วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549

ออ ... ที่รัก

ตั้งแต่ปี 1 อาจารย์บอกกุและเพื่อน ๆ ว่า
" พวกเธอจะต้องมีการไปสอนเด็กฯ ที่บ้าน "
โดยอาจารย์จะกำหนดเวลาที่จะต้องสอนให้
ในตอนนั้นกุก็สอนเด็กเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่บ่อย ๆ
เพราะไม่ค่อยมีเวลาสอนเด็กคนเดิม
แต่สุดท้ายกุก็ได้เคสอย่างเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา

น้องเป็นเด็ก ออทิสติก แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นรุนแรง
อาจจะเป็นเพราะน้องได้รับการฝึกตั้งแต่เล็ก ๆ จากแม่
แล้วแม่ก็พาน้องไปหาหมอ ก็คงได้ฝึกอะไรต่อมิอะไรได้เรื่อย ๆ
แถมน้องก็ยังเป็นเด็กที่เข้าเรียนในศูนย์ฯ ที่กุเรียนอยู่ด้วย
ตามปกติแล้ว เด็กออทิสติก หน้าตาก็จะเป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไป
แต่พฤติกรรมหรือการเรียนรู้มันไม่ใช่
น้องเป็นเด็กหน้าตาดี รูปหล่อ น่ารัก อายุไม่ถึง 10 ขวบ
กุก็ไปบ้านเค้า ไปฝึกไปสอนเค้า 

กุ : หนูครับ ขยำดินน้ำมันสิคับ
น้องก็จะแลบลิ้นใส่กุ แล้วก็วิ่งหนี ๆ ๆ แล้วก็ออกไปกระโดดเล่นหน้าบ้าน
กุก็สุดจะทนกะมัน เด๊วนี้แม่งก็ไม่เคยเชื่อเหี้ยไรกุเรย
พูดปากเปียกปากแฉะจนปากแทบเน่าเพราะฮ่องกงฟุตอยู่แระ ( ใช่เหรอ ? )
แม่งก็ไม่ฟังกุ
ทำให้เลือดสูบฉีดเข้าหัวใจกุล้นปรี่ด้วยความโกรธ อยากจะกระชากตบก็ทำบ่ได้
เพราะกุรักเด็ก ต้องทน ๆ ๆ ๆ ฮึ่ม ๆ มึง ๆ ๆ ๆ มึงไม่ฟังกุ๊
แต่กุก็เข้าใจในตัวเด็ก ถ้าเรียนเอกนี้แล้ว
ไม่มีความเข้าใจ กุว่าอย่าเรียนแม่งเรยดีกว่า คิดงี้ก็ดีขึ้น
คงเป็นเพราะตอนนี้น้องโตแล้ว เรียนรู้อะไรได้มากขึ้น
กุจึงเริ่มอยากจะหาเด็กมาสอนใหม่น้องก็ไปเข้าเรียน
ในโรงเรียนปกติที่เป็นแบบเรียนร่วมแล้ว อะไรหลาย ๆ อย่าง
เปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่มันยังพอทำตามที่กุบอกบ้าง
ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะเค้าเครียด ที่ต้องอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่กดดัน
มันก็คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเด็กอยู่แระ
กุจึงเริ่มปรึกษากับครูที่อยู่ในศูนย์ฯ ที่กุเรียน
เค้าก็บอกว่า ให้กุลองเอาน้องอีกคนที่เป็นเด็กขั้นรุนแรงมาสอนที่บ้าน
น้องคนนี้เป็นเด็กที่ถือว่าโตแล้ว ในบรรดาเด็กในศูนย์ฯ
น้องเค้าอายุ 12 ขวบ เริ่มมีพัฒนาการทางร่างกายเป็นวัยรุ่น
( กุเคยแอบเห็น กร๊ากกก )
แต่น้องก็ไม่รู้เรื่องอะไรยิ่งกว่าคนแรกซะอีก
กุจำได้ว่า กุเคยเช็ดอ้วกน้องครั้งนึง เพราะตอนนั้นน้องนั่งอยู่คนเดียว
ก็เอากำปั้น ยัดใส่ปากตัวเอง แล้วก็อ้วกออกมา
โอ่ย กุจะบร้าตายห่า แม่งเอ๊ย ! ต้องไปหาผ้ามาเช็ดอ้วกให้
อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ต้องทำ แร้วตอนนี้กุก็ไปรับน้องมาสอนที่บ้าน
การฝึกก็อาจจะปกติเรื่อย ๆ ของมันดี ถ้ามันไม่เกิดเหตุการณ์นี้
น้องแม่ง ขี้แตก !
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แค่อ้วกกุก็ว่าหนักสำหรับกุแร้ว นี่มันขี้อีก แร้วน้องแม่งช่วยเหลือตัวเองบ่ได้
ทีนี้มันจะตกถึงใครล่ะ ถ้าไม่ใช่กุ๊ แง้ ๆ ๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
รับมาสอนวันแรก กุก็เจอดีเรย ทำไมไม่ถูกหวยเหมือนอย่างนี้บ้างวะ
แสดดดด
จริง ๆ แล้วน้องเค้าก็ใส่แพมเพิร์ส ไว้ตลอดเวลา
ถ้าแค่ฉี่กุจะไม่เดือดร้อนเหี้ยไรเรย แต่นี่แม่งขี้อ่ะ
กุอุตส่าห์ถามจากครูเค้าแร้ว ก่อนกุจะรับมาบ้าน
กุ : พี่คะวันนี้น้องขี้ยังอ่ะคะ
พี่ : อ่อ ก็เข้าห้องน้ำแล้วนะ พี่ล้างให้เองเมื่อกี้นี้
กุ : ง่า ดี ๆ ๆ เหะ ๆ ๆ หนูกลัวต้องได้ล้าง เหะ ๆ
พี่ : คงไม่แล้วล่ะ เพราะน้องถ่ายเป็นเวลา
กุจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่สุดท้าย สิ่งที่กุได้รับคือ ... น้องแม่งขี้แตกตอนมาบ้านกุนี่เอง
ชิบหาย ... ทำไงดีล่ะคราวนี้ ...
บ้านกุไม่ได้เคลือบยาถ่ายนะ ทำไมต้องเป็นเช่นนี้
มาจะกล่าวบทไป ถึงเรื่องขี้ ๆ
คงไม่มีใครขี้เป็นกลิ่น ราสเบอร์รี่ ฉะนั้น น้องเค้าก็เช่นกัน
ถ้ากุจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก็คงไม่ได้ เพราะมันเหม็นโคตร
กุเกิดความลังเล แม่ง ยิ่งลังเลเท่าไหร่ กุก็เริ่มจะทนไม่ไหว
คิดในใจ ... แม่งเอ๊ย กุจะพาน้องไปล้างดีมั้ยวะ
แต่อีกใจก็คิดอีกว่า ไม่เอ๊า ... ไม่เอา กุรับบ่ได้ ให้กุล้างขี้เนี่ยนะ
แม่กุเขียนงานอยู่ ก็บ่น ๆ ว่าให้พาน้องไปล้าง ด่ากุก็แล้ว
ว่ากุก็แล้ว แต่กุกลับไม่สะทกสะท้าน กุยอมให้แม่ด่า ดีกว่าให้กุล้างขี้ !
ในตอนนั้นกุคิดงั้น
สุดท้ายแม่กุคงทนไม่ไหว ( แต่กุเสือกทำเป็นทนไหว เพราะไม่อยากล้าง )
แม่กุเกิดอาการสุดจะทนกับพฤติกรรมจัญไรของกุได้
แม่กุเรยบอกให้กุพาน้องไปหาแม่ แร้วแม่จะเป็นคนล้างเอง
แต่กุเกิดความคิดในด้านดี ของความเป็นนางฟ้าอีกครึ่งของตัวกุ
กุคิดว่า เอาวะ ล้างก็ล้าง จะให้แม่ล้างได้ไง
กุจึงจัดการถอดแพมเพิร์สของน้องเค้าออกด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
อุวะ ... จริง ๆ กุก็เคยถอดแพมเพิร์สให้เด็กเล็ก ๆ อยู่เหมือนกันแหละน่า
แต่ตอนนั้นมันเป็นฉี่ค่ะ มันบ่ใช่เป็นขี้ ! คนละแนว คนละสปีชี่ส์กัน
พอกุถอดแพมเพิร์สน้องเสร็จ แม่ก็เอาไปเผาไฟรวมกับขยะทันที
อี๋ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แร้วกุก็จัดการล้างขี้น้อง แร้วก็อาบน้ำให้น้องด้วย
จะได้หอมสดชื่น ล้างสะอาด ดมยิ่งสะอาดล้ำลึก
แหวะ !
แหม่ ... แร้วน้องเค้าก็ไม่ใช่เด็ก ๆ ตอนกุถอดเสื้อผ้ามันหมด
กุก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมองตรงนั้นตรงนี้ ( กุไม่ใช่โรคจิตนะคะ )
กุก็ดันเหลือบไปเห็น อะไรต่อมิอะไรที่กุไม่คิดว่าอยากจะเห็น
อืม ... ไอ่น้อนี่มันโตแล้วจริง ๆ ด้วย กุแทบกรี๊ด
รู้สึกว่าตัวเองเขิน ๆ อยู่เหมือนกัน ทำไมต้องเป็นกุ๊
เมื่อกุอาบน้ำให้น้องเสร็จ ชำระ ชำแหละ อะไรหลาย ๆ อย่างหมดแล้ว
กุก็ไปหาเสื้อผ้าที่กุไม่ใส่แล้ว เอามาให้น้องใส่
แล้วก็ทาแป้ง แต่งตัวให้น้องใหม่เอี่ยม สดชื่น
แต่กุไม่ได้ขอแพมเพิร์สมา เพราะกุไม่คิดว่า น้องจะฝากรักให้กุขนาดนี้
กุคิดว่า ... เฮ้อ หวังว่าคงมีวันนี้แค่วันเดียวที่กุจะเจอดี
ตอนเอาน้องไปส่ง กุก็เล่าให้พ่อแม่ของน้อง แร้วก็พี่ที่เป็นครู ฟัง
เพราะพี่เค้า ไปรอรับน้องไปนอนที่บ้านอยู่แล้ว
สุดท้ายก่อนกุจะขอตัวกลับ แม่กะพ่อน้อง ก็เอาเสื้อผ้าของน้อง
แระก็แพมเพิร์ส ใส่ถุงให้กุ เอากลับบ้าน เพราะกุยังต้องเอาน้องมาสอนอีก
เค้าบอกว่า " เอาเผื่อไป เผื่อน้องขี้อีก "
เอาล่ะสิ นี่กุยังจะเจออีกเรอะ
พอกุรับน้องมาสอน กี่วัน ๆ น้องแม่งก็ขี้ทุกวัน
กุต้องพาน้องไปล้างทุกวัน

แม่กุเคยบอกว่า
" ก็คิดจะเรียนเอกนี้แล้วนี่ ทุกอย่างก็ต้องทนต้องทำให้ได้ ไม่งั้นจะเรียนทำไม "
เอาสิวะ ... กุเสือกมาเรียนแล้วนี่ จะจบแหล่ไม่จบแหล่อยู่แระ
เรื่องแค่นี้ กุต้องอดทนให้ได้
ฮือ ๆ ๆ เหลืออีกตั้งเดือนกว่า ๆ ที่กุต้องรับน้องมาสอนที่บ้าน
กุจะรอดไม๊วะเนี่ย แง้ ๆ ๆ ๆ
หลับก็ฝันว่าน้องขี้ ตื่นก็กินขี้ เอ๊ย ... ตื่นก็คิดกลัวว่าน้องจะขี้
แม่ง หลอนน่าดู๊ ทำไมชีวิตต้องพัวพันกับเรื่องขี้ ๆ ด้วยวะ
โอ้ววว เยะเป็ด !

ภาษาเหนือวันละคำวันนี้ คำว่า อ่องอ้อ อ่านว่า อ่อง - อ้อ แปลว่า สมอง
แต่งประโยค รถจนกั๋นคนต๋ายเป๋นนัก น่องหันอ่องอ้อเขาไหลน่ากั๋วเจ่นเจ้า
แปลอีกทีว่ะ รถชนกันคนตายเป็นเบือ หนูเห็นสมองเค้าไหลโคตรน่ากลัวเรยค่ะ
บ๊าย ... บาย
นู๋บลิว เซเลอร์มูน ก๋ากั่น
ป.ล. ขออภัยหากท่านกำลังแดกข้าวอยู่ ช่วยไม่ได้ เสือกมาอ่านบล็อกกุเองนี่
ก๊าก ๆ ๆ สะใจแสด เยะเป็ด !
( เวลากุแดกข้าวแร้วนึกถึงเรื่องนี้ทีไร กุก็จะอ้วกแตกทุกทีสิวะ )

3 ความคิดเห็น:

PunNeng กล่าวว่า...

ตายแน่ๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อย่าพูด...





เปรี้ยวปาก

BookMD* กล่าวว่า...

อย่าเพิ่งด่านะครับ ขอเสือกเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกะบล็อกนี้หน่อย แต่จะว่าไม่เกี่ยวมันก็ไม่เชิง
คืออยากถามเรื่องธีมน่ะครับ
นอกเหนือจากธีมที่บล็อกเกอร์ดอทคอมมีให้เลือกแล้ว เราจะเปลี่ยนเป็นแบบอื่นได้ยังไงครับ
แล้วก็พวกเมนู,ลิงค์ข้างๆ เนี่ย ถ้าเราจะเปลี่ยนจะต้องทำไงครับ