
อย่าส่งเงินมาให้ใช้โดยไม่จำเป็น เพราะไม่เช่นนั้น
เงินที่แม่ส่งมา จะโดนแปลงเป็นอาหารในหลาย ๆ มื้อของกุทันที
กุตั้งปฏิญาณตนไว้ว่า กุจะไม่แดกเหี้ยไรสุ่มสี่สุ่มห้า
กุจะได้ผอม ๆ จริงอยู่ บางกอกของแดกแม่งเยอะ
แต่ถ้าอยู่แบบไม่มีเงิน กุคงผอมได้บ้าง
กุเลยไปอยู่หอพักของอิโบน้องสาวกุ ซึ่งชั้นล่างของหอพักอิโบ
เสือกมีร้านขายข้าว ขายขนม ฯลฯ อยู่
อิโบเคยเตือนกุแล้ว
อิโบ : เห้ย พี่จะอดได้เหรอ ? เป๊บซี่บางกอกน่ะ ขายถูกนะเฟ้ย
กุ : โอ๊ย เหอะน่า กุอดได้แร้วกัน งิงิ
กุนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เพราะคิดว่ากุทำได้แน่ ๆ
อิสัดเอ๊ย จนแล้วจนรอด กุก็ยังทำไม่ได้ซ้ากที
ตื่นนอนแบบงัวเงีย ๆ ขึ้นมาก็คิดสรรหาของจะแดกซะแล้ว
แบบนี้ กี่ชาติ ๆ กุก็คงไม่ผอมหรอก เฮ้อ
ให้กุหยุดคิดเรื่องลดความอ้วนห่านี่ยังจะง่ายกว่าให้กุลดการแดกซะอีก
กรี๊ด ๆ ๆ ๆ
จริง ๆ แล้วกุก็ไม่ได้คิดอยากจะมาเล้ย อิบางกอกอะไรนี่
เพราะกุอยู่บ้านเล่นเน็ตแร่ดออนไลน์ดีกว่า
แต่คิด ๆ ว่า เออ เปลี่ยนบรรยากาศที่น่าเบื่อๆ เข้าบางกอกดีกว่า
เผื่อจะมีอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ บ้าง อยู่บางกอกแม่งก็เหงา ๆ
ดูหนังก็แล้ว หาไรแดกก็แล้ว โคตรอึดอัดเรยแม่ง
ในห้องอิโบอากาศแม่งไม่ค่อยถ่ายเทเท่าที่ควร
อากาศบางกอกก็รู้ ๆ กันอยู่ร้อนก็ร้อน แถมในห้องยังไม่ถ่ายเทอีก
กุก็เหมือนเป็นอึ่งอ่างที่อยู่ในไมโครเวฟ
แสดดดดดดดดด
บางครั้งฝนตก ฮิฮิ้ววววว
กรี๊ดกร๊าด ๆ เรื่องฝนตกได้ซักพัก คิดว่า
อุ๊ย เด๊วอากาศต้องเย็นสบายแน่ๆสิกุ ผิดถนัด สัดหมา !
มันไม่ใช่เรยค่า กุกรี๊ดกร๊าดแทบตาย สุดท้ายแม่งในห้องน้องกุก็ร้อนเหมือนเดิม
เป็นอึ่งโดนเวฟเหมือนเดิมเรย ฮือ ๆ อนาถสุด ๆ
ใครไม่เป็นอึ่ง ไม่รู้ร้อก ฮือ ๆ เหี้ยมาก ๆ
กุนึกแล้ว แม่งอยู่ไปนาน ๆ ต้องเหงา คิดถึงการแร่ดออนไลน์ยิ่งนัก
ชีวิตกุดำเนินต่อไปแบบเบื่อ ๆ ไร้รสชาติอย่างนี้เรื่อย ๆ
แต่แล้วมันเสือกมีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้นนี่เสะ
กลางดึกของค่ำคืนหนึ่ง ณ บางกอก ห้องน้องกุ
ตอนแรกกุก็นั่งดู ทีวี กะน้องกุอยู่ดี ๆ
จู่ ๆ ก็มีคนโทรเข้ามือถือกุ จะเรียกว่าโทรแม่งก็คงไม่ถูก
เรียกว่า ตื๊ด ๆ หรือ ยิงมา คงจะถูกกว่า
กุก็เอ๊ะ คิดในใจ ใครแม่งตื๊ดมาหากุวะ
มันคงคิดว่ากุมีเงินโทรหาเยอะแยะเหรอวะ
แต่ด้วยความที่เห็นว่าเป็นเบอร์แปลก ๆ ไม่คุ้น
และไม่โทรมาอีกทีแระโดยส่วนตัวกุเป็นพวกสอดรู้สอดเห็น
แระชอบเสือก มึงไม่โทรมาเออ ... กุโทรหามึงเองก็ได้วะ อิหอก !
ว่าแล้วจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรไปอิเบอร์เหี้ยนั่นทันที
ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดดดด ดดดดดดดดด
อินั่น : ฮัลโหล
กุ :ฮัลโหล ใครอ้ะ โทรมาหาเบอร์นี้ทำไม
อินั่น : แล้วเบอร์นี้เบอร์ใคร แล้วใครโทรมา
กุ : อ้าว ก็คุณโทรมาหาชั้นไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้น่ะ
อินั่น : เออใช่ แล้วเธอเป็นใคร ชื่ออะไร
กุ : เอ้า แล้วใครล่ะ ใครโทรมาเล้า ( เริ่มเสียงไม่เหมือนคนแระ )
อินั่น : เธอรู้จักพี่โกวิท แมะ
กุ : ใครเหรอคะ ไม่รู้จักค่ะ
( ในใจเริ่มคิด อิเพื่อนตัวไหนแม่งอำกุป่าววะ เริ่มจะด่าแระ )
อินั่น : ก็พี่โกวิทไง ที่เป็นตำรวจน่ะ รู้จักมั้ย
กุ : ไม่รู้จักค่ะ แล้วคุณเป็นใคร
( กุกะตำรวจไม่ถูกชะตากัน แร้วจะรู้จักทำหอกไร )
อินั่น : อย่ารู้เลย เอาเป็นว่า ไม่รู้จักเหรอ พี่โกวิทน่ะ
ถ้าไม่รู้จัก เค้าจะมีเบอร์ของเธอในเครื่องได้ไง
กุ : เอ๊า ก็จะไปรู้ได้ไงอ้ะ แล้วเค้าเมมเบอร์ไว้รึป่าวล่ะ
ลองบอกชื่อมาซิ ว่าเค้าเมมว่าไง จะได้บอกว่าใช่หรือไม่ใช่
อินั่น : อืม ... เมมไว้ แต่ถ้าบอกเธอไป เธอก็รู้สิ
ดูมัน อิห่านี่ กวนตีนกุกลางดึกแบบนี้ ได้ไง
ไม่รู้จักกุซะแล้ว อินี่ แล้วแม่งก็ดูท่าทางว่า
กุไปแย่งผัวมัน หรือไงนี่แหละ ชิบหาย ! อิวอก
ตั้งแต่กุเกิดมานี่ยังไม่เคยแย่งผัวใครเลยนะนี่
แม้แต่จะคิดก็ไม่มี ต๊าย ... โกวิท โกห่า ไร ก็ไม่รู้จักทั้งนั้นแหละกุอ้ะ
เวรแท้ ๆ รู้สึกว่า กุจะเถียงๆกะอินี่ แนว ๆ อย่างนี้ นานมาก ๆ
จนสุดท้ายกุก็เริ่ม ๆ จะเซ็งๆแระ จะด่า หรือไม่ด่าดี
แต่ถ้าด่าก็ไม่ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรสิแล้วมันก็บอกว่า
อินั่น : เอาเป็นว่า ถ้าเบอร์นี้ โทรหา เธอก็ไม่ต้องรับนะ ... ผลัวะ !
( เสียงทอสับวางไป เต็มกกหูกุ )
อิเหี้ยยยยยยยยย พ่องตายยย อิเยะเป็ดดดดดดดดด
กุเสือกมาด่ามันตอนวางสายไปแล้ว น้องกุหันมาถามว่า
" ด่ากะใครวะ แม่งเสียงดังชิบหาย เกรงใจชาวบ้านเค้าบ้างเด้ะ "
กุก็เลือดขึ้นหน้า อินี่แม่งใครวะหาว่ากุแย่งผัวมัน
โกวิท บ้าบออะไรนี่ ตำรวจด้วย แค่ ควย อันเดียว
กุจะต้องไปแย่งใครวะ วีนแตกมากกุกุทนไม่ไหว
โทรไปเล่าให้ไอ่บิวฟัง แระกุก็บอกไอ่บิวว่า
" เห้ย มึง กุไม่ไหวแระ เด๊วกุโทรไปด่าแม่งก่อนสัดนี่ "
กุไม่ยอมอ้ะ ไม่เคลียร์ ไม่รู้เรื่อง แร้วแม่งด่ากุ
( แระตอนนั้นเสือกไม่คิดถึงเงินในมือถือว่าจะหมด )
พอกุโทรไป เชี่ยนั่นวางสาย ไม่ยอมรับสายที่กุโทรไป
ซักพัก มีคนโทรเข้ามาเป็นผู้ชายโทรมาบอกว่า
เมื่อกี้โทรมาเบอร์นี้เหรอคับ กุก็บอกว่า ใช่แล้วเมื่อกี้
ใครมันโทรมาบ่น มาด่าก็ไม่รู้ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
มันบอกว่า " อ้อ แฟนผมเองคับ เค้าด่าน้องเหรอ เค้าว่าอะไรน้อง
ผมขอโทษด้วยนะคับ " กุก็ถามว่า " แล้วพี่เป็นใครน่ะ
( เริ่มวีนแตกสุด ๆ ) แล้วให้แฟนโทรมาด่าทำไมเนี่ย บลิวไปแย่งผัวเค้าตอนไหนวะ "
ขวดตำรวย : เอ่อ ... น้องชื่อ อึ่ง รึป่าว
กุ : เห้ย จะบ้าเหรอ ชื่อบลิว อึ่งไหน
ขวดตำรวย : เอ้อ ... น้องรู้จัก น้องนุ่นรึป่าวครับ
พอดีว่าพี่เปลี่ยนทอสับกะน้องนุ่นมาใช้น่ะ
กุ : อ๋ออออ อินุ่นน่ะเหรอ อินุ่นที่อยู่ เพชรบูรณ์ใช่แมะ
เออ รู้จัก เพื่อนบลิวเอง กุมานึกขึ้นได้ว่า
กุบังคับให้เพื่อน ๆ เรียกกุว่า " อึ่งน้อย " เพราะคิดว่าน่ารัก ซะเต็มประดา
อินุ่นเรย เชิดชูเกียรติ ให้กุ โดยการเมมชื่อกุในทอสับมันว่า " อึ่ง "
กุเรยอธิบายมันไปว่ากุชื่อบลิว แต่บังคับให้อินุ่นเรียกว่า อึ่งน้อย
แระกุก็รู้ว่าอินุ่นกะอิพี่คนนี้เปลี่ยนทอสับกันใช้
พี่คนนี้เป็นน้ามัน น้าแบบลูกพี่ลูกน้องกันยังไม่แก่เท่าไหร่
เพราะกุเริ่มนึกออกราง ๆ แล้วว่ากุเคยเจอหน้าเค้า
ตอนเค้ามารับกุกะเพื่อน ๆ ไปบ้านอินุ่น
ตอนพวกกุไปแร่ดที่เพชรบูรณ์กัน
ถามไปถามมา กุซึ่งไม่ไหวแล้ว ก็ด่ากราด ไปซะ
กุ : แล้วอะไรน่ะ แฟนพี่อะไรวะ ทำไมต้องมาด่า
ว่าบลิวไปแย่งผัวเค้าด้วย พูดก็ไม่ดี งงไปหมด
ขวดตำรวย : เค้าด่าน้องเหรอคับ พี่ขอโทษแทนเค้าด้วยนะคับ
กุ : ไม่สนโว้ย ! จะโทรไปด่าอินุ่น แม่งเอ๊ย อะไรวะ
จะด่าอินุ่นนนนน !!!!!!
ขวดตำรวย : น้องจะโทรไปด่านุ่นเค้าทำไมอ้ะ
ก็พี่ผิดเองอ้ะ แฟนพี่มันก็ไม่ยอมถามพี่ก่อน
จู่ ๆ มันก็มาด่าพี่เหมือนกัน
กุ : ไม่รู้ ไม่สนใจ จะด่าอินุ่นว้อย
พอวางจากไอ่ควายพวกนี้เสร็จ กุจึงโทรไปวีนแตกกะอินุ่น
โอ้ อนิจจา ... น่าสงสารอินุ่นมาก ๆ ที่เสือกมารับเคราะห์กรรม
โดยที่แม่งไม่รู้เหี้ยไรเรย กุก็เล่า ๆ ให้มันฟังกุไม่ยอม
ยังไง ๆ กุก็ไม่ยอม กุบอกอินุ่นว่า ถึงแม้มันจะไม่ได้ด่ากุ
ด้วยถ้อยคำหยาบคายแต่กุถือว่ามันด่ากุ
เพราะว่า มันพูดเชิงว่ากุอ้ะ ไปแย่งผัวมัน อิดอก ผัวมึงหล่อตายเรย ครวย
พอฟ้องอินุ่นเสร็จอิดอกนั่นก็โทรมาหากุ
ถามกุประมาณว่า
อินั่น : นี่เธอ เมื่อกี้เธอบอกแฟนชั้นเหรอว่าชั้นด่าเธอ
ชั้นด่าเธอตอนไหน ฮะ !
( น้ำเสียงตอแหลมาก ๆ อ่านแล้วลองทำเสียงตามดู )
กุ : เอ๊า ก็ด่าซี่ ทำไมจะไม่ด่า
อินั่น : เหรออออ อออ ออ
( ลากเสียงยาน ๆ เหมือนนมยาน ๆ ของมัน กุคิดว่านมมันคงยาน )
เค้าเรียกว่าด่าเหรอ ชั้นไปด่าเธอตอนไหน
กุ : โอ๊ยยยย ชิบหาย ก็มึง ! อ้ะ ด่ากุ ! อิแร่ด
เมื่อกี๊ มึงบอกว่ากุไปแย่งผัวมึง พอใจมั้ย ควยเอ๊ย
อินั่น : อะไรกันเนี่ย นี่เธอหยาบคายมากเลยนะ
ชั้นจะถามน้องนุ่นว่าทำไมมีเพื่อนแบบนี้
กุ : เออ อิเหี้ย มึงไปถามเลยนะอินุ่นน่ะ
มันน่ะรู้สันดานกุดี หนอย ... ตอแหลนะมึงมาด่ากุแล้วทำเป็นรับไม่ได้
โดนกุด่าหน่อยเดียว
อินั่น : ( ลากเสียงยาน ๆ เหมือนนมของมันอีกแล้ว ) เหรออออ
นี่น้องนุ่นมีเพื่อนแบบนี้เหรอเนี่ย
กุ : ( เริ่มรมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมแระ ) โว้ยยย อิห่า กุคุยไม่รู้เรื่องแล้วโว้ย
มึงจะกระแดะจีบปากจีบคอไปถึงไหนวะ
เด๊วกุจะไปตบมึ้ง
อินั่น : เหรอ มาตบเลยเหรอ มาสิ ๆ
กุ : เออโว้ย มึงรอกุอยู่นั่นแหละ กุจะไปตบมึง
สันดาน อิแร่ด ตอแหล ควยเอ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หลังจากนั้นก็ด่าอีกหลาย ๆ อย่าง เหอะ ๆ อารมณ์แบบว่า
ถ้าอยู่ตรงนั้น อินี่โดนตีนกุไปจริง ๆ แล้ว
เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ จนอิโบน้องกุมันต้องเตือนว่า
" เฮ้ย อะไรกันวะ ใจเย็น ๆ นี่มันหอพักนะเว้ย "
กุสั่นเป็นเจ้าเข้าเรย ใครมาขอหวยกุตอนนี้ คงได้เลขเด็ดไปแน่ ๆ
แต่ตอนนั้น กุอยากเข้าไปตบมันมาก ๆ กุหมั่นไส้มันสุด ๆ
กุว่ากุก็เข้าใจอารมณ์คนหึงนะ แต่กวนตีนกุนี่ รับไม่ได้จริง ๆ
กุว่ากุอาจจะเห็นใจถ้ามันมาขอโทษกุ แต่นี่ไม่ได้ขอโทษ
แร้วเสือกกวนตีนแบบนี้อีก โอ๊ย ... ยิ่งพิมพ์ก็ยิ่งอยากจะตบแม่ง
กุทนไม่ไหวโทรไปด่ามันอีก ตอนแรกมันกดวางสายกุ
ซักพักไอ่เหี้ยขวดตำรวยนั่นก็โทรมา
กุ : เฮ้ย นี่แม่งอะไรกันน่ะ ตกลงจะไม่จบใช่แมะ
กุจะได้ไม่จบด้วย
ขวดตำรวย : เอ่อ ... น้องครับ เมื่อกี๊พี่ต้องขอโทษแทนแฟนพี่ด้วยนะครับ
กุ : โว้ย มันอะไรนักหนาวะพี่ นี่บลิวอยู่ของบลิวดี ๆ นะ
ทำไมต้องโทรห่าไรอย่างนี้ด้วยวะ แม่ง
เริ่มรมณ์ไม่ดีแล้วนะโว้ย
ขวดตำรวย : อ่อ ครับ ๆ
กุ : ฉอดดดดด แว้ด ๆ ว้าก ๆ ๆ ๆ ๆ ฯลฯ ( สารพัดคำด่าแบบเหี้ย ๆ ควาย ๆ )
ซักพักกุได้ยินเสียงอินั่นพูดแทรกมาว่า
อินั่น : โทรไปหามันทำไมอีก
ขวดตำรวย : เธอยังมาพูดแบบนี้อีก จริง ๆ แล้วเธอต้องขอโทษเค้านะ
( พูดน้ำเสียงกระแทก ๆ )
อินั่น : ขอโทษมันทำไม คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุย
... จากนั้น ...
ตุ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สียงวางสายทอสับไป แม่ง เซ็งจริงๆเรยกุ
อยากเจอหน้าจริง ... จริ๊ง อิพวกอย่างเนียะ
ว่าถ้าเจอแม่งแร้ว กุเอาเรื่องเข้าจริง ๆ กุอยากรู้นักว่า
แม่งจะเจ๋งอย่างปากมั้ย กุเป็นคนไม่หาเรื่องใคร
แระเป็นคนขี้สงสารชอบเห็นใจคนอื่น
แต่กุก็รังเกียจและทนไม่ไหวถ้ามีคนมาหาเรื่องกุเหมือนกัน
กับอินี่ กุเริ่มไม่ไหวแระแม่พระในตัวกุเริ่มเป็นนางมารแระ
อย่าเรยเชียว กุอุตส่าห์แต๊บความเป็นมารเอาไว้
อย่าให้กุแสดงออกเชียว เยะเป็ด !
แร้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องอีกเรื่องนึง
ที่ทำให้กุเม้าท์กับเพื่อน ๆ ไปอีกหลายวัน
ถ้าเปรียบเทียบกับสัตว์เวลาออกล่าเหยื่อก็คงประมาณว่า
ออกไปหากินแล้วอิ่มไปหลายวัน
( มันเกี่ยวมั้ยวะ มั่วสัด ๆ เรยกุนี่ งิงิ )
เรื่องนี้มันคงสอนให้รู้ว่า
" ความเห็นใจ หรือการเอาใจเขาใส่ใจเรามากเกินไป
บางทีแม่งก็ทำให้กุแต๊บหลุดอยากตบคนได้ "
หมดความสงสารจริง ๆ อิเวรนี่
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า สะเบิ้งสะเจิ้ง อ่านว่า สะ - เบิ้ง - สะ - เจิ้ง
แปลว่า อาการของคนที่หลุดโลก บ้า ๆ บอ ๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แต่งประโยค คนตี้อกหักแล่วฮับความเป๋นจริงบ่ได้ บางทีกะย่ะก๋ายเป๋นคน
สะเบิ้งสะเจิ้งได้ เอ็นดูง่าว
แปลอีกทีว่ะ คนที่อกหักแล้วรับความเป็นจริงไม่ได้ บางทีก็จะกลายเป็นคน
หลุดโลก ๆ จิต ๆ บ้า ๆ บอ ๆ ไปได้ น่าสงสารมั่ก ๆ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล. แล้วบล็อกกุก็คืนชีพอีกครั้งหลังจากที่หายไปนาน
จนคนบางคนคิดว่ากุตายห่าไปแล้ว
กว่าจะบิ๊วด์อารมณ์อัพบล็อกได้ นานสัด ๆ นานเหมือนกุเบ่งขี้เรย งิงิ
แต่กุก็กลับมาแว้ววว... และกุยังไม่ผอม T_T ...


วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2549

ตัวมาร

สมัยที่ยังเรียนวิชาการแสดงละครสำหรับเด็ก
( จริง ๆ ชื่อวิชาไม่ใช่แบบนี้ แต่กุนึกได้แบบนี้ ช่างหัวมัน )
มีอยู่วันนึงที่ตรงกับวันบวชเพื่อนกุ วันที่เท่าไหร่วะ แม่งจำไม่ได้
ไอ่กานต์ มันคือเพื่อนของกุและของเพื่อน ๆ ในห้อง
เพราะไอ่เหี้ยนี่มันเคยเรียนกับพวกกุตอนปี 1 เทอม 1
มันเป็นผู้ชายคนเดียวในห้อง เป็นสิ่งที่พวกกุรู้สึกหวงแหนอย่างมาก
ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม กลัวของจะพัง !
จริง ๆ แล้วห้องกุแม่งมี ผู้ชาย 3 คน แต่เป็นตุ๊ด 2 คน เหลือไอ่กานต์มาหน่อเดียว
แล้วไอ่กานต์มันก็ไม่กลับมาเรียนอีกเลย สอบแม่งก็ไม่มาสอบ
ด้วยอาการติดเมีย หรืออะไรแนว ๆ นี้
( หรือมันคิดแล้วว่า กุไม่น่าจะหลงมาเรียนกะอิห่าพวกนี้เล้ย อืม ... เป็นไปได้ )
แต่มันก็ยังคงเป็นเพื่อนพวกกุอยู่เสมอ
ตอนแรก ๆ มันก็ส่งการ์ดส่งซองมาให้เพื่อน ๆ แต่ยังเรียนกันอยู่ยังไม่ได้ทำงาน
จากซองหลายซอง พวกกุจึงรวบไว้ให้เหลือแม่งซองเดียว
โฮะ ๆ ๆ ๆ ไม่ได้งกนะคะ ถ้าได้ทำงานกันแล้ว
พวกกุคงได้ร่วมอนุโมทนาไอ่กานต์มากกว่านี้
ตอนแรกคิดแล้วว่า แม่งเอ๊ย ไม่ได้ไปงานบวชไอ่กานต์แน่ ๆ เพราะติดเรียนช่วงบ่าย
พอเข้าเรียน นั่งรอจารย์จนเจ็บก้น ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจารย์จะเข้ามาสอน
แต่ละคนนั่งรอจารย์เข้าสอนก็กระสับกระส่ายไปด้วย อย่างกะคนติดยาบ้า
เพราะพะวงเรื่องงานบวชเพื่อนเก่า นั่นเอง
สุดท้าย อิรุ่นน้องปี 2 เอกนิเทศ แม่งเสือกตะโกนบอก
อิรุ่นน้องปี 2 : พี่ ๆ คะ จารย์บอกว่าวันนี้ไม่สอนค่ะ จารย์ไปธุระ
พวกกุ : กรี๊ดดดดดดดดดดดดด จริงเด้น้อง กรี๊ด ๆ ๆ เฮ้ย ๆ ๆ ไปงานบวชไอ่กานต์กัน
และแล้ว กุกับเพื่อน ๆ ในห้อง 20 กว่าชีวิต ก็ขี่รถไปเป็นขบวนตาม ๆ กันไป
แม่ง ยังกะจะรวมพลไปตีกะนักเลง หรือไม่ก็เหมือนขบวนขันหมาก
ไอ่ที่ตามกันไปไม่ใช่เป็นห่วงเหี้ยไรกัน แต่ตามกันไปเพราะไม่รู้จักวัดที่มันจะบวช
ไอ่ชื่อวัดมันก็คุ้น ๆ ชื่ออยู่หรอก แต่เพราะไม่เคยไป ก็ไปไม่ถูก
ตามกันไป ไอ่คนที่อยู่ข้างหน้า แม่งก็พาหลงไปนู่นไปนี่
ก็ใช่ว่ามันจะรู้ที่ไหน ก็เสร่อ ๆ ขี่ตรงไปเรื่อย ๆ ถามเค้ากันบ้างตามประสาคนมีปาก
สุดท้ายไปถึงงานก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว โอ๊ะ ... พวกกุไปถึงทันตอนที่เค้ากะลังบรรเลงเพลง
พวกกุก็พูด ๆ กันว่า เออดีเนอะ มาทันเค้าจะแห่นาคเข้าโบสถ์ กันพอดี
ตอนแรก ๆ ก็เข้าไปไหว้แม่ไอ่กานต์กันก่อน นำทีมโดยหัวหน้าห้อง
เพราะไม่รู้จะส่งใครเข้าไปเสือก มะรู้จักหน้าตาแม่มันเลยนี่หว่า
เลยให้ลอง ๆ ไปถามว่าใช่รึป่าว พอบอกว่าใช่ เลยยกขบวนกันไปไหว้เค้า
แม่ง มีมารยาทจริง ๆ ใช้ได้ ๆ ถึงตอแหล แต่มือไม้อ่อน งิงิ
( แต่ปัญญาไม่อ่อน อาจจะกลวงนิด ๆ แต่ก็ถือว่าไม่อ่อนล่ะวะ )
อิปูน หัวหน้าห้อง และทอมคนเดียวในห้อง วาดลีลา
การแดนซ์หน้านาคอย่างเร้าใจ ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปี กุไม่เคยเห็นอิเหี้ยนี่เต้นเลย
นี่ถือว่ามางานบุญ นะเนี่ย กุจึงได้มีบุญเห็นมันแดนซ์หน้านาค
พวกกุก็เริ่มไปเต้น ๆ รำ ๆ แดนซ์ ๆ หน้านาคกันอย่างเมามันส์
แต่กุเริ่มรู้สึกสะอิดสะเอียน ชิงชังอย่างแรง คงเป็นเพราะ
เห็นเด็กตัวเล็ก ๆ ตัวกะเปี๊ยกเดียว ถือขวดเบียร์ เดินเมาแอ๋
ร่อนไปร่อนมา หน้าตาแม่งได้ที่แระ มือนึงถือขวด อีกมือมาสะกิด ๆ พวกกุ
ให้ไปแดกกะมัน โอ๊ย ไม่ไหว กุไม่เอาด้วยคน
พวกกุก็หลบ ๆ หลีก ๆ กันไป พาลก็ร่วมนินทา แบบไม่กลัวบาป
ถึงพฤติกรรมของอิเด็กเหี้ยนี่ ว่า พ่อแม่มันแม่งทำไมปล่อยลูกแบบนี้วะ
ยังไม่โตเลย เสือกแด่กขนาดนี้แล้ว
โตไปอีกหน่อย กุว่าแม่งแด่กเหล้าเป็นน้ำยิ่งกว่านี้อีกมั้ง
พากันวิพากย์วิจารณ์กันซักพัก เริ่มรู้สึกว่า เฮ้ยแม่ง
เขตวัดนี่หว่า นินทามากไปก็บาปหนัก ปากหมาในวัด ไม่ไหว ๆ
เลยหันหน้ามาแดนซ์หน้านาคกันต่อ วุ้ยมันส์จริง ๆ แตร + วงเค้า
แต่กุก็โคตรเซ็ง เพราะกว่าแม่งจะเดิน กุนี่แดนซ์หน้านาคเดินนำหน้าไปตั้งนานแระ
อิข้างหลังแม่งยังไม่ตามกุมาเลย กุกะเพื่อน พักแล้วพักอีก
หันไปคุยกัน " เฮ้ยแม่ง ไมมันช้างี้วะ ชิบหายกุเหนื่อยแร้วนะ "
พอนั่งรอตั้งนาน มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินมาถึงพวกกุซ้ากที
ด้วยความตอแหล อยากแดนซ์หน้านาค
ไม่รงไม่รอมันแล้วว้อย มึงไม่เดินมา เออ กุเดินไปเองก็ได้วะ
ก็ชวน ๆ กันวิ่งไปแดนซ์หน้านาคต่อ
มาจะกล่าวบทไป ถึงไอ่ตัวมารจัญไรส่วนหนึ่งในงานบุญ
ไอ่เหี้ยพวกนี้ เห็นพวกกุแดนซ์หน้านาคกัน ก็กัน ๆ ตัวกุ กะเพื่อน
ให้อยู่คนละฝั่งกัน พวกมันรุมกุ อิสัด จะให้กุแดกเหล้า
ชิบหายแล้ว เหล้าเพียวจะกรอกปากกุ๊ ไอ่เหี้ยยยยยยย
หันหน้าไปมองเพื่อน ก็โน่นเลย โดนแขนล่ำ ๆ ของไอ่สัดพวกนี้
กันไว้ มันเข้ามาช่วยกุไม่ได้ เอาไงดี ๆ ๆ กุเลิ่กลั่ก ๆ
นี่มันจะปี้กุเหรอ ๆ คิดในใจ เหงื่อแตกพลั่ก เหี้ยร้อนก็ร้อน หายใจไม่ถนัดเลย
( จริง ๆ แล้วกุก็กลัวเกินเหตุ แต่แม่งน่ากลัวจริง ๆ ชิบหาย )
กุหันไปมองอิห้อยเพื่อนเกย์ที่ร่วมแก๊งตอแหลของกุ
อิห้อยพนักหน้าเป็นเชิงบอกกุว่า มึงแดก ๆ ไปเหอะ แด่กแร้วมันก็ปล่อยมึง
กุจึงรับมาจิบ ๆ แหวะ เหล้าเพียว ๆ อยากจะอ้วกเลย เซ็ง ขมเยะเป็ด !
วันนั้นกุตั้งใจไปแดนซ์หน้านาค ไปร่วมทำบุญเพื่อนกุ
แต่กุต้องมาได้บาปเพราะไอ่สันดานหัวครวยพวกนี้
อยากกระโดดถีบหน้าแม่ง แต่ทำไม่ได้ พวกมันเยอะ
อีกอย่าง กุตัวเตี้ยอย่างนี้ อย่าว่าแต่โดดถีบเลย แค่เงยหน้ามองมัน
กุก็แทบหงายหลังแล้ว แม่ง มันสูงกัน หรือกุเตี้ยเองวะ
พอกุเอามาจิบแล้วกุก็ขอตัวออกนอกวงโคจรแขนล่ำ ๆ ของพวกมัน
ตอนแรกมันจะไม่ให้กุออก อ้าวตายห่าแล้ว กุจะออกยังไงดี
โชคดีที่ โอ๋ เพื่อนกุมันอาศัยตอนเผลอกระชากกุออกนอกวงได้
เหอะ ๆ ไม่งั้น กุคงเป็นลมตายห่าไปซะก่อน สูง ๆ กันแล้วปิดอากาศหายใจกุ
นึกถึงเวลาเดินกะเพื่อนสูง ๆ มันจะชอบถามกุว่า
" อิบลิว อากาศข้างล่างเป็นไงบ้างวะ อากาศข้างบน ดี๊ ... ดี "
เป็นคำถามที่กุอยากเอาตีนยัดปากเพื่อนมาก ๆ
แต่ตอนนี้ ถ้าเพื่อนกุถามแบบนี้ กุจะตอบมันว่า
" อากาศข้างล่างแม่งโคตรเหี้ยเลย กุจะเป็นลม "
ไอ่พวกตัวมารพวกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กลุ่มเดียวเท่านั้น
มันลามไปทุกหย่อมหญ้า ของงานบวชทุกที่
( กุคิดงั้นนะ )
ตอนกุไปงานบวชแฟนเพื่อนกุก็เหมือนกัน
ตอนแรกตกลงกะอิช่อเอาไว้
กุ : อิช่อ เราไปแดนซ์หน้านาคกันดีกว่าเว้ย
อิช่อ : เออ ๆ กุก็อยาก ๆ เด๊วรอให้แม่งตั้งขบวนก่อน
กุ : เออ ๆ งั้นเราไปยืนรอแม่งหน้าขบวนเรยดีกว่าว่ะ
ว่าแร้วกุ 2 คน ชมรมคนหน้าด้าน ตอแหล แห่งประเทศไทย
ก็เดินไปรอหน้าขบวนแห่ ถือซะว่า มาเอาบุญเพราะแฟนเพื่อนบวช
ที่ไหนได้ พอเค้าเริ่มแห่ กุก็แดนซ์ ๆ กันอยู่
ไอ่เหี้ยตัวมาร แม่งก็มาอีกแระ ชอบมาขัดจังหวะที่กุแดนซ์กันซะเหลือเกิน
มึงจะแดนซ์ จะแดกเหล้าเหี้ยไรก็เรื่องของมึ้ง
ทำไมจะต้องเอาพวกกุไปเกี่ยวด้วย
อีกอย่าง กุนัดกะเพื่อนแล้วว่ากุจะแดนซ์ แล้วแม่งมาขวางทางกุ
ตอนแรกกุก็ไม่รู้ แม่งมัวแต่แดนซ์จนลืมหน้าลืมหลัง
หันไปอีกที ชิบหายแล้ว เพื่อนกุหาย
เหลือแต่ไอ่ขี้เมา มาก้อร้อก้อติก กุก็ใช่ว่าจะสวยอะไร
แต่มันคงแปลกที่เห็นพวกกุไปแดนซ์ล่ะมั้ง
ถ้าเป็นผู้หญิงจะมีแต่รุ่นแย้มฝาโลง แต่ถ้าเป็นผู้ชายมันคงไม่ได้แปลกมาก
เพราะเพื่อนของนาคที่แห่ ก็มาแดนซ์หน้านาคกัน
กุหันไปหาเพื่อน มองซ้ายมองขวา เฮ้ยแม่ง เพื่อนกุหาย ๆ ๆ ๆ
ตายห่าแล้ว หันกลับมาอีกที ก็มีไอ่ขี้เมา กลุ่มเดิม
เอาไงดีวะ ยิ่งเดินไป มันก็ยิ่งบีบวงของมันให้แคบลง
เอาวะเป็นไงเป็นกัน กุต้องหาทางหนีจากพวกมันให้ได้
ถึงกุจะตอแหล แต่กุเลือกนะโว้ย !
จากนั้น กุทำทีเป็นโปรยยิ้มให้มัน สวยไม่สวยกุไม่รู้
ที่แน่ ๆ กุโปรยยิ้มเสร็จ ก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวไปหาเพื่อนกุเลย
ช่างหัวแม่งมัน สัดสันดานพวกนี้ มึงเชิญแดนซ์หน้านาคเอาบุญให้พอใจ
กุจะเอาบุญอะไรกับเค้าบ้างนี่ ไม่ได้เลยนะ
ขวางแม่งตลอด แม่งเจอทุกงาน น่าเบื่อสุด ๆ อยากเอาตีนลูบหน้า
ตกลงว่า กุนี่คงทำบุญอะไรกับเค้าไม่ขึ้นเลย มีตัวมารตลอด
นี่ถ้ากุสวย หุ่นดี ซะหน่อย กุจะอ่อยเหยื่อแม่ง
แต่นี่ อะไรวะ ไม่ได้มีเหี้ยอะไรเล้ย แม่งก็มาขวางกุ๊
โอ๊ย ... เบื่อโว้ย จะไปแดนซ์หน้านาคที่ไม่ใช่คนรู้จัก
กุก็อายเค้า นี่เห็นว่างานบุญเพื่อน เออแม่ง ก็มาโดนงี้อีก
ไม่องไม่เอาแม่งแล้ว บุญ ชีวิตกุมีแต่บาป
บาปที่ไปด่าเค้าในใจ แถมยังเอาไปนินทากะเพื่อนอีก
ไม่ให้กุนินทาคงไม่ไหว กุอึดอัดตายห่า
เสือกทำตัวงี้ กุด่าซะชิบหายวายป่วงไปเลย
สะใจบนความบาป เว้ย พูดแล้วอยากถีบหน้ามัน
ไอ่หน้าส้นตี๊นนนนนน !!!
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า ล้วก อ่านว่า ล้วก แปลว่า ฉลาด
แต่งประโยค น่องดุ๊กดิ๊กเป๋นคนล้วกขนาดได้เกรด 4.00 ทุกเทอมเลย
แปลอีกทีว่ะ น้องดุ๊กดิ๊กเป็นคนฉลาดโคตร ได้เกรด 4.00 ทุกเทอมเลย
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล แต่กุก็ยังไม่เข็ด ไว้มีโอกาสเหมาะ ๆ เพื่อนๆจะบวชอีกกุจะไปแดนซ์หน้านาคเหมือนเดิม
( รู้สึกตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แม่งมีเพื่อนบวชแร้ว งิงิ
พ่อบอกกุว่า กุก็ควรบวชได้แล้วนะ
เวรแล้ว หนูเป็น ญ นะคะพ่อขา กรี๊ดดดด )