วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

... อุแว้ อุแว้ ...

ย้อนหลังไปเมื่อ 26 ปี ก่อนพุทธกาล
อ๊ะ ไม่ใช่ !
26 ปี หลังจากปี 2552 นี้
เด็กน้อยตัวแดง อวบอ้วน หน้าเหี่ยว
ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
กุนี่แหละ 
พ่อเล่าว่า แม่ปวดท้องตั้งแต่วันที่ 16
ช่วงนั้นก็เป็นช่วงเปิดเทอมของโรงเรียนพอดี
เมื่อก่อน ไม่มีโรงพยาบาลแถวนั้น
พ่อก็ให้แม่นั่งซ้อนมอไซค์
อุ้มท้องโย้ ๆ ไปโรงพยาบาลอีกอำเภอหนึ่ง
( แม่งทรหดว่ะ )
แม่ปวดท้องร้อง โอ๊ย โอ๊ย ( ไม่ใช่เพลงนะ )
พ่อก็ไม่รู้จะทำไง เอ็ดแม่กุซะกุตกใจหมด
( แหม่ ได้ข่าวว่ามึงยังไม่คลอดมั้งอี่บลิว )
ตอนกุคลอด
พ่อกุรอหน้าห้องคลอดเมียงมองหาญาติพี่น้องก็ไม่มีซักคน
ก็จะให้มีได้ไง เพราะญาติพี่น้องทางพ่อ ก็อยู่แพร่
ญาติพี่น้องทางแม่ก็อยู่นครสวรรค์
พ่อแม่ทำงานพิษณุโลก
โอ๊ย แล้วแต่ก่อนทำอย่างกะว่าเดินทางง่ายนักแล
พ่อกุเลยแบบว่า แม่งใจแป้ว
น้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้าตา จะหลั่งรินออกมาก็มิกล้า
เสียเชิงชายอดีตนักมวยประจำหมู่บ้าน
จะมาทำอย่างงี้ม่ายด๊ายยยยยยย
และแล้ว กุก็ได้มีโอกาสเติบใหญ่
กุจำได้ครั้งหนึ่งว่าตอนกุอยู่แพร่
แล้วตรงกับวันเกิดกุ
พ่อกุซื้อเค้กมาให้เป็นเค้กแยมน่ากิ๊น น่ากิน
กุทนไม่ไหวแว้วววว น้ำลงน้ำลายไหลย้อย
อยากแดกเค้กแยมสุดฤทธิ์
วิงวอนฟ้าดิน " สาธู้ ขอให้ถึงเร็ว ๆ ไม่ได้เหยอค้า "
" วันนี้วันที่ 16 แล้ว ค่ำ เร็ว ๆ ไม่ได้เหรอค้า "
ตกดึกของวันที่ 16 กุตบะแตกอย่างสิ้นเชิง
บอกพ่อว่า ไม่ไหวแล้ว อยากกินเค้กอย่างมหาศาล
( กุนี่อยากแดกเว่อร์ อะ บ้ามาก )
พ่อ : " แล้วพรุ่งนี้จะเค้กไหนเป่า
" กุ : " ขอนิดเดียว ๆ "
พ่อจึงให้กุไปแบ่งเค้กมากินนิดนึง
เพราะสงสารลูกกุคิดว่าสงสารในทางสังเวช
ที่ลูกกุมันจะทนเหี้ยไรอีกนิดไม่ได้เชียวหรือ
ดังนั้น เมื่อถึงวันเกิดสภาพเค้กของกุ
จึงมีรอยแหว่งวิ่น หาใช่รอยจากคมมีดตัดแบ่งไม่
แต่นั่น คือรอยแหว่งจากการจกด้วยมือของกุเอง
ไม่เพียงแต่อุบาทว์ แต่ยังทุเรศได้ด้วยการแก้เผ็ดของพ่อกุ
พ่อกุอยากดัดสันดานลูก จึงนำข้าวเหนียวหนึ่งปั้น
( บ้านกุเรียกปั้นอะ หนึ่งกำมือปะ ?
ที่คนภาคอื่นเรียกกัน ?
ช่างแม่งเหอะ ไม่เข้าใจก็ช่าง กุจะไปแคร์ใครทำไมเนี่ย )
มาอุดช่องโหว่ของเค้ก
เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเนียน ๆ
ซึ่งนำความอับอายมาสู่กุอย่างมาก
ที่ได้สูตรของหนมเค้กแบบใหม่มาครอบครองเฉพาะตัว
เค้ก 3 ส่วน ข้าวเหนียว 1 ส่วน โปะให้เข้ากัน
งิงิ
หลังจากนั้น เมื่อกุย้ายไปเรียนที่พิษณุโลกไปอยู่กับพ่อแม่
เมื่อใดก็ตามที่เป็นวันเกิดกุ
กุก็จะได้กินเค้ก ช็อกโกแลต ที่แม่กับอาทำ
ไม่มีวิปปิ้งครีม ไม่มีอะไรเลย มีแต่เค้กที่อบเกรียม ๆ
ได้กลิ่นช็อกโกแลตอบอวล จนกุแทบจะลอยตามกลิ่น
( เหี้ย ! บรรยายซะจนอยากจะแดกเลยอะ )
- -"
มีอยู่ปีหนึ่ง กุจำได้ ทำเอากุน้ำตาจะไหล
ไม่ได้ซึ้งอะไร แต่โกรธ โกรธทำไมน่ะเหรอคะ
ต๊าย ... ถ้าไม่เขียนลงไป เกรงว่าจะเกิดอารมณ์หงุดหงิดค่า
ทั้ง ๆ ที่วันนั้น เป็นวันเกิดกุ
คนข้างบ้านก็เอาของขวัญมาให้กุ
อ๊ะ ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่ม้า ?
อะฮ้า อย่าคิดเช่นนั้น เรื่องที่ทำให้โกรธ ก็คือ
เค้ากลัวน้องสาวกุ เออ อี่โบ น่ะ
กลัวแม่งน้อยใจคือมีของขวัญให้กุ แต่อี่โบไม่ได้ อะไรประมาณนั้น
ดั๊นนนนน ให้ของขวัญกุเสร็จ เสือกมีให้อี่โบด้วย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
บลิวไม่ไหวแล้ว บลิวจะชน !!!
คือมึงเกี่ยวอะไรเนี่ย คือมันวันเกิดกุนะ
ทีวันเกิดมึง กุยังไม่ได้เหี้ยอะไรเลย ซักปี
แล้ววันเกิดกุปีนี้ มึงทำไมด๊ายยยยยยยยยย
หาาาาาาาาาาาาา
อารมณ์น้อยใจของกุ ล้นปรี่ น้ำตาเอ่อ
แต่ทำเป็นไม่ให้ใครเห็นทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นกุก็เด็กนะ
แต่ความตอแหลในการแสดง มีเหลือล้นกว่า
จึงมิมีใครรู้ ในเรื่องที่กุน้อยใจ
ป่านนี้น้องกุมันก็คงไม่รู้หรอกว่า
กุน่ะ น้อยใจคนที่ให้ของขวัญมันด้วยอะ
คือวันเกิดกุเนี่ย กุให้ความสำคัญมาก
กุเป็นคนที่รู้สึกตื่นเต้นทุกปีที่จะมีวันคล้ายวันเกิด
รู้สึกมันเป็นวันที่พิเศษ
เหมือนกะว่า วันนี้เป็นวันของกุนะ
เป็นวันที่ทุกคนต้องใส่ใจกุนะ ต้องเต็มที่ กุเป็นนางฟ้า
มันรู้สึกยิ่งใหญ่กว่าวันไหน ๆ
บอกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะกุก็ไม่เข้าใจตัวเอง
ยิ่งกุอายุเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ความบ้าในอัตตา ก็มีมากขึ้นเท่านั้น
รู้สึกถึงว่า มันมีค่าเสมอ มันมีค่าตลอดเวลา
ใครลืมไม่ได้ หากกุจะกลัวว่าใครลืม
กุจำเป็นต้องมาป่าวประกาศให้ทุกคนรู้
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจ
หากใครมาเห็นว่ากุมาเย้ว ๆ ใน msn
หรือในเว็ปต่าง ๆ ให้ทุกคนรู้ว่า กุเกิดวันนี้นะ
สิ่งที่กุดีใจในวันเกิดอีกเรื่องหนึ่ง
ก็คงจะเป็นเรื่องของราศี
มันก็ไม่ใช่ว่ากุชอบราศีพฤษภ หรืออะไรมาก
แต่ว่า ... มันทำให้กุรู้สึกถึงความเป็นตัวกุอย่างน่าประหลาด
เป็นเพราะกุเกิดในกลางเดือน
จึงมีราศีเป็นของตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องแชร์ราศีเกิดกับใคร
ไม่ต้องไปดูราศีเมษบ้าง ราศีพฤษภบ้าง อะไรบ้าง
ไม่ว่าตำราเล่มไหน กุก็เกิดราศีพฤษภแน่ ๆ
คนอย่างกุไม่ชอบอะไรวุ่นวาย ซับซ้อน
( นอกจากความคิดที่เสือกซับซ้อนอะนะ )
มันจึงเป็นสิ่งที่รู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ เหมือนกันนะ
ที่ไม่ต้องไปทะเลาะกับตัวเองเมื่อจะอ่านดวง
5555
นี่กุโตแล้วจริงเหรอ ?
เมื่อโตขึ้น โตขึ้น อายุมากขึ้น
งานเลี้ยง งานฉลอง งานสังสรรค์ ต่าง ๆ
ก็หายไปทีละเล็กละน้อย
บางปี กุก็อยู่คนเดียว บางปี กุก็นั่งร้องไห้คนเดียว
บางปี มันก็รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง
บางปี มันก็รู้สึกว่าสนุกสนาน
กุก็ไม่คิดเลยว่า
วันเกิดของกุจะมีเรื่องเศร้า เคล้าน้ำตาปะปนด้วย
มันคงเหมือนแม่น้ำปิงที่ใสสะอาด
พอไหลมารวมกับแม่น้ำยมแม่น้ำวัง แม่น้ำน่าน
( แม่น้ำน่านนี่สกปรกมากค่า )
มันก็คงต้องเจือปนกันไป
ต่อให้ตัวเองใสแค่ไหน ก็ต้องทนยอมรับกับสิ่งที่เจือปนมาด้วย
( เอ๊ะ นี่มันเกี่ยวมั้ยเนี่ย ? กุเริ่มมึน )
กุก็เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้ากุไม่มีใครในวันเกิดจริง ๆ
กุจะทำยังไง
ปีที่แล้ว ก็มีคนโทรมาอวยพรเหมือนกัน
แต่ว่า ... กุก็ไม่ได้อยู่บ้าน
สิ่งที่กุทำได้คือ ไปบ้านเพื่อน ไปอยู่กับเพื่อน
เพื่อนทำงาน กุนั่งเล่น นั่งเหงา
นั่งอารมณ์เดียวดายคนเดียว
คิด ๆ ไป หากกุเลียนแบบ MV ที่เค้าทำ ๆ กัน
จะเป็นยังไงนะ
เรื่องนี้กุคิดมาหลายครั้ง
สมมติว่า อยู่คนเดียว ไปซื้อเค้กมา
จุดเทียนแล้วร้องเพลงวันเกิดให้ตัวเอง
อธิษฐานเอง อวยพรเอง
เล่นเอง ชงเอง แดกเอง เช่นนี้กุจำทำได้มั้ย ?
กุจะอยู่ได้มั้ย ? น้ำตากุจะไหลมั้ย ?
แค่กุคิด ที่จะทำแบบนี้
จู่ ๆ น้ำตาก็ไหล พราก ๆ แล้วอะ
แต่ไม่แน่หรอก ชีวิตจริง ถ้าไม่ลองทำ
ก็ไม่รู้หรอกว่า ทนได้หรือไม่ได้
เมื่อก่อนเคยคิดว่า ถ้าเลิกกับคนที่เรารักมาก
รักจนหมดหัวใจกุคงเลิกไม่ได้ กุคงขาดเค้าไม่ได้
คงทนไม่ได้ ที่ไม่มีเค้าเคียงข้างกาย
แต่ ณ วันนี้ กุก็ยังคงเสียใจ ยังคงปวดใจ
ยังคงรู้สึกว่ามันเจ็บปวดอยู่มิวาย
แต่ ... กุก็ผ่านพ้นวันนั้นมาได้
ผ่านพ้น เพื่อรู้จักการเยียวยา รักษาตัวเอง
สัตว์ เวลาที่มันเจ็บ เป็นแผลเหวอะหวะขนาดไหน
มันยังรู้จักเลียแผลให้ตัวเองเลย
นับประสาอะไรกับกุล่ะ ที่จะไม่ได้
คิดได้ดังนี้ กุจึงลองก้าวเดิน เดินไปหาสิ่งที่คิดว่าทำไม่ได้
ทำได้ แต่ทนแทบไม่ได้ แล้วจะให้ทำยังไง ?
ในเมื่อชีวิตมันต้องทน ยังไม่ตาย
มันก็ต้องทนให้มีชีวิตอยู่รอด
กุก็ไม่ได้เก่ง ไม่ได้เข้มแข็ง แต่มันต้องทำ
มันต้องเรียนรู้มันต้องแก้ปัญหา
ถึงแม้จะเป็นการแก้เฉพาะหน้า
ก็ต้องทำ หากกุต้องอยู่คนเดียวจริง ๆ ล่ะก็
กุจะลองซักครั้ง กะอีแค่ เป่าเทียนวันเกิดคนเดียว
ร้องเพลงให้ตัวเองแค่นี้ทำได้ ก็จะทำต่อไป
ทำแล้วรู้สึกว่ามันแย่เกินเยียวยา ก็เลิกทำ
วันเกิดปีนี้ อยากได้นั่นอยากได้นี่
หวังที่จะได้นั่น หวังที่จะได้นี่
ตามแต่กิเลสที่กุมี
แต่สิ่งหนึ่งที่กุอยากบอก และอวยพรให้ตัวกุเอง คือ
กุอยากให้กุยืนอยู่ด้วยความคิดในมุมมองที่กุเป็น
ไม่ใช่กระเสือกกระสนดิ้นรนกับมุมมองคนอื่น
แล้วนำพามาเป็นตัวทำลาย
และขัดขวางการดำเนินชีวิตของตัวกุเอง
อย่างไรก็ดี จะดีหรือไม่ดี
กุ ก็ยังเป็นหนูบลิว น้องบลิว อี่บลิว ไอ้บลิว ฯลฯ
ของสิ่งแวดล้อมรอบตัวกุอยู่ดี
ขอบพระคุณพ่อแม่ ที่รักกัน ครอบครัว วงศาคณาญาติ
ที่มีผล มีปัจจัยทำให้กุได้เกิดมา
อสุจิตัวน้อยอย่างกุ อาจจะไม่ได้แข็งแรงเกินใคร
กุอาจจะโกงคนอื่นเข้าวินมดลูกแม่ก็ได้
ไม่ใช้หางตบตัวอื่น ก็อาจจะวางยาสลบตัวอื่น
เพื่อขัดขวางไม่ให้ตัวอื่น เข้าวินชนะกุ ฮ่า ๆ
ตอนนี้เกิดมาแล้ว ทำไรได้ กุจะทำ
ไม่ให้เสียชาติเกิดล่ะค่า
ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า หมาน อ่านว่า หมาน แปลว่า ลักษณะดี , เฮง
แต่งประโยค น่องคนนั่นเจื้อว่า ถ้าใส่เสื้อสีแดงตึงวัน เปิ้นย่ะหมานดีแต้
แปลอีกทีว่ะ น้องคนนั้นเชื่อว่า ถ้าใส่เสื้อสีแดงทุกวัน เค้าจะดวงดี เฮง ๆ
บ๊าย...บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล รักทุกคนที่รักนู๋เจ้า ขอบคุณที่สุด ขอกราบงาม ๆ
และกรวดน้ำทำบุญตอนเช้า
เผื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร จะลดน้อยลงบ้าง ( ก็ดี )

3 ความคิดเห็น:

ilovekeng.. กล่าวว่า...

สุขสันต์วันลืมตา..
มีความสุขมากมายเน่อ..
สู้ต่อไปครับ..วะฮ่าาาๆๆ..

Sitdhi กล่าวว่า...

ขี้เกียจอ่านอ้ะ .. มันยาว

เอาเป็นว่า วันเกิดของเรา เกือบเป็นวันตายของแม่ T T ซึ้งใจจริงๆ

จอมทะโล่ กล่าวว่า...

สุขสันต์วันเกิดเน้อ..มีความมากๆนะ เวลาทีตัวเองคิดว่าไม่ใคร อาจจะมีเพื่อนคนนี้กำลังคิดถึงเธออยู่ได้..